บทที่ 4
เสียงนกร้องใสเพราะพริ้งดังมาจากนอกหน้าต่าง ฉินโยวโยวหาวก่อนลืมตาขึ้นช้าๆ ตรงหน้าเป็นม่านมุ้งสีชมพูที่คุ้นเคย หมอนผ้าห่มก็ล้วนเป็นของที่เห็นในทุกวัน ทุกสิ่งอย่างภายนอกมุ้งล้วนแต่คุ้นตาทั้งสิ้น ชัดเจนว่านางอยู่ในเรือนศิลาน้อยที่นางอาศัยจนชิน
ฉินโยวโยวจำได้ว่านางเหมือนจะเข้าพิธีแต่งงานกับเหยียนตี้และย้ายไปอยู่ที่เรือนศิลาของเขาแล้ว ไฉนพอตื่นขึ้นมาแล้วจึงยังอยู่ที่เรือนศิลาน้อยเล่า
นางย้อนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหลับไปทีละนิด ยิ่งคิดสีหน้ายิ่งซีดเผือดลง เรื่องเหล่านั้นเป็นความจริงหรือเป็นเพียงฝันร้ายน่ากลัวของนางกันแน่
“เจ้าตื่นแล้ว?” เสียงของเหยียนตี้ดังมา ฝ่ามืออุ่นก็ลูบไล้แก้มนางเบาๆ ไปด้วย
หากเป็นเมื่อก่อน ฉินโยวโยวจะปล่อยให้เขาลูบแต่โดยดี ถึงขั้นว่านางจะเอาใบหน้าถูไถออดอ้อนเสียด้วยซ้ำ หากแต่ยามนี้…นางพลันขดร่างถอยกรูดไปอยู่มุมเตียงอย่างควบคุมตนเองไม่ได้
เหยียนตี้มองแววตาแปลกหน้าและต่อต้านของฉินโยวโยวแล้วก็เข้าใจอย่างแท้จริงว่าอะไรเรียกว่าหัวใจดั่งถูกมีดกรีด แม้แต่ตอนที่พี่ชายจับกระบี่แทงทะลุอกเขาในวันนั้นก็ยังไม่เจ็บเท่ายามนี้
เขาใช้เวลาหลายเดือน ใช้ความคิดความอ่านไปนับไม่ถ้วนกว่าจะทำให้ตนเองครอบครองพื้นที่สำคัญในใจฉินโยวโยวได้ แต่กลับถูกลบล้างไปสิ้นเพราะเรื่องเมื่อคืน…เขาไม่ยอม!
เหยียนตี้ไม่เชื่อว่าฉินโยวโยวจะรู้สึกถึงความจริงใจที่เขามีต่อนางไม่ได้ ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งไม่พอใจ แขนยาวยื่นไปจับภรรยาตัวน้อยที่หลบไปไกลกลับมาขังไว้แน่นในอ้อมแขน พูดขึ้นเสียงต่ำ “โยวโยว อย่ามองข้าเช่นนี้ เจ้าไม่พอใจจะระบายอารมณ์อย่างไรก็ได้ แต่อย่าหลบข้า พวกเราเป็นสามีภรรยากัน สามีภรรยาที่จะแก่เฒ่าไปด้วยกัน อยู่เคียงข้างกันชั่วชีวิต”
ฉินโยวโยวดิ้นรนไม่กี่ที เมื่อพบว่าไร้ประโยชน์ก็ไม่ดิ้นอีก “ถ้าข้าไม่ตอบตกลง ท่านก็จะใช้วิชาชิงดวงจิตชักจูงวิญญาณทำให้ข้าเป็นหุ่นเชิดมีชีวิตใช่หรือไม่”
เหยียนตี้ตัวแข็งทื่อ “อย่าพูดด้วยความโมโห เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีทางทำเช่นนั้นกับเจ้า”
“ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น ข้าไม่รู้แล้วว่าการกระทำของท่านยามใดจริง ยามใดปลอม ข้าไม่รู้ว่าท่านยังมีเรื่องปิดบังข้าอีกมากน้อยเพียงไร เมื่อไรคิดจะหลอกใช้ข้าอีก ข้าไม่รู้ว่าท่านชอบข้าจริงหรือไม่ หรือว่าชอบในวิชากลไกของข้ามากกว่า ข้าไม่รู้ว่าในใจท่าน ข้านับเป็นอะไร…” ฉินโยวโยวพูดด้วยน้ำเสียงอันฝาดเฝื่อน
เหยียนตี้เงียบไปชั่วครู่ ก่อนโน้มหน้าลงจูบหน้าผากเกลี้ยงเกลาของนาง “อยู่ข้างกายข้า แล้วข้าจะค่อยๆ เล่าให้เจ้าฟังทีละเรื่อง”
ภรรยาตัวน้อยของเขาใจอ่อนทั้งยังไม่ค่อยเจ้าคิดเจ้าแค้น รั้งนางไว้ข้างกาย นานวันเข้านางก็จะอ่อนลงแล้วกลับมาพึ่งพาเขาและเชื่อใจเขาเหมือนเมื่อก่อนเอง
ฉินโยวโยวหลุบตาลง “ข้าปฏิเสธได้ด้วยหรือ” ยังไม่กล่าวถึงว่าตอนนี้นางอยู่ในถิ่นเขา หากเขาไม่ยอมปล่อย นางก็ยากจะหนีพ้น ต่อให้หนีพ้น ด้านนอกก็ยังมีเจียงหรูเลี่ยนกับเมธาจารย์ซวี่กวงศิษย์อาจารย์กำลังรอนางอยู่
ที่สำคัญที่สุดคือ ‘สัตว์ตัวประกัน’ สำคัญอย่างต้าจุ่ยกับเสี่ยวฮุยล้วนอยู่ในกำมือเขา นางสามารถคิดวิธีหนีเอาตัวรอดได้ ทว่าก่อนต้าจุ่ยกับเสี่ยวฮุยเลื่อนขั้นสำเร็จมิอาจเคลื่อนย้ายที่ง่ายๆ ได้