ฉินโยวโยวค้นพบด้วยความสลดใจว่าที่แท้เรื่องราวในตอนนั้นมิใช่ความบังเอิญ
เรื่องลอบสังหารในคืนงานฉลองปีใหม่เป็นละครมาตั้งแต่ต้น ละครที่ทำให้นางยินยอมพร้อมใจบอกความลับของปืนใหญ่แก่พวกเขาทั้งหมด น่าขันที่นางกลับถูกความอ่อนโยนอ่อนหวานและอาการบาดเจ็บสาหัสโชกเลือดของเหยียนตี้บังตา จนเป็นฝ่ายเอาตัวมาอยู่ในละครนี้อย่างโง่งม
กระบี่ที่ปักหน้าอกเหยียนตี้เป็นฝีมือของฮ่องเต้ พวกเขาพี่น้องมีชีวิตเดียวกัน ฮ่องเต้ย่อมไม่กล้าให้ผู้อื่นลงมือ ด้วยเหตุนี้กระบี่นั้นถึงเฉียดจุดสำคัญของเหยียนตี้ไป ‘พอดิบพอดี’ ดูเหมือนว่ากระบี่ได้แทงทะลุหัวใจ เลือดไหลเต็มพื้น แต่สำหรับเหยียนตี้กลับไร้ซึ่งอันตราย
ละครที่มีความบังเอิญสารพัดนี้มีพิรุธมากมาย ทว่ากลับหลอกตาหลอกใจนางได้อย่างง่ายดายยิ่ง
อันที่จริงตั้งแต่ก่อนหน้านี้นางก็ถูกพวกเขาวางอยู่ในละครแล้ว เพียงแต่นางถือดีเกินไป เชื่อมั่นในความรู้สึกที่เหยียนตี้มีต่อนางเกินไป จึงคิดไปเองว่าเขาไม่มีทางทำร้ายนางจริงๆ และจะเปลี่ยนแปลงตนเองได้เนื่องจากเห็นนางเป็นคนสำคัญ
เขาเป็นคนเช่นไรนั้น ในใจฉินโยวโยวรู้อยู่นานแล้ว แต่นางยังคงยืนกรานจะฝันเฟื่องอย่างไร้เดียงสาน่าขัน จวบจนบัดนี้ นางไม่อาจไม่ตื่นขึ้นมา…
นางควรโทษใครดีเล่า เรื่องที่เหยียนตี้ให้สัญญาต่อนาง เขาล้วนทำได้จริงทุกเรื่อง ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เคยสัญญาว่าจะไม่หลอกนาง
นางเสียน้ำตาเพื่อเขา ค่ำคืนที่เฝ้าอยู่ข้างกายเขาด้วยความกระวนกระวายละอายใจเหล่านั้น ตอนนี้นึกดูก็เป็นแค่เรื่องตลกร้ายเรื่องหนึ่ง
ผ่านไปนานเท่าใดก็สุดรู้ ฉินโยวโยวคล้ายได้ยินเสียงฮ่องเต้ดังมาเข้าหู “บรรดาคนสกุลจินเหล่านั้น บัดนี้จะต้องงุนงงไม่เข้าใจเป็นแน่ว่าทั้งที่แคว้นเซียงเยวี่ยเรามีมือเทพนักกลไกอย่างน้องสะใภ้อยู่แล้ว เหตุใดเจ้ายังให้เงื่อนไขที่ดีเพียงนั้นแก่พวกเขาและร่วมงานกับพวกเขาอีก”
สกุลจิน?! ฉินโยวโยวงุนงงอยู่บ้าง ผ่านไปชั่วครู่ถึงนึกได้ว่าน่าจะเป็นสกุลจินแห่งกุ่ยซานไถ หนึ่งในสามตระกูลใหญ่ด้านวิชากลไก
ฉินโยวโยวแค่คิดก็รู้แล้วว่าลวี่อี้กับจี่กงกงล้วนรับคำสั่งมาจากฮ่องเต้ ถึงได้ลงมือกับนางเช่นนี้
ฮ่องเต้ก็แค่อยากทำลายความสัมพันธ์ของนางกับเหยียนตี้ ถึงได้ให้นางมาได้ยินแผนการร้ายของพวกเขาด้วยหูตนเอง ทว่าทำเช่นนี้มีผลดีอะไรต่อเขาเล่า
เขาอุตส่าห์ฉีกหน้าบังคับพานางมาไว้ในห้องลับนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะพูดเรื่องไร้สาระไร้ความสลักสำคัญ การที่จู่ๆ เขาเอ่ยถึงสกุลจินขึ้นมาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร
นางได้ยินเหยียนตี้พูดเสียงเข้มตามคาด “เรื่องของสกุลจิน ข้ามีสิทธิ์ตัดสินใจได้อย่างอิสระ ท่านไม่ต้องยุ่งให้มาก!”
“เรื่องบิดาของน้องสะใภ้ เจ้าคิดจะบอกนางเมื่อไร หากคนสกุลจินรู้ว่าน้องสะใภ้มีความสัมพันธ์กับพวกเขา เกรงว่าคงได้คิดหาทุกวิถีทางมาหลอกล่อน้องสะใภ้ไปจากมือของเจ้าแน่” ฮ่องเต้พูดยิ้มๆ
“นั่นก็ต้องดูว่าพวกเขามีปัญญาหรือไม่” เหยียนตี้เริ่มจะหมดความอดทนต่อการที่ฮ่องเต้ลากเขามาพูดพล่ามไม่หยุดในคืนวันแต่งงานของเขาแล้ว
แม้พี่ชายของเขาจะไม่มีความจริงจังมาแต่ไหนแต่ไร แต่ก็มิใช่คนจู้จี้ขี้บ่นอย่างเด็ดขาด
ภายในห้องลับ ฉินโยวโยวถูกเรื่องราวในคำพูดของฮ่องเต้ทำเอาตกใจจนอึ้งไปแล้ว บิดาของข้า…สกุลจิน? บิดาที่ลึกลับของข้าเป็นคนของสกุลจิน?! นี่มันเรื่องอะไรกันอีก
ฟังจากที่พูด เหยียนตี้รู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่เขากลับปิดบังนางมาตลอดเช่นเดียวกัน ลับหลังกำลังวางแผนอะไรอีก
ภายในห้องหนังสือ เหยียนตี้หมดความอดทนในที่สุด เขายืนขึ้นกล่าวว่า “ดึกแล้ว มีเรื่องสำคัญอะไรค่อยว่ากันพรุ่งนี้ เชิญเสด็จพี่กลับไปได้แล้ว”
ฮ่องเต้บรรลุจุดเป้าหมายแล้วจึงหัวเราะร่าก่อนเอ่ยว่า “อาตี้ เจ้าไยต้องรีบร้อนปานนี้ เจ้าสาวของเจ้าก็อยู่ที่นี่แล้ว”
เหยียนตี้ตกตะลึง ก่อนใบหน้าจะเปลี่ยนสีไปจนสิ้น มือข้างหนึ่งบิดเปิดกลไกห้องลับ ก่อนซอยเท้าลงบันได พุ่งตัวเข้าห้องลับใต้ดินไปทันที