นางจำต้องจากไป…
เพียงแต่ถ้านางจะไปก็ต้องแก้ปัญหาเรื่องต้าจุ่ยกับเสี่ยวฮุยก่อน ตราบใดที่พวกมันยังเลื่อนขั้นไม่สำเร็จ นางอยากหนีก็ยังหนีไปไม่ได้
ส่วนว่าหลังจากหนีไปแล้วจะรับมือกับการตามฆ่าโดยสองศิษย์อาจารย์จากสำนักเฟิ่งเสินอย่างไร นางยังไม่มีแผนการที่แน่ชัดนัก
อย่างมากก็ไปซ่อนตัวที่เขาเหิงอวิ๋น นางไม่มีความรู้สึกอะไรต่อสกุลจินอยู่แล้ว แต่พอวันนี้ได้เห็นตำแหน่งค่ายใหญ่ของสกุลจินแห่งกุ่ยซานไถที่ถูกเอ่ยถึงในบันทึก ก็ได้กลายเป็นให้แรงใจเล็กๆ แก่นาง
เขาเหิงอวิ๋นทอดยาวหลายพันหลี่ ในป่าบนเขามีสัตว์อสูรเดินอาดๆ อยู่ทั่ว ต่อให้เป็นราชันยุทธ์ขั้นสิบแปด หากคิดจะไปหาคนในป่าเขาสุดลูกหูลูกตานั้นก็ไม่ต่างจากการงมเข็มในมหาสมุทรเลย
มีต้าจุ่ยกับเสี่ยวฮุยอยู่กับนาง อีกทั้งตัวนางก็พอจะฝืนใจนับเป็นยอดยุทธ์ขั้นเจ็ด ยิ่งประกอบกับมีอาวุธลับในตัว นางก็เพียงพอจะอยู่รอดปลอดภัยในเขาเหิงอวิ๋นได้แน่นอน
มิหนำซ้ำนางยังจำที่อาจารย์เคยบอกได้ว่าในเขาเหิงอวิ๋นอาจจะมี ‘ฐานที่มั่น’ ที่ ‘ศิษย์ร่วมอาจารย์’ ของเขาเหลือทิ้งไว้อยู่ ขอแค่หา ‘ฐานที่มั่น’ นั้นเจอ ไม่แน่เขาอาจสามารถกลับบ้านได้
ถ้ามิใช่ระหว่างทางเกิดเรื่องมากมายเพียงนี้ เดิมทีนางก็ตั้งใจว่าจะพาต้าจุ่ยกับเสี่ยวฮุยไปหาอาจารย์ที่เขาเหิงอวิ๋นเช่นกัน
สิ่งเดียวที่ไม่แน่ใจในตอนนี้คือเวลาที่ต้าจุ่ยกับเสี่ยวฮุยจะเลื่อนขั้นสำเร็จแล้วตื่นขึ้นมา อาจเป็นหนึ่งเดือน หรือไม่ก็อาจเป็นหนึ่งปี ในช่วงเวลานี้นางต้องเฝ้าหัวใจของตนเองให้ดี ไม่อาจถูกความอ่อนโยนและคำหวานหูของเหยียนตี้หลอกเอาได้อีก
จวนเซิ่งผิงชินอ๋องส่งขันทีและองครักษ์ที่ในวังส่งไปให้คืนมาชุดใหญ่กะทันหัน เช้าวันรุ่งขึ้นไทเฮาตื่นมารู้เรื่องนี้เข้าก็รู้ว่ามีปัญหาแล้ว
ไทเฮาส่งนางข้าหลวงมารอเฝ้า ฮ่องเต้เพิ่งกลับมาจากว่าราชการก็ถูกเชิญตัวไปวังชิ่งชุนทันที ไล่ข้ารับใช้ออกไปแล้วก็ถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ฮ่องเต้บอกเรื่องที่ตนเองทำลงไปออกมาจนหมดสิ้นอย่างรู้กาลเทศะยิ่ง ทำเอาไทเฮาโมโหจนใบหน้าเปลี่ยนสี “หย่งเล่อกับโยวโยวอยู่ด้วยกันดีๆ เหตุใดเจ้าต้องสอดมือไปทำลาย ไม่ง่ายเลยกว่าหย่งเล่อจะหวั่นไหวกันใครสักคน เจ้าขัดหูขัดตาถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
ฮ่องเต้แค่นหัวเราะ “ดี? พระชายาเซิ่งผิงชินอ๋องของพวกเรามิใช่คนโง่ เรื่องเหล่านี้ช้าเร็วนางก็ต้องรู้ หากต้องคอยระแวดระวังเป็นกังวลทุกเวลาหลังจากนี้ มิสู้ถือโอกาสจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นก่อนเปิดศึกกับแคว้นตัวลี่เสียดีกว่า เพื่อไม่ให้ภายหน้าหย่งเล่อแบ่งความสนใจไปที่นางในเวลาสำคัญ”
“เจ้ายังมีเหตุผลอยู่หรือไม่! ตอนนี้จะทำอย่างไรดี หากโยวโยวนางเกิดรั้นขึ้นมา น้องชายเจ้าจะทำเช่นไร หย่งเล่อยังต้องอาศัยนางกระจายพลังอยู่นะ เกิดวันใดหย่งเล่อสะกดตบะไม่อยู่ แล้วโยวโยวไม่อยู่ข้างกายเขาอีก เช่นนั้นจะทำเช่นไร!” ไทเฮาอึดอัดคับข้องใจ
ไทเฮาชอบฉินโยวโยวมากจริงๆ แต่ในความชอบนี้ส่วนใหญ่ล้วนมาจากเมื่อรักเรือนย่อมรักอีกาบนหลังคาเรือน* ต่อให้นางชอบใจในตัวฉินโยวโยวเพียงไร แต่ในก้นบึ้งหัวใจ ฉินโยวโยวก็ยังสำคัญได้ไม่เท่าบุตรชายในอุทรทั้งสองคน
ดังนั้นพอลูกชายและลูกสะใภ้มีเรื่องผิดใจกัน นางก็เป็นเหมือนมารดาส่วนใหญ่ที่เข้าข้างบุตรชายตนเอง สิ่งแรกที่นึกถึงคือความปลอดภัยและผลประโยชน์ของบุตรชาย มิใช่ความคับข้องเสียใจของฉินโยวโยว
จุดนี้ฮ่องเต้เคยคิดไว้นานแล้ว เขายิ้มเย็นก่อนเอ่ยว่า “หย่งเล่อมีวิธีควบคุมดวงจิตนาง ทำให้นางเชื่อฟังว่าง่ายไปชั่วชีวิตได้ แค่ต้องดูว่าหย่งเล่อจะยอมทำหรือไม่เท่านั้น ส่วนกระจายพลังให้หย่งเล่อนั้น ใครว่าใต้หล้านี้จะมีนางเพียงคนเดียวที่ทำได้เล่า”