ตู้เหวยเหนียงดูมีนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมา พอเห็นสายตาของฉินโยวโยวเลื่อนไปหยุดที่เครื่องเรือนของตกแต่งก็พูดขึ้นด้วยความปลื้มอกปลื้มใจ “ท่านอ๋องมีจดหมายกลับมาแจ้งว่าจะทรงพาแขกสตรีท่านหนึ่งกลับมาที่จวน ให้ข้าตระเตรียมของให้พร้อม ของเหล่านี้ล้วนเป็นข้าเลือกมาจากกองช่างหลวงในวัง ล้วนแต่เป็นของที่ช่างหลวงทำขึ้นใหม่ทั้งหมด”
“ท่านเกรงใจเกินไปแล้วจริงๆ” ฉินโยวโยวยิ้มขื่นในใจ ท่านป้าท่านนี้จะต้องเข้าใจเจตนาของผู้มีพระคุณปีศาจผิดไปแน่ คงนึกว่าผู้ที่มาเป็นแขกคนสำคัญจริงๆ แต่สามารถยกประโยชน์ให้นางเสพสุขได้เช่นนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
ผู้มีพระคุณปีศาจน่าจะยังไม่ทำอันตรายนางไปอีกสักพักหนึ่ง แต่ฉินโยวโยวก็ยังรู้สึกตลอดว่าจะต้องมีแผนร้ายอะไรบางอย่างกำลังรอนางอยู่ข้างหน้า
“ท่านอ๋องทรงพาอาคันตุกะกลับมาทั้งที ซ้ำยังเป็นแม่นางน้อยที่งดงามถึงเพียงนี้ หึๆๆ…” สีหน้าของตู้เหวยเหนียงดูตื่นเต้นดีใจจนชวนให้คนขนลุกอยู่บ้าง เสียงหัวเราะแหลมราวกับเป็นเสียงแม่ไก่แก่ที่เพิ่งออกไข่ ทำเอาฉินโยวโยวขนลุกขนพอง
เสียงหัวเราะนี้ฟังดูคุ้นหูยิ่งนัก เหมือนกับ…เหมือนกับเสียงหัวเราะที่นางเคยได้ยินตอนอาจารย์พานางเดินผ่านหอโคมเขียวแห่งหนึ่ง ตอนนั้นมีแม่เล้าอายุมากซึ่งกลิ่นเครื่องประทินโฉมบนร่างสามารถรมคนจนตายเปล่งเสียงหัวเราะออกมา
ตู้เหวยเหนียงพาฉินโยวโยวเดินทั่วเรือนพักรอบหนึ่ง พร้อมกันนั้นก็ซักถามถึงเรื่องว่านางกับเหยียนตี้รู้จักกันได้อย่างไรจนกระจ่าง
ฉินโยวโยวย่อมไม่บอกออกไปทุกเรื่อง อย่างน้อยเรื่องเมื่อหนึ่งปีก่อนของคนทั้งสองก็ไม่อาจบอกออกไปได้ ส่วนเรื่องที่นางเป็นศิษย์ของมือเทพเนรมิตฉีเทียนเล่อนั้น พิจารณาตามคำบอกเป็นนัยของเหลียงลิ่งเมื่อครู่นี้แล้ว ก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องปิดบังเรื่องนี้กับตู้เหวยเหนียง
หลังตู้เหวยเหนียงฟังจบก็ยิ่งมีท่าทีอบอุ่นจริงใจกว่าเดิม แน่นอนว่านางก็หัวเราะได้น่ากลัวยิ่งกว่าเดิมเช่นกัน “ที่แท้ก็เป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามนี่เอง ทั้งท่านยังเดินทางไกลเป็นพันหลี่ติดตามท่านอ๋องกลับมาถึงที่จวน หึๆๆ คงจะอยากฝากกายฝากใจไว้กับท่านอ๋องเป็นแน่แท้กระมัง”
ฉินโยวโยวตกใจจนสะดุ้งโหยง “ไม่ใช่ๆ ตัวข้าถูกพิษ ท่านอ๋องของพวกท่านสามารถหาตัวจอมแพทย์มารักษาข้าได้ ข้าถึงได้ตามเขากลับมา”
“ไม่ต้องเขินอายไป ข้าสนับสนุนท่าน!”
“ไม่ใช่จริงๆ ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านอ๋องของพวกท่านมิได้เป็นอย่างที่ท่านคิด”
ตู้เหวยเหนียงยิ้มละไมพลางตบแขนฉินโยวโยวเบาๆ ก่อนกล่าวอย่างขอไปที “เอาล่ะๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แม่นางน้อยก็หน้าบางเช่นนี้แหละ ร่างกายท่านผอมเกินไปแล้ว ต้องบำรุงให้ดีสักหน่อย! ต่อไปอยากกินอะไรก็มาหาข้าได้เลย ข้ากับเสี่ยวถิงฮวาอยู่ที่เรือนด้านหลัง”
ฉินโยวโยวหมดคำพูดอย่างยิ่ง ทว่าพอคิดดูอีกที ผู้อื่นเห็นนางเป็นว่าที่พระชายาอย่างไรก็ดีกว่าเห็นนางเป็นนักโทษที่เคยลบหลู่ท่านอ๋อง อย่างน้อยก็ได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่ามาก ถึงอย่างไรนางก็อธิบายไปแล้ว หากผู้อื่นไม่เชื่อ นางก็จนปัญญา ไม่นับว่านางหลอกลวงคนแต่อย่างใด
ส่งตู้เหวยเหนียงจากไปแล้ว ฉินโยวโยวก็หิ้วตะกร้าไม้ไผ่ที่ข้างประตูขึ้นมา ก่อนจะเห็นต้าจุ่ยสะบัดขนพลางลืมตาข้างหนึ่งแอบมองสถานการณ์ด้านนอกด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ
“ไม่ต้องแกล้งแล้ว คนเขาไปแล้ว!” ฉินโยวโยวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ เจ้านี่ตื่นนานแล้วแท้ๆ กลับแกล้งหลับให้นางรับมือกับผู้มีพระคุณปีศาจอยู่คนเดียว ไร้คุณธรรมน้ำใจเกินไปแล้วจริงๆ
ต้าจุ่ยเด้งตัวขึ้นมาแล้วกระพือปีกบินไปเกาะบนชั้นวางของเบื้องหน้าฉินโยวโยว มันมองซ้ายแลขวาเล็กน้อยก่อนพูดอย่างไม่ละอายใจ “คมในฝัก ซ่อนเร้นกำลังความสามารถในยามเหมาะสมจึงจะเป็นหนทางคว้าชัยของผู้มีปัญญา”
“เจ้าซ่อนคมเสียลึกถึงเพียงนั้น แน่ใจหรือว่ายังชักออกมาแสดงได้” ฉินโยวโยวพูดอย่างดูแคลน
“การทำความเข้าใจขีดขั้นระดับของข้านั้นถือเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้า มาคุยกันก่อนดีกว่าว่าเจ้าไปล่วงเกินดาวพิฆาตผู้นั้นตั้งแต่เมื่อไร” ต้าจุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างสอดรู้สอดเห็น
เจ้านี่ตื่นมาอย่างน้อยๆ ก็ตั้งแต่ตอนที่ข้ากับผู้มีพระคุณปีศาจเข้าไป ‘คุยกัน’ ในห้องหนังสืออย่างที่คิดจริงๆ!