มองดูพี่น้องห้าคนที่เหลือขอตัวจากไปด้วยท่าทางราวกับได้รับอภัยโทษครั้งใหญ่แล้ว เหยียนตี้ก็ขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างแทบไม่สังเกตเห็น วันนี้เป็นวันแต่งงานของเขา อีกฝ่ายมีเรื่องสำคัญอะไรถึงกับต้องลากเขามาพูดในวันนี้ให้ได้
ฮ่องเต้คล้ายมองไม่เห็นสีหน้าไม่เข้าใจของเหยียนตี้ เพียงลุกขึ้นยืนก่อนสืบเท้าก้าวยาวเดินไปยังห้องหนังสือที่เรือนศิลา
ภายในห้องนอนที่เรือนศิลา ฉินโยวโยวอาบน้ำเสร็จแล้วก็มานั่งพิงอยู่บนตั่งนุ่มรอเหยียนตี้กลับมาด้วยท่าทีเกียจคร้าน นางได้ยินเสียงหัวเราะอันครึกครื้นของลวี่อี้กับบ่าวหญิงสามคนที่นอกห้องอยู่แว่วๆ
นางรอจนเบื่อก็เรียกพวกนางมาถามว่ากำลังคุยเรื่องสนุกอะไรอยู่ บ่าวหญิงสามคนที่เหลือล้วนเลื่อนสายตาไปมองลวี่อี้ ลวี่อี้จึงเปิดปากตอบยิ้มๆ “หม่อมฉันคุยถึงประเพณีเจ้าสาวแกล้งเจ้าบ่าวของบ้านเกิดกับพวกนางเท่านั้นเองเพคะ หม่อมฉันไม่กล้าพูด…หากพระชายาทรงนำไปเล่นกับท่านอ๋อง หม่อมฉันได้อเนจอนาถเป็นแน่”
ฉินโยวโยวแค่นเสียงพูด “หากเจ้าไม่พูดมาตอนนี้ก็จะมีสภาพอนาถตั้งแต่ตอนนี้เลย!”
นางมีนิสัยเป็นกันเอง บ่าวหญิงทั้งสี่จึงทำตัวสบายๆ ยามอยู่ต่อหน้านางมาแต่ไหนแต่ไร คำขู่นี้พวกลวี่อี้จึงไม่กลัวแต่อย่างใด เอาแต่เม้มปากกลั้นยิ้มไม่ยอมพูด
ฉินโยวโยวเผยสีหน้าดุร้ายท่าทางขมึงทึงออกมา “หากเจ้าไม่พูด ข้าจะให้พวกนางสามคนจั๊กจี้เจ้า!”
บ่าวหญิงสามนางที่เหลือพากันหัวเราะคิกคักพลางล้อมวงเข้ามาจะลงมือจัดการ ลวี่อี้บ้าจี้เป็นที่สุด ในที่สุดก็อ้อนวอนขอร้อง “พูดแล้วเพคะๆ”
นางบอกวิธีที่เจ้าสาวแกล้งเจ้าบ่าวออกมาหลายวิธีอย่างไม่มีอำพราง ทว่าฉินโยวโยวฟังไปฟังมากลับรู้สึกว่านำไปใช้กับสามีปีศาจไม่ได้แน่นอน
หลอกให้เขาดื่มซีอิ๊ว ทำให้เขาอาบน้ำเสร็จแล้วหาเสื้อผ้ารองเท้าไม่เจอ ให้เจ้าบ่าวตอบคำถามถูกก่อนถึงจะยอมให้เข้าห้อง…การจะแกล้งราชันยุทธ์ขั้นสิบแปดผู้หนึ่งด้วยวิธีการเช่นนี้ถือเป็นเรื่องเพ้อฝันเลยทีเดียว
ลวี่อี้เองก็มองออกถึงความไม่เห็นด้วยของฉินโยวโยว นางจึงกัดฟันพูดว่า “ยังมีวิธีที่โหดที่สุดอีกวิธีหนึ่งเพคะ ทำให้เจ้าบ่าวหาเจ้าสาวไม่เจอ! ตอนหม่อมฉันยังเล็กเคยเห็นอาหญิงท่านหนึ่งของหม่อมฉันออกเรือน บรรดาพี่สาวน้องสาวช่วยกันนำบันไดลิงมาให้นางปีนขึ้นไปนั่งบนขื่อ จากนั้นก็บอกเจ้าบ่าวว่าเจ้าสาวหายตัวไป เจ้าบ่าววิ่งออกจากห้องหอมาพลิกทั้งลานเรือนค้นหา กลับคิดไม่ถึงว่าที่แท้เจ้าสาวจะอยู่ในห้องโดยตลอด ฮ่าๆ ต่อมาภายหลังอาหญิงของหม่อมฉันได้บอกว่ายิ่งเป็นที่ที่คุ้นเคยยิ่งจะถูกละเลยได้ง่าย พวกหม่อมฉันยังชมว่านางฉลาดอยู่เลย”
ลวี่อี้พูดถึงตรงนี้ก็ยิ้มก่อนเอ่ยว่า “ทว่าพระชายาทรงอย่าคิดไม่ดีจะดีกว่า ที่นี่คือจวนอ๋อง ท่านอ๋องก็ทรงมีตบะสูงส่งเพียงนั้น ทรงใช้จิตกวาดดูมีหรือจะทรงหาไม่พบ”
เดิมทีฉินโยวโยวไม่ได้มีความคิดไม่ดีอะไรเลย ครั้นถูกลวี่อี้พูดเช่นนี้นางก็นึกขึ้นได้ว่าในจวนอ๋องมีสถานที่หนึ่งที่สามีปีศาจอาจจะหาไม่พบจริงๆ…ห้องลับใต้ห้องหนังสือในเรือนศิลา!
ผนังสี่ด้านในนั้นตลอดจนเพดานล้วนบุด้วยแก้วผลึกเสวียนอู่ที่สามารถสกัดกั้นการสอดส่องจากดวงจิต หากนางไปซ่อนตัวที่นั่น คาดว่าเหยียนตี้คงจะคิดไม่ถึงชั่วขณะ
นางนึกถึงสถานที่นี้แล้วก็ใจหายวาบ ไม่ถูกต้อง! ท่าทางของลวี่อี้ชัดเจนว่ามีเจตนาจะชักนำให้นางคิดถึงห้องลับแห่งนั้น เหตุใดจึงต้องทำเช่นนี้ด้วย
เพียงแต่ชอบเล่นซนเลยยุให้นางไปล้อเล่นกับเหยียนตี้ หรือว่ามีจุดมุ่งหมายอื่นกันแน่
นับตั้งแต่ตำหนักอักษรเกิดเรื่องกลไกบางส่วนใช้งานไม่ได้เนื่องจากนักกลไกและช่างฝีมือสมคบคิดกับศัตรูภายนอก ฉินโยวโยวก็ระแวดระวังต่อท่าทีที่ผิดปกติของคนใกล้ชิดเพิ่มขึ้น