บทที่ 2
ฮ่องเต้ประหนึ่งกลัวว่าฉินโยวโยวจะเปลี่ยนใจ จึงปล่อยเหยี่ยวส่งสารที่ใช้ติดต่อกับบรรดาผู้อาวุโสที่เขตหวงห้ามหมู่บ้านซือตี้โดยเฉพาะออกไปทันที แจ้งให้พวกเขาขนย้ายปืนใหญ่ภายในถ้ำศิลาใต้น้ำมายังเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด
มีปืนใหญ่ของบรรพบุรุษแล้ว เขาก็มั่นใจเต็มร้อยว่าจะตีแคว้นตัวลี่ให้พินาศย่อยยับได้!
เดิมทีฮ่องเต้ยังสงสัยอยู่บ้างว่าปืนใหญ่มีอานุภาพมากเกินจริงเหมือนที่บรรยายอยู่ในหนังสือสั่งเสียของบรรพบุรุษจริงๆ หรือไม่ ทว่าช่วงที่ผ่านมาเขาได้ประจักษ์ในอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของกลไกตำหนักอักษรอยู่หลายหน อีกทั้งเห็นท่าทีของฉินโยวโยวแสดงชัดว่ากลไกชนิดนี้ยังนับไม่ได้ว่าเป็นสุดยอด แค่คิดก็รู้ว่าอานุภาพของปืนใหญ่ที่เป็นความลับของบรรพบุรุษรวมถึงอาวุธที่อยู่บนแบบร่างกลไกเหล่านั้นน่าตกตะลึงถึงระดับใด
ฉินโยวโยวประหนึ่งว่าไม่ได้รู้สึกถึงความตื่นเต้นเฝ้ารอของเขา นางเพียงตรวจดูกลไกรอบตำหนักอักษรไปเงียบๆ จนเสร็จ จากนั้นก็กลับเข้าห้องข้างไป
นางนั่งอยู่ข้างเหยียนตี้ อาศัยแสงตะเกียงพินิจดูสีหน้าซีดขาวของเขา ก่อนจะค่อยๆ ฟุบลงข้างหมอนเขาแล้วเริ่มร้องไห้เสียงเบาขึ้นมา
ไม่รู้ว่าร้องเพราะเหยียนตี้บาดเจ็บสาหัส ร้องเพราะตนเองไม่เชื่อฟังคำสอนของอาจารย์ หรือว่าร้องให้กับบรรดาคนที่กำลังจะต้องจบชีวิตลงภายใต้อานุภาพของปืนใหญ่
คืนนี้ฉินโยวโยวหลับได้ไม่เป็นสุขอย่างที่สุด ในฝันมีแต่ภาพเลือดเนื้อของผู้คนนับไม่ถ้วนปลิวว่อนภายใต้การระดมยิงของปืนใหญ่ บรรดาแม่ม่ายเด็กกำพร้าร่ำไห้ดื่มน้ำตาต่างน้ำ ยามตื่นมาตอนเช้าคนก็สมองมึนงงเหมือนว่าไม่ได้นอนอย่างไรอย่างนั้น
ไทเฮาใช้เรื่องเป็นห่วงบุตรชายมีราชกิจรัดตัวแล้วจะไม่ได้กินอะไรให้ดีเป็นข้ออ้างมาเยี่ยมที่ตำหนักอักษรแต่เช้าตามเคย
นางเดินเข้าห้องข้างมาก็เห็นสภาพซูบเซียวหน้าซีดของฉินโยวโยวที่เพิ่งตื่นมาล้างหน้าหวีผมเสร็จ จึงอดจะเดินมาลูบแก้มอีกฝ่ายไม่ได้ “ไฉนจึงเคี่ยวกรำตนเองจนเป็นเช่นนี้ หย่งเล่อฟื้นมาเห็นสภาพเจ้าจะปวดใจมากเพียงไร”
ฉินโยวโยวปล่อยให้ไทเฮาดึงตัวมานั่งลงข้างๆ ก่อนเอ่ยถามเสียงเบา “เสด็จแม่ไม่ทรงโทษหม่อมฉันหรือเพคะ หม่อมฉันออกปากว่าจะคุ้มครองหย่งเล่อให้ดี ผลคือเขากลายเป็นเช่นนี้เสียแล้ว”
ไทเฮาถอนหายใจก่อนเอ่ยว่า “เดิมทีก็โทษอยู่ แต่พอเห็นเจ้าเปื้อนเลือดไปทั้งตัว สลบอยู่ข้างหย่งเล่อ…เกิดเรื่องกับหย่งเล่อขึ้น เจ้าก็ไม่ได้เสียใจน้อยไปกว่าข้าสักเท่าไร จึงรู้สึกว่าโทษไม่ลงแล้ว” นางยิ้มพลางตบไหล่ฉินโยวโยว “อีกทั้งเจ้าก็เป็นดวงใจของหย่งเล่อ หากเขาฟื้นมาแล้วรู้ว่าเจ้าถูกข้ากับหย่งคังรังแก ก็ไม่รู้ว่าจะทำหน้าตึงใส่พวกข้านานเท่าไร”
ฉินโยวโยวก้มหน้าลง ความลังเลในใจถูกกดลงไปอีกครั้ง
สามีปีศาจดีต่อนางเพียงนี้ นางแบกรับความละอายใจนี้เพื่อเขาจะนับเป็นอะไร
ไทเฮาจับตามองฉินโยวโยวกินอาหารเช้าและยาบำรุงร่างกายจนหมดแล้วถึงค่อยลุกขึ้นจากไป
เหลียงลิ่งก้าวมากล่าวอย่างระมัดระวัง “พระชายา ปืนใหญ่ที่มีรับสั่งให้นำมาจากเขตหวงห้ามได้ส่งมาไว้ในห้องข้างอีกฟากแล้วพ่ะย่ะค่ะ จะเสด็จไปตอนนี้หรือว่า…”
ไม่ต้องให้ฮ่องเต้กำชับอธิบาย เหลียงลิ่งก็รู้ว่าเรื่องนี้มีความสำคัญใหญ่หลวง จึงไม่กล้าเร่งรัดมากเกินไป
ฉินโยวโยวมองเหยียนตี้ที่นอนหลับลึกแน่นิ่งอยู่บนเตียงแวบหนึ่ง ก่อนสูดหายใจลึกตอบว่า “ไปตอนนี้เลยแล้วกัน”
ภายในห้องข้างอีกฝั่งของตำหนักอักษร สิ่งของทั้งหมดถูกขนออกไปจนเกลี้ยงแล้ว ฮ่องเต้กับนักกลไกวัยกลางคนสามคนกำลังยืนอยู่ข้างแบบจำลองปืนใหญ่สีดำขลับกระบอกนั้น สีหน้าตื่นเต้นพลุ่งพล่านจนระงับไม่อยู่