ฉินโยวโยวถอนหายใจกล่าวว่า “เจ้าจำเรื่องเมื่อหนึ่งปีกว่าก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ ที่ท่านอาเฉียวเขียนจดหมายมาเปรยกับอาจารย์ว่าค้นพบถ้ำศิลาแห่งหนึ่งด้านหลังน้ำตกที่อยู่ทางเหนือของค่ายภูเขาของพวกเขา ด้านในมีกับดักกลไกร้ายกาจ จึงสงสัยว่าภายในถ้ำจะมีขุมทรัพย์ของราชวงศ์ก่อน”
“จำได้สิ! ภายหลังเจ้ายังได้ช่วยชีวิตคนทั้งหมดในค่ายภูเขาของเฉียวมู่ฉาไว้ด้วย…หืม! ที่นี่คือจวนเซิ่งผิงชินอ๋อง?!” ต้าจุ่ยระลึกถึงเรื่องในอดีตที่ฉินโยวโยวเคยเล่าให้เขาฟัง ก่อนจะพลันแจ้งใจในบัดดล
หนึ่งปีกว่าก่อนหน้านี้ ฉีเทียนเล่อกับต้าจุ่ยออกไปข้างนอกหลายวันยังไม่กลับ ฉินโยวโยวกำลังเบื่อพอดีจึงทิ้งเสี่ยวฮุยไว้เฝ้าบ้าน แล้วตนเองก็ตรงไปค่ายภูเขาของเฉียวมู่ฉาเพียงคนเดียวเพื่อจะดูกับดักกลไกร้ายกาจที่เขาว่ากัน นางทำการศึกษาค้นคว้าอยู่ข้างในถ้ำศิลาแห่งนั้นได้สิบกว่าวันก็สะเดาะกับดักกลไกข้างในได้จนหมดสิ้น แต่ครั้นนางพาคนของค่ายภูเขาเข้าไปในขุมทรัพย์ถึงได้พบว่าด้านในว่างเปล่า ไม่มีสิ่งของใดๆ ทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคลังสมบัติสร้างเสร็จแล้วแต่ไม่ได้ใช้หรือว่าเคยถูกคนให้เกียรติมาขนย้ายไปก่อนแล้วกันแน่
ทุกคนที่มีความหวังเต็มเปี่ยมกลับต้องผิดหวัง แต่มิได้เก็บมาใส่ใจเท่าไรนัก ฉินโยวโยวเองตั้งใจว่าจะกลับบ้าน แต่จู่ๆ ค่ายภูเขาทั้งค่ายกลับมีกองทหารของแคว้นเซียงเยวี่ยมาปิดล้อม ผู้นำทัพก็คือเซิ่งผิงชินอ๋องเหยียนตี้ผู้มีชื่อเสียงโหดร้ายดังกระฉ่อน
ฉินโยวโยวอาศัยอยู่บนเขามาตั้งแต่เล็ก นางจึงไม่ได้สนใจต่อผู้คนและเรื่องราวของโลกภายนอกนัก แต่พวกเฉียวมู่ฉารู้ดีถึงความร้ายแรงในเรื่องนี้ ความรู้สึกของแต่ละคนจึงล้วนหนักอึ้ง
ในอดีตพวกเขาเคยเป็นโจรมาก่อน ไม่รู้ว่าเคยปล้นขุนนางขี้ฉ้อและพ่อค้าหน้าเลือดไปตั้งเท่าไรบ้าง หัวหน้าทั้งห้าซึ่งไม่รวมเฉียวมู่ฉา ตลอดจนลูกน้องที่จงรักภักดีอีกร้อยกว่าคนล้วนแต่เป็นผู้ต้องหาตัวฉกาจในประกาศจับกุมของแคว้นเซียงเยวี่ยรวมถึงแคว้นน้อยใหญ่จำนวนมากในบริเวณโดยรอบ หากถูกจับตัวได้ ผลที่ตามมาเป็นเช่นไรก็ไม่อยากจะคิดเลย
พวกเขาล้างมืออำลาวงการมานานหลายปี ครอบครัวทั้งเด็กและคนชราล้วนพักอยู่ภายในค่าย หากมีกองทหารบุกเข้ามา ลำพังพวกเขาจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ก็ช่างเถอะ แต่พ่อแม่บุตรภรรยาไม่ควรต้องประสบเคราะห์ภัยไปด้วย สมบัติที่สะสมมาหลายปีก็ต้องถูกริบไปสิ้นแน่นอน เด็กสตรีคนเจ็บคนชราในค่ายภูเขาต่อให้โชคดีรอดชีวิต แต่วันหน้าก็คงมีความเป็นอยู่ที่ลำบากยากแค้น
เฉียวมู่ฉาส่งคนไปพบเหยียนตี้ หวังว่าจะสามารถเจรจาเงื่อนไขที่สองฝ่ายยอมรับได้ออกมา แต่กลับพบว่าเหยียนตี้มีท่าทีแข็งกร้าวอีกทั้งยังตั้งใจมาเพื่อขุมทรัพย์ราชวงศ์ก่อนที่อยู่ในถ้ำศิลา เฉียวมู่ฉารู้ว่าต่อให้เขาบอกว่าภายในขุมทรัพย์ว่างเปล่าไม่มีสิ่งใด อีกฝ่ายก็คงไม่เชื่อ เป็นไปได้มากว่าจะคิดว่าพวกเขาแอบเก็บสมบัติไว้เอง จุดจบของพวกเขามีแต่จะยิ่งอเนจอนาถ
ทหารแคว้นเซียงเยวี่ยเคลื่อนกำลังมา รอให้รวมตัวครบเมื่อใดก็จะบุกโจมตีทันที ลักษณะพื้นที่ของค่ายภูเขาของพวกเฉียวมู่ฉาเป็นพื้นที่อันตราย ป้องกันง่ายโจมตียาก ถึงกระนั้นก็ยังอยู่ภายในสายตาของแคว้นเซียงเยวี่ย ในเมื่ออีกฝ่ายหมายมาดในขุมทรัพย์นั้นแล้ว ย่อมแข็งใจจะหักโจมตีค่ายภูเขาของพวกเขาลงให้ได้ พวกเขายันไว้ได้วันนี้ แต่พรุ่งนี้ก็ยันต่อไปไม่ไหว
เคราะห์ดีที่ฉินโยวโยวพบว่าภายในขุมทรัพย์มีทางออกลับอีกทางหนึ่ง ทั้งยังอยู่นอกวงล้อมของกองทหารพอดี ขอเพียงถ่วงเวลาไม่ให้กองทหารบุกโจมตีได้เป็นการชั่วคราว คนทั้งหมดในค่ายภูเขาก็สามารถอาศัยทางลับของขุมทรัพย์ถอยหนีได้สบาย
ด้วยเหตุนี้นางจึงร่วมวางแผนกับเหล่าหัวหน้าค่ายภูเขาอย่างพวกเฉียวมู่ฉา โดยให้รองหัวหน้าออกหน้าแสร้งทำเป็นจะหักหลังค่ายภูเขาเพื่อแลกกับความมั่งคั่งปลอดภัยของตน เขาลอบเจรจากับเหยียนตี้เป็นการลับว่าจะให้ความร่วมมือในการเปิดทางให้กองทหารเข้าโจมตีในอีกสามวัน และรับรองว่าสามารถตีค่ายแตกได้ในครั้งเดียวและจะมีความสูญเสียเกิดขึ้นน้อยที่สุด
คนทั้งหมดล้วนคิดว่าค่ายภูเขาถูกล้อมจนหมดแล้ว คนข้างในไม่สามารถหนีไปที่ใดได้อีก ต้องถูกโจมตีไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว ดังนั้นเหยียนตี้จึงเชื่อคำของรองหัวหน้า รั้งทัพรอลงมือในอีกสามวัน
เพียงไม่นานเวลาสามวันก็ผ่านไป ผลลัพธ์แค่คิดก็รู้ได้ เหยียนตี้รอแล้วรอเล่าแต่รองหัวหน้าก็ยังไม่ปรากฏตัว ทางด้านค่ายภูเขาก็เงียบจนน่าแปลกใจ หน่วยสอดแนมเข้าไปใกล้เพียงเล็กน้อยก็ถูกกับดักลอบโจมตี ยังไม่ทันสอดแนมเห็นอะไรก็บาดเจ็บล้มตายกันแล้ว