บทที่ 4
ต้าจุ่ยฟื้นขึ้นมายามเที่ยงตรงพอดีราวกับยืนยันความศักดิ์สิทธิ์ของวาจาเหยียนตี้ เรื่องแรกที่มันทำก็คือจะกินเนื้อ เสี่ยวฮุยเห็นสหายปลอดภัยไร้อันตรายก็ร้องบอกหิวตามไปด้วย ฉินโยวโยวขอให้ห้องครัวทำหมูสามชั้นน้ำแดงมาให้ห้าหม้อใหญ่ แล้วก็ถูกเจ้าสองตัวนี้กินจนเกลี้ยง
สาวใช้สองคนที่ถูกส่งมาปรนนิบัติฉินโยวโยวเป็นการชั่วคราวล้วนมองดูจนนิ่งอึ้งไป ด้วยไม่เคยเห็นใครกินเก่งถึงเพียงนี้มาก่อน! หม้อทุกใบที่ใส่หมูสามชั้นน้ำแดงเหล่านั้นล้วนแต่มีขนาดใหญ่กว่าพวกมันห้าถึงหกเท่า ทว่าพวกมันถึงกับกวาดเนื้อห้าหม้อเต็มๆ ไปจนเกลี้ยง ซึ่งเนื้อเหล่านี้มีปริมาณมากพอที่จะให้คนทั้งหมดในคฤหาสน์กินไปได้หลายวันเชียวนะ
โดยเฉพาะกระต่ายตัวนั้น กระต่ายมิใช่กินผักกินหญ้าหรือไรกัน ไฉนจึงกินเนื้อได้มากกว่านกสีดำตัวใหญ่ตัวนั้นเสียอีก!
ตัวช่างกินทั้งสองกินจนอิ่มหนำแล้วก็จัดการทำความสะอาดขนบนตัวที่เปรอะเปื้อนน้ำมันและน้ำปรุงรสไปอย่างเอื่อยเฉื่อยจนกระทั่งสะอาด เสี่ยวฮุยขยับไปใกล้ต้าจุ่ยก่อนเริ่มฟ้องอย่างอดรนทนไม่ไหว มันแทบสะอึกสะอื้นยามที่จาระไนถึงความเลวร้ายของเหยียนตี้เป็นต้นว่า…วาจาโหดร้าย รังแกคนอ่อนแอ หน้าเนื้อใจเสือ ไม่ชอบสัตว์เล็กๆ ออกมาทั้งชุดในคราวเดียว
ฉินโยวโยวได้ไล่สาวใช้ทั้งสองออกไปก่อนที่เสี่ยวฮุยจะเริ่มเปิดปากพูดอย่างคาดเดาล่วงหน้าได้ เพิ่งจะสำราญกับอาหารอันโอชะและการปรนนิบัติรับรองจากคนของเขาเสร็จก็วกมานินทาว่าร้ายคนเขาอย่างไม่เกรงใจแล้ว แม้แต่นางยังรู้สึกอับอาย
ต้าจุ่ยฟังคำกล่าวหาอันขื่นขมจากเสี่ยวฮุยจบแล้ว มันก็ฟังฉินโยวโยวบอกเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างที่แยกกัน รวมถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ได้รู้จักกับเหยียนตี้ ต้าจุ่ยสะบัดขนสีดำสนิทบนตัวเล็กน้อย ก่อนจะแค่นเสียงพูดด้วยท่าทางเหมือนผู้อาวุโส “มาทำดีด้วยโดยไม่มีสาเหตุเช่นนี้ หากไม่ใช่โจรก็เป็นคนร้าย คนแซ่เหยียนผู้นี้จะต้องมีแผนการร้ายแน่นอน!”
“ข้ารู้ แต่ตอนนี้ข้าโคจรลมปราณไม่ได้แล้ว เจ้าสารเลวเฟิงกุยอวิ๋นนั่นก็ไม่ยอมไปที่ชอบๆ อีก” ฉินโยวโยวพูดด้วยรอยยิ้มฝืดฝืน
สัตว์วิเศษทั้งสองสบตากันอย่างจนปัญญา เงียบไปครู่ใหญ่ก่อนต้าจุ่ยจะเชิดหน้ายืดอกพูดขึ้นว่า “กองทัพมาขุนพลต้าน น้ำบ่ามาเขื่อนดินกั้น* ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก หากเขากล้าทำอันตรายเจ้า ข้ากับเสี่ยวฮุยจะ…”
เสี่ยวฮุยลุกขึ้นนั่งด้วยความคึกคักฮึกเหิมพลางพูดคล้อยตามด้วยความตื่นเต้น “ใช่แล้วๆ ถ้าเขากล้าทำอันตรายท่าน ข้ากับต้าจุ่ยจะ…จะอะไร” เสี่ยวฮุยหันหน้าไปมองต้าจุ่ย ขอความเห็นจากมัน
ต้าจุ่ยแหงนหน้าหัวเราะแว้กๆ เสียงดังลั่น ก่อนพูดด้วยท่าทางอันน่าครั่นคร้าม “กินจนเขาหมดตัว!”
ฉินโยวโยวหมดคำพูดแล้ว นางรู้อยู่แล้วว่าเจ้าสองตัวนี้คาดหวังอะไรไม่ได้! หากต้องให้พวกมันช่วย มิสู้นางไปหาเต้าหู้มาโขกหัวตายยังดีเสียกว่า
เหยียนตี้รับปากฉินโยวโยวแล้วว่าจะไปตามหาจอมแพทย์เป็นเพื่อนนาง วันรุ่งขึ้นเขาก็พานางออกเดินทางจริงๆ
ต้าจุ่ยยืนอยู่บนบ่าฉินโยวโยว มันมองเหยียนตี้อยู่ชั่วครู่ อาศัยจังหวะที่เขาหันไปสั่งงานเหลียงลิ่ง ขยับมากระซิบข้างหูฉินโยวโยว “บนตัวเจ้านั่นมีไอสังหารเข้มข้นยิ่งนัก”
ฉินโยวโยวรู้สึกว่านี่เป็นคำพูดไร้สาระ เท่าที่นางได้รู้ได้เห็นมาตลอดเวลาไม่ถึงเดือนนี้ บุรุษตรงหน้าได้สั่งฆ่าคนไปเกินสามสิบคนแล้ว หากไอสังหารเขาไม่เข้มข้นนั่นต่างหากถึงจะแปลก!
“เทียนเล่อเคยบอกว่าต่อให้บุรุษที่นิสัยใจคอมีปัญหาจะหน้าตาดีเพียงไรก็เอามาทำพันธุ์ไม่ได้ โยวโยวเจ้าอย่าถูกเขาหลอกเชียวนะ” ต้าจุ่ยสอนด้วยท่าทีที่จริงใจยิ่ง ‘เทียนเล่อ’ ที่มันพูดถึงก็คืออาจารย์ของฉินโยวโยว มือเทพเนรมิตฉีเทียนเล่อผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง
ต้าจุ่ยเป็นสัตว์วิเศษของฉีเทียนเล่อ ระหว่างทั้งสองต่างก็เรียกขานอีกฝ่ายในระดับเดียวกันมาตลอด
“อะไรกัน เขานับว่าหน้าตาดีด้วยหรือ ข้ารู้สึกว่าดุร้ายยิ่ง…” ฉินโยวโยวทนรับความเหลวไหลของต้าจุ่ยต่อไปไม่ได้ กับผู้มีพระคุณปีศาจนั้นนางกลัวยังแทบไม่ทันเสียด้วยซ้ำ อีกอย่างนางก็ไม่รู้สึกอะไรกับรูปโฉมภายนอกของคนมาแต่ไหนแต่ไร
ในสายตานาง รูปโฉมภายนอกของคนมีเพียงสองประเภท…ที่ธรรมดาทั่วไปกับที่มีเอกลักษณ์