เหยียนตี้ถอนหายใจเบาๆ ก่อนเอ่ยว่า “โยวโยว ข้าจะรอให้เจ้าคิดตก…เจ้าเป็นพระชายาเพียงคนเดียว ภรรยาเพียงคนเดียวในชีวิตนี้ของข้า พวกเราจะอยู่ด้วยกันไปตลอดภพตลอดชาติ ข้าจะลองเรียนรู้ที่จะไม่ใช้กลอุบายกับเจ้า ให้โอกาสข้าสักครั้งได้หรือไม่”
สามีปีศาจอ้อนวอนเสียงอ่อนเช่นนี้ช่างทำให้คนยากจะหักใจปฏิเสธได้ลง ครั้นฉินโยวโยวนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่ได้รู้จักกันมาแล้วก็ไม่อาจโน้มน้าวให้ตนเองไม่แยแสเขาได้จริงๆ ทำได้เพียงเบือนหน้าหนีไม่พูดไม่ตอบ
เหยียนตี้เองก็มิได้หวังว่าคำพูดไม่กี่คำจะทำให้นางลืมแค้นเก่าได้ จึงได้แต่ลูบผมนางพลางเอ่ยว่า “เกรงว่าเสด็จพี่ข้าจะไม่ล้มเลิกความคิดง่ายๆ คนในจวนที่มีปัญหาข้าจะเปลี่ยนคนใหม่ ถ้าเจ้าไม่มีเรื่องอะไรก็อย่าไปคลุกคลีกับคนแปลกหน้า อยู่ในจวนแล้วรอข้าอย่างว่าง่าย”
ฉินโยวโยวยังคงมีท่าทีต่อต้านเงียบๆ คำพูดของเหยียนตี้เท่ากับบอกนางว่าบัดนี้นางเป็นนักโทษแล้ว นอกจากจวนอ๋องก็ไม่อนุญาตให้ไปที่ใดทั้งนั้น
เหยียนตี้รู้ว่าตอนนี้ฉินโยวโยวไม่อยากสนใจเขา จึงได้แต่ลุกขึ้นเดินจากไป เขายอมให้ฉินโยวโยวร้องไห้อาละวาดใช้อารมณ์เตะต่อยเขาเต็มที่ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าท่าทางหมดอาลัยตายอยากไม่แยแสไม่เหลียวแลอะไรเช่นยามนี้
ช่างเถอะ ไปแก้ปัญหาทางเสด็จพี่ก่อนค่อยว่ากันดีกว่า โยวโยวเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามประเพณีของข้า ข้ามีเวลาทั้งชีวิตให้คว้าใจของนางกลับมา
เหยียนตี้จากไปได้ไม่นาน ตู้เหวยเหนียงก็นำอาหารเช้ามาส่ง เพิ่งจะแต่งงานอยู่ในช่วงความรักสุกงอม คู่สามีภรรยาหนุ่มสาวกลับกลายเป็นมีสภาพเช่นนี้เสียได้ นางทั้งหัวเสียทั้งจนใจ ในใจนึกแค้นลวี่อี้กับจี่กงกงเข้ากระดูกดำ
ตู้เหวยเหนียงอยากเอ่ยเตือนฉินโยวโยวสักสองสามคำ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเหยียนตี้กำชับว่าอย่าพยายามพูดมากต่อหน้านางให้นางรำคาญใจ จึงได้แต่ฝืนอดกลั้นไว้
หลังเกิดเรื่องที่เรือนศิลาเมื่อคืน ลวี่อี้กับจี่กงกงก็กลับวังไปด้วยกัน บ่าวหญิงสามนางที่เหลือก็ถูกเหยียนตี้ส่งกลับวังไปเช่นกัน แม้แต่บรรดาคนสนิทที่ฮ่องเต้กับไทเฮาส่งมาจวนอ๋องก็ยังถูกส่งกลับไปทั้งหมด
คนในจวนอ๋องน้อยลงไปมากในทันที ทำให้ดูเงียบเหงายิ่งกว่าเดิม
เหลียงลิ่งพาบ่าวหญิงสี่คนมารับใช้ฉินโยวโยว สตรีสี่นางนี้ที่ดูมีตบะแย่ที่สุดยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ แต่ละคนเงียบขรึมพูดน้อย พอสั่งอะไรไปก็ลงมือทำ ฉินโยวโยวเองก็ไม่มีแก่ใจจะพูดมาก ในเรือนพักทั้งวันจึงแทบไม่ได้ยินเสียงคน
เวลาส่วนใหญ่ไม่กี่วันมานี้ฉินโยวโยวล้วนใช้ไปกับการนั่งเหม่อมองดูต้าจุ่ยกับเสี่ยวฮุยที่กำลังหลับลึกภายในคลังสมบัติใต้สวน แม้เหยียนตี้จะอยู่ในจวนเช่นกัน แต่กลับเพียงมองดูนางอยู่ไกลๆ หรือไม่ก็รอนางหลับสนิทแล้วถึงจะไปอยู่เป็นเพื่อนนางในเรือน
เขาไม่กล้าเผชิญกับสีหน้าว่างเปล่าเลื่อนลอยของฉินโยวโยวอยู่บ้าง ด้วยกลัวว่านางจะพูดอะไรให้เขาเสียดแทงทรมานใจออกมาด้วยความโกรธเคือง
บางทีความกังวลของพี่ชายอาจจะไม่ได้ไร้เหตุผลเสียทีเดียว กระทั่งตัวเขาเองยังไม่คาดคิดสักนิด สตรีที่เขามองว่าเปราะบางอ่อนแอเช่นนี้ถึงกับทำให้เขา ‘ไม่กล้า’ และ ‘กลัว’ ได้
กลางคืนนอนอยู่บนเตียงในเรือนศิลาเพียงคนเดียว ในสมองล้วนคิดถึงแต่รอยยิ้มกระเง้ากระงอดของภรรยาตัวน้อย คิดถึงกลิ่นกายหอมหวานอบอุ่นและเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นของนาง คิดจนนอนกระสับกระส่ายไม่อาจข่มตาหลับ
สุดท้ายก็จำต้องคลำทางมามองตัวจริงที่เรือนพักในเรือนศิลาน้อย ฉวยโอกาสยามนางหลับสนิทกอดนางเข้าสู่อ้อมแขน ถึงค่อยข่มความงุ่นง่านว่างโหวงในใจลงได้เล็กน้อย
ยี่สิบกว่าปีมานี้ เขาเพิ่งได้รู้เป็นครั้งแรกว่าที่แท้รสชาติของการนอนเดียวดายตามลำพังมันทรมานถึงเพียงนี้
ทุกคนในจวนอ๋องล้วนรู้ว่าท่านอ๋องและพระชายากำลังทำสงครามเย็นกันด้วยสาเหตุที่ไม่ทราบชัด ไม่มีใครรู้ว่าควรไกล่เกลี่ยเช่นไร และก็ไม่มีใครกล้าไกล่เกลี่ยด้วย