ไม่มีผู้ใดรู้เลยสักนิดว่าฉินโยวโยวหงุดหงิดจนจะไม่ไหวแล้ว และยิ่งแค้นเจียงหรูเลี่ยนศิษย์อาจารย์ที่ทำให้นางไร้อิสระเข้ากระดูกดำยิ่งกว่าเดิม
เหยียนตี้นอกจากเรื่องไม่ชอบแววตาแฝงความมุ่งหมายที่บางคนใช้พินิจมองฉินโยวโยวแล้ว อันที่จริงเขาก็รู้สึกว่าเช่นนี้ไม่เลวเลย
“เจียงหรูเลี่ยนหลบอยู่ในที่ลับไปตลอดไม่ได้หรอก อย่างไรเขาก็ยังเป็นเจ้าสำนักของสำนักเฟิ่งเสิน ผู้อาวุโสทั้งหลายของสำนักไม่มีทางปล่อยให้เขาทำเรื่องวุ่นวายแน่ เจ้าอดทนอีกสักระยะหนึ่งก็ไม่มีอะไรแล้ว” เหยียนตี้กล่าวปลอบด้วยถ้อยคำไพเราะน่าฟัง
“หากพวกเขาจะนึกถึงก็ควรนึกถึงท่านกับพี่ชายท่านสิ จะมานึกถึงข้าทำไม” ฉินโยวโยวพูดอย่างอัดอั้นตันใจ นางอยากจะหาตัวพวกเขาเพื่อแก้แค้น และเค้นถามที่อยู่ของบิดามารดาเสียด้วยซ้ำ
เหยียนตี้ขยี้ศีรษะฉินโยวโยวโดยไม่พูดอะไร เจียงหรูเลี่ยนกับเมธาจารย์ซวี่กวงมีเหตุผลให้นึกถึงนางอยู่มากเหลือเกิน วิชากลไกที่เหนือชั้นกว่านักกลไกในยุคนี้หลายเท่าของนาง รูปโฉมงามเป็นหนึ่งที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นมารดาของนาง ไม่ว่าสิ่งใดก็เพียงพอจะทำให้พวกเขาลงมือกับนางได้แล้ว
ตำแหน่งฐานะของฉินโยวโยวในแคว้นเซียงเยวี่ยรวมถึงในใจเขาในยามนี้ยิ่งทำให้ผู้อื่นมีใจหมายปองนางมากกว่าเดิม ก่อนสองแคว้นจะเปิดศึก หากจับตัวนางไว้ได้ก็จะกลายเป็นตัวประกันที่ดีที่สุดในการขู่บังคับเขา
“เสด็จแม่ตรัสว่าก่อนศึกใหญ่ให้พวกเราจัดพิธีแต่งงานกันก่อน ทางเรือนศิลาก็บูรณะใกล้เสร็จพอดี หลังพิธีเจ้าก็ย้ายไปอยู่กับข้าทางนั้น”
ตอนกลางคืนในช่วงที่ผ่านมานี้เหยียนตี้ล้วนพักอยู่ในหอนอนที่เรือนศิลาน้อยของฉินโยวโยว แน่นอนว่ากิจวัตรประจำวันย่อมสะดวกไม่สู้กับตอนอยู่ที่เรือนศิลา จะอย่างไรที่นี่ก็เป็นเพียงสถานที่ที่สร้างไว้ให้พระชายาพักอาศัยเพียงคนเดียว รูปแบบตัวเรือนจึงเน้นความประณีตอ่อนช้อยมากกว่า
ฉินโยวโยวถามด้วยความแปลกใจ “พวกเรามิใช่ทำพิธีแต่งงานกันแล้วหรือ” ได้ข่าวว่ายังเป็นพิธีระดับสูงสุดของสกุลเหยียนอีกด้วย
แม้จะไม่มีใครเข้าร่วมชมพิธี แต่พอนึกถึงคำสาบานที่เหยียนตี้กับนางกล่าวต่อหน้ารูปสลักหยกบรรพบุรุษ นางก็รู้สึกว่าพิธีแต่งงานนี้จริงใจกว่าการคลุมหน้าไหว้กันไปไหว้กันมามากนัก
เหยียนตี้เล่นผมฉินโยวโยวพลางตอบยิ้มๆ “นั่นเป็นพิธีแต่งงานในตระกูลพวกเรา ด้วยฐานะของข้า เดิมทีการแต่งตั้งพระชายายังต้องมีพิธีแต่งตั้งและพิธีสมรสอย่างเป็นทางการอีก แต่ข้าคิดว่าเจ้าต้องกลัวความยุ่งยากเป็นแน่จึงได้ขอให้เสด็จแม่ทรงจัดรวมไว้ในวันเดียวกันเลย”
ฉินโยวโยวพลันแจ้งใจ นางก็แปลกใจอยู่ว่าไฉนพอทางเหยียนตี้ขอนางแต่งงาน ทางนั้นก็ประกาศต่อทั้งใต้หล้าว่านางเป็นพระชายาแล้ว ถึงขั้นว่าคนในจวนอ๋องยังเปลี่ยนคำเรียกขานในชั่วข้ามคืน ยามเข้าวังพบฮ่องเต้และไทเฮา คนทั้งหมดในวังก็เรียกนางเป็นพระชายาเช่นกัน
นางก็รู้สึกอยู่ว่าพวกเขาแต่งตั้งพระชายาได้ง่ายดายตามสบายเกินไปจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเจ้าคนเลวนี่ถึงกับหลอกให้นางเข้าใจผิดจนทำข้าวสารเป็นข้าวสุกแล้วถึงค่อยดำเนินขั้นตอนตามหลัง เจ้าคนเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว!
“วันดีสำหรับจัดงานที่เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลเลือกมาอยู่หลังวันที่เจ็ด พรุ่งนี้พวกชุดแต่งงานน่าจะส่งมาถึง ทุกอย่างในจวนเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว เจ้าไม่ต้องคิดอะไรมาก รอเป็นเจ้าสาวอย่างเดียวก็พอ” เหยียนตี้คล้ายว่าไม่สังเกตเห็นความไม่พอใจของฉินโยวโยว เขาบรรยายแจกแจงเรื่องพิธีแต่งงานต่อ
ฉินโยวโยวข้องใจขึ้นมาอีกครั้ง การเตรียมพิธีแต่งงานมิใช่เรื่องง่ายดายเพียงนี้ โดยเฉพาะสามีปีศาจยังเป็นถึงชินอ๋อง เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะเตรียมการเรียบร้อยได้ในพริบตาเดียว
“เริ่มเตรียมการตั้งแต่เมื่อไร ไฉนข้าถึงไม่รู้เรื่อง” ฉินโยวโยวรู้สึกว่าระยะนี้ตนเองเริ่มจะเลอะเลือนขึ้นทุกที
เหยียนตี้ยิ้มพลางพลิกตัวกดนางลงบนเตียง เขาโน้มหน้าลงพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ยว่า “ตอนที่พวกเราไปถึงเมืองปาไซ่ ข้าก็ส่งจดหมายบอกให้ในจวนเริ่มเตรียมการแล้ว”
ดวงตาโตแสนงดงามทั้งสองข้างของฉินโยวโยวเบิกโพลง นางพูดอย่างอึดอัดคับข้อง “ท่านมั่นใจถึงเพียงนั้นเชียวว่าข้าต้องแต่งให้ท่านแน่?!” จะเกินไปแล้ว! ที่ยิ่งเกินไปกว่านั้นคือนางถึงกับซื่อบื้อถูกเขาหลอกเสียอยู่หมัดจริงๆ!