ภรรยาตัวน้อยของเขากำลังเอนพิงเงียบๆ อยู่หน้าท่อทองแดงถ่ายทอดเสียงตรงมุมห้อง อาภรณ์สีแดงเพลิงงามเพริศพริ้งดุจอัคคี เป็นการแต่งกายที่แสดงถึงการเฉลิมฉลองออกมาทุกอณู เพียงแต่ใบหน้างามเลิศล้ำนั้นกลับซีดขาวราวกับกระดาษ มีคราบน้ำตาเป็นด่างดวง แววตาที่จ้องมองเขาแทบจะทำให้เขาไม่กล้าสบตา
นางรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว! เหยียนตี้มีความหวาดหวั่นรุนแรงผุดขึ้นมาในใจ เขาก้าวไม่กี่ก้าวไปรวบตัวนางเข้าสู่อ้อมกอด ประหนึ่งว่ามีเพียงทำเช่นนี้ถึงจะมั่นใจได้ว่านางยังอยู่ข้างกายเขา จะไม่หายตัวไปในเสี้ยวเวลาถัดมา
ฉินโยวโยวตัวแข็งทื่อ นางไม่อาจขยับและก็ไม่อาจเอ่ยวาจา ได้แต่ปล่อยให้เขาจัดท่าจัดทางตามใจเหมือนเป็นตุ๊กตา
เพียงไม่นานเหยียนตี้ก็พบเห็นความผิดปกติของนาง แตะชีพจรดูก็รู้ว่านางเพียงถูกฤทธิ์ยาควบคุมชั่วคราว จึงคิดจะอุ้มนางกลับห้องไปก่อนค่อยว่ากัน
“นางรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว อาตี้ ตอนนี้เจ้าคิดจะทำเช่นไร” เสียงของฮ่องเต้ดังมาจากด้านหลัง ยังคงติดตลกเช่นเดิม แต่กลับชวนให้คนหนาวเยือกถึงกระดูก
“ทำไม!” เหยียนตี้หันขวับกลับไปถามด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
“ฆ่านางทิ้งออกจะน่าเสียดายไปจริงๆ อีกทั้งนางก็เป็นดวงใจของเจ้าด้วยไม่ใช่หรือ เจียงหรูเลี่ยนศิษย์อาจารย์รู้วิชาชิงดวงจิตชักจูงวิญญาณไม่ถึงเศษเสี้ยว วิชาฉบับเต็มที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้นั้นล้ำเลิศไร้ขีดจำกัด ขอเพียงใช้มันกับนาง นางก็จะเป็นภรรยาตัวน้อยของเจ้าไปตลอดกาล ทั้งยังจะเชื่อฟังทำตามคำของเจ้าทุกอย่างด้วย” ฮ่องเต้คล้ายไม่ได้ยินคำถามของเหยียนตี้ เสนอแผนที่ตนใคร่ครวญเรียบร้อยก่อนอีกฝ่ายออกมา
“พอแล้ว!” เหยียนตี้ตวาดเสียงดัง “ไม่ว่าเป็นท่านหรือบรรดาลูกน้องท่าน หากกล้าแตะต้องนางแม้แต่ปลายผม ก็อย่าหาว่าข้าตัดเยื่อใยไร้ไมตรี”
รอยยิ้มบนใบหน้าฮ่องเต้หุบลงหมดสิ้น เขาพูดเสียงเย็น “ข้ารู้อยู่แล้วว่านางเป็นตัวหายนะ อาตี้เจ้ารู้จักกับนางได้แค่ไม่กี่เดือนก็จะตัดเยื่อใยไร้ไมตรีต่อข้าที่เป็นพี่เพื่อนางแล้ว? เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่ผิด…
เจ้ามิใช่อยากรู้หรือว่าเหตุใดข้าจึงจงใจให้นางมาได้ยินเรื่องทุกอย่าง ฮ่าๆ สวรรค์ลิขิตให้พวกเราพี่น้องมีชีวิตเดียวกัน แต่ผู้ชี้ชะตาความเป็นความตายของพวกเราพี่น้องแท้ที่จริงมันคือเจ้า! เจ้าเป็นพี่น้องร่วมอุทรของข้า ตั้งแต่พวกเราเพิ่งรู้ความก็รู้แล้วว่าพวกเราแตกต่างจากพี่น้องคนอื่น พวกเราสามารถเชื่อกันและกัน พึ่งพากันและกันได้เต็มที่ ถึงขนาดว่าฝากชีวิตไว้ในมืออีกฝ่ายได้อย่างวางใจ ข้าเชื่อใจเจ้าได้ แต่ข้าเชื่อใจนางไม่ได้ หากเจ้าไม่สามารถควบคุมนางได้จริงๆ ข้าก็ได้แต่คิดหาวิธีชิงสังหารนางทิ้งเสีย”
เหยียนตี้ปฏิบัติกับฉินโยวโยวแตกต่างไปเป็นพิเศษ ฮ่องเต้มองเห็นอยู่ในสายตาโดยตลอด หากนางเป็นเพียงเครื่องมือที่เหยียนตี้ใช้ประโยชน์ เป็นภรรยาที่ต่างคนต่างอยู่ หรือเป็นคู่นอนชั่วครู่ชั่วยาม เขาคงไม่ใส่ใจ
ทว่าเห็นเหยียนตี้ถลำไปกับความอ่อนหวานของฉินโยวโยวลึกขึ้นทุกวันๆ เขารู้ว่าอีกไม่นานฉินโยวโยวจะกลายเป็นจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวบนตัวและหัวใจของน้องชายผู้เพียบพร้อมของเขา สตรีนางนี้มีเสน่ห์แรงกล้าที่ส่งผลกระทบต่อน้องชายของเขา
เรื่องนี้เสี่ยงเกินไปสำหรับเขา เขาถึงได้รีบคิดจะถอนรากถอนโคนเหตุที่เอาแน่เอานอนไม่ได้นี้ทิ้งไป
ฮ่องเต้จงใจสั่งให้ลูกน้องพาฉินโยวโยวมาที่นี่ ให้นางได้ยินเรื่องทุกอย่างเองกับหูก็ด้วยต้องการให้เหยียนตี้ไม่ทันรู้ตัวและไม่เหลือที่ใดๆ ให้เดินหน้าหรือถอยหลังได้
บัดนี้ตรงหน้าเหยียนตี้มีเพียงสองตัวเลือก ถ้าไม่ฆ่าก็ต้องใช้วิชาชิงดวงจิตชักจูงวิญญาณทำให้นางเป็นหุ่นเชิดมีชีวิตแล้วควบคุมไว้ในมือ มิเช่นนั้นสตรีที่เอาใจออกหากเขาแล้วนางนี้จะต้องคิดจากไปแน่นอน
หากนางจากไป ไม่ว่าจะถูกเจียงหรูเลี่ยนหรือกลุ่มอำนาจอื่นจับตัวไป รวมถึงวกกลับมาแก้แค้นเหยียนตี้ที่หลอกลวง สำหรับสกุลเหยียนของแคว้นเซียงเยวี่ยแล้วล้วนแต่เป็นเรื่องที่สั่นคลอนรากฐานแคว้นได้ทั้งสิ้น ต่อให้เหยียนตี้คิดถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวไม่ลงมือกับนาง เหล่าผู้อาวุโสที่หมู่บ้านซือตี้ก็ไม่มีทางนั่งเฉยอยู่ได้
สามารถพูดได้ว่าขอแค่ฉินโยวโยวก้าวออกจากจวนเซิ่งผิงชินอ๋อง สิ่งที่รอนางอยู่มีเพียงความตายสถานเดียว
เหยียนตี้กอดฉินโยวโยวในอ้อมแขนแน่นขึ้น เขาไม่สนใจฮ่องเต้ ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนก่อนเดินออกไป
“อย่าคิดจะทำอะไรนางอีก มิเช่นนั้น…ท่านจะไม่ใช่เสด็จพี่ของข้าอีกต่อไป”
สีหน้าฮ่องเต้เปลี่ยนเป็นไม่น่ามองยิ่ง เขากล้ากระทำการเด็ดขาดเพียงนี้ก็ด้วยมั่นใจว่าไม่ว่าอย่างไรเหยียนตี้ก็ไม่มีทางแตกคอกับเขาที่เป็นพี่ชายจริงๆ ดังนั้นถึงได้บีบอีกฝ่ายให้ลงมือเสร็จสิ้นโดยเร็ว
คิดไม่ถึงว่าเหยียนตี้ถึงกับถลำลึกเพียงนี้แล้ว…
ติดตามตอนต่อไป