ขณะเหยียนตี้กับฮ่องเต้พานักกลไกสามคนนั้นกลับถึงเมืองหลวงอย่างเงียบเชียบก็เป็นเวลาโพล้เพล้แล้ว แต่คนทั้งหลายยังคงไม่อาจสงบอารมณ์ที่พลุ่งพล่านลงได้ทั้งหมด
ฮ่องเต้จัดการพานักกลไกทั้งสามไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัยและเป็นความลับด้วยตนเอง ให้พวกเขาประกอบปืนใหญ่ที่เหลือต่อ ส่วนตนเองกับเหยียนตี้ก็กลับวังหลวงด้วยกัน
ยามมาถึงวังหลวงก็ไม่ได้เข้าไปในวังทันที ฮ่องเต้เอ่ยชวนเหยียนตี้เดินขึ้นหอกำแพงวัง ก่อนเอ่ยอย่างคึกคักฮึกเหิมยิ่ง “คำทำนายของบรรพบุรุษจะเป็นจริงที่พวกเราสองพี่น้องตามคาด หึๆ! แผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้อีกไม่นานก็จะกลายเป็นของสกุลเหยียนเรา แค่คิดถึงเรื่องนี้ก็อยากให้วันใหม่มาถึงตอนนี้เลยจริงๆ พวกเราพี่น้องนำทัพใหญ่กวาดล้างแคว้นตัวลี่แล้วต่อด้วยใต้หล้า! เจียงหรูเลี่ยน สำนักเฟิ่งเสิน แคว้นตัวลี่ ทั้งหมดล้วนต้องถูกบดขยี้เป็นผุยผงภายใต้อานุภาพของปืนใหญ่บรรพบุรุษ!”
เหยียนตี้เองก็มีสีหน้าตื่นเต้นเช่นเดียวกัน ทว่าคำพูดต่อมาของฮ่องเต้กลับเป็นเช่นน้ำเย็นที่สาดใส่ อารมณ์ตื่นเต้นของเขาให้ถูกดับลงทันควัน “เจ้าว่าหากให้น้องสะใภ้ถอดความหมายของขีดเครื่องหมายลึกลับเหล่านั้นบนแบบร่างกลไกอื่นๆ ที่บรรพบุรุษทรงทิ้งไว้ออกมา…”
ในสมองเหยียนตี้ปรากฏภาพท่าทางอันอ่อนแอซีดเซียวของฉินโยวโยวที่เขามองเห็นในวันที่ฟื้นวาบผ่านแทบจะพร้อมกัน ทั้งยังมีแววนึกเสียใจ ละอายใจ หวาดหวั่น ไร้ที่พึ่งในดวงตาของนาง…
“มีปืนใหญ่ของบรรพบุรุษก็มากพอแล้ว เรื่องนี้อย่าได้เอ่ยถึงอีก!” คำปฏิเสธแทบจะโพล่งออกจากปากโดยปราศจากความลังเล
เขาริษยามากจริงๆ ที่ฉินโยวโยวยึดถือวาจาของอาจารย์มากยิ่ง แต่หลังจากเขาได้เห็นกับตาถึงสภาพซึมเซาเศร้าเสียใจเนื่องจากฝ่าฝืนหลักการของตนเองและอาจารย์ของนางแล้ว เขาก็ยอมปล่อยหนามนี้ให้ยอกอกต่อไปดีกว่าทำให้นางต้องเสียใจและลำบากใจอีกครั้ง
“มีปืนใหญ่บรรพบุรุษย่อมจะไม่เลว แต่ปืนใหญ่เหมาะกับการโจมตีระยะไกล อีกทั้งการขนส่งก็ไม่ค่อยสะดวก ของที่เป็นพื้นที่วิเศษมีน้อยเกินไป ทั่วทั้งท้องพระคลังรวมถึงคลังส่วนตัวของราชวงศ์ที่สามารถบรรจุปืนใหญ่ได้กลับมีเพียงราวสิบชิ้น หากมีอาวุธที่เบาและขนย้ายสะดวกอีกทั้งมีอานุภาพเกรียงไกรอย่างอื่นคอยช่วย การรวบรวมใต้หล้าของพวกเราก็จะราบรื่นขึ้นมาก” ฮ่องเต้หว่านล้อมต่ออย่างไม่ยอมแพ้
“เรื่องนี้ปล่อยให้ค่อยเป็นค่อยไปเถิด ข้าไม่อยากฝืนใจนางอีก นางเป็นภรรยาของข้า” เหยียนตี้ส่ายศีรษะปฏิเสธ
ฮ่องเต้ไม่เห็นด้วย “ค่อยเป็นค่อยไป? หากปล่อยให้เป็นเช่นนั้น เกรงว่าแม้แต่ปืนใหญ่บรรพบุรุษพวกเราก็ไม่ต้องคิดฝันกันแล้ว แค่สตรีนางหนึ่งเท่านั้น จะเทียบกับสิ่งที่สกุลเหยียนวางรากฐานมายาวนานหลายชั่วคนได้อย่างไร”
เหยียนตี้มองเขาปราดหนึ่งอย่างเย็นเยียบ “หากไม่มีนาง สิ่งที่วางรากฐานมายาวนานหลายชั่วคนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะบรรลุผลสำเร็จได้เดือนใดปีใด เสด็จพี่ ท่านไม่ต้องพูดแล้ว ข้าไม่มีทางรับปาก”
ฮ่องเต้ถอนหายใจ กลับมาทำท่าทางทะเล้นก่อนเอ่ยว่า “ก็ได้ น้องสะใภ้เป็นดวงใจของเจ้า ข้าที่เป็นพี่ไม่มีค่าแล้ว เรื่องนี้ข้าจะไม่เอ่ยถึงอีก แต่เรื่องที่ข้าจะนำทัพออกรบเอง เจ้าก็อย่ามาห้ามข้า”
เหยียนตี้ขมวดคิ้วมองเขาพลางเอ่ยว่า “ท่านยังไม่ถอดใจอีก? ในสนามรบเสี่ยงอันตราย ท่านเป็นถึงผู้ปกครองแคว้น ต่อให้ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่ถ้าได้รับบาดเจ็บก็กระทบต่อใจทหารใจราษฎรอย่างมาก แล้วไฉนท่านต้องไปเสี่ยงให้ได้ด้วย”
ฮ่องเต้แค่นหัวเราะ “พูดเช่นนี้อีกแล้ว ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมฮ่องเต้คู่แห่งแสงสว่างและความมืดต้องเป็นข้าที่ตัวติดอยู่บนบัลลังก์อันเย็นเฉียบน่าเบื่อตัวนั้น! ข้ามอบบัลลังก์ให้เจ้า แล้วให้ข้าใช้ตำแหน่งเซิ่งผิงชินอ๋องของเจ้าแทนดีหรือไม่ เช่นนี้ทุกคนก็ไม่ต้องเอาเรื่องผู้ปกครองแคว้นอะไรนี่มากดดันข้าแล้ว”
เหยียนตี้ส่ายหน้า “ท่านรู้ทั้งรู้ว่านี่เป็นไปไม่ได้ กลับกันเถอะ ฟ้ามืดแล้ว” เขาพูดจบก็ไม่พล่ามอะไรอีก เพียงหมุนตัวเดินลงจากหอกำแพงวัง ก้าวเท้ายาวไปทางตำหนักอักษร
ฮ่องเต้เดินตามหลังเหยียนตี้ไปอย่างไม่เร็วไม่ช้า แววตาที่มองเงาหลังอีกฝ่ายทอประกายเยียบเย็นบางๆ ออกมา เขารู้ว่าเหยียนตี้รีบไปตำหนักอักษรเพื่อรับสตรีนางนั้น
ในวังมีภรรยาที่เหยียนตี้ชมชอบกำลังรออีกฝ่ายอยู่ แต่เขาที่เป็นฮ่องเต้นี้มีอะไร มีแต่สตรีใส่หน้ากาก วางแผนจะตั้งครรภ์เลือดเนื้อเชื้อไขของเขา อยากกลายเป็นไทเฮาหรือไท่เฟยในภายภาคหน้าแค่เท่านั้น
ในห้องข้างของตำหนักอักษร ภายใต้แสงตะเกียงนวลตา ฉินโยวโยวกำลังยิ้มตาหยีพลางพลิกดูเสื้อต่วนทอลายตัวน้อยสีชมพูที่เพิ่งทำเสร็จไปมา พร้อมจินตนาการถึงเสียงหัวเราะชอบใจและท่าทางน่ารักน่าชังหลังจากที่เสี่ยวฮุยได้สวมใส่มัน
ทันใดนั้นเอวก็ถูกคนกอดไว้จากทางด้านหลัง เสื้อผ้าที่ติดไอหนาวเย็นของต้นฤดูใบไม้ผลิจากด้านนอกแนบชิดกับร่างนาง หลังคอถูกคนหอมไปหนึ่งฟอด “วันนี้ทำอะไรไปบ้าง”
ฉินโยวโยวไม่ต้องฟังไม่ต้องมองก็รู้ว่าผู้ที่มาถึงแล้วทำรุ่มร่ามกับนางในเขตวัง นอกจากสามีปีศาจแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีก
“ท่านกลับมาแล้ว?” นางหันไปส่งยิ้มให้ รอยยิ้มเจิดจ้าตราตรึงใจจนทำให้เหยียนตี้หัวใจหยุดเต้น เขาอยากให้ทุกครั้งที่กลับมาล้วนมีรอยยิ้มอ่อนหวานเช่นนี้รอต้อนรับเขา เพราะฉะนั้น…เรื่องแบบร่างเขาจะไม่เอ่ยถึงอีกเด็ดขาด ทั้งยังต้องคิดหาวิธีทำให้ฮ่องเต้ถอดใจด้วยเช่นกัน
ติดตามตอนต่อไป