ไทเฮาอ้าปากจะพูด ฮ่องเต้กลับโบกมือชิงพูดขึ้นมาว่า “ลูกรู้ว่าเสด็จแม่ทรงเป็นห่วงอะไร สตรีนางอื่นไม่มีคุณสมบัติพอจะเข้าเขตหวงห้ามไปอาบน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ปรับเปลี่ยนร่างกาย แต่สิ่งที่มีสรรพคุณเดียวกันในใต้หล้านี้ยังมี ‘เกล็ดน้ำค้างแข็งอมตะ’ ของสำนักเฟิ่งเสินอีกอย่างหนึ่ง คราวนี้พวกเรามีปืนใหญ่บรรพบุรุษอยู่ในมือ การบุกยึดแคว้นตัวลี่และทำลายสำนักเฟิ่งเสินก็สามารถนับวันรอได้เลย ถึงยามนั้นเลือกสตรีที่ภักดีเชื่อฟังมาสักนางหนึ่ง ให้นางกินเกล็ดน้ำค้างแข็งอมตะลงไปก็ใช้กระจายพลังให้หย่งเล่อได้เช่นเดียวกัน”
“แต่ว่า…” ถึงอย่างไรไทเฮาก็หวังให้บุตรชายของตนได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนรักอย่างมีความสุขอยู่ดี
“หย่งเล่อตามใจน้องสะใภ้จนนางไม่มีความเกรงกลัวแล้ว นางเป็นสะใภ้ของสกุลเหยียน แต่กลับไม่ยอมลงแรงทำงานให้สกุลเหยียนเรา ต้องให้หย่งเล่อบาดเจ็บสาหัสก่อนถึงจะกล้ำกลืนฝืนใจชุบชีวิตปืนใหญ่บรรพบุรุษให้พวกเรา หากคราวหน้าพวกเรามีเรื่องอะไรต้องขอร้องนางอีก ก็ต้องทำให้หย่งเล่อเจ็บตัวอีกหนอย่างนั้นหรือ”
คำพูดนี้ของฮ่องเต้สร้างความไม่พอใจในใจไทเฮาขึ้นมาบ้างแล้ว ก่อนเกิดเรื่องนางไม่รู้ถึงแผนการของสองพี่น้อง เวลานั้นก็ถูกทำเอาตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ วันนี้ฮ่องเต้พูดเรื่องนี้ออกมาชัดเจนแล้ว นางก็ทั้งโกรธทั้งปวดใจในความใจกล้าบ้าบิ่นของสองพี่น้อง ขณะเดียวกันก็เกิดความขุ่นเคืองต่อฉินโยวโยวขึ้นมา
ฮ่องเต้พูดมีเหตุผล หากมิใช่ฉินโยวโยวเล่นแง่ไม่ยอมรับปากชุบชีวิตปืนใหญ่บรรพบุรุษ บุตรชายคนเล็กก็ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายรับกระบี่ ไม่ว่าพูดอย่างไรนางก็เป็นสะใภ้สกุลเหยียนแล้ว เรื่องแค่นี้ยังจะบอกปัดไปมา ใช้ไม่ได้จริงๆ
ฮ่องเต้รู้ว่าไทเฮาถูกตนเองพูดจนหวั่นไหวแล้ว จึงยิ่งใส่ไฟต่อว่า “พูดถึงที่สุดแล้วนางก็แค่อาศัยว่าหย่งเล่อโปรดปรานนางรักนาง เห็นนางเป็นดั่งชีวิต ถึงได้กล้าเล่นแง่เช่นนี้! หย่งเล่อปฏิบัติกับนางดีเพียงนี้ กลับไม่เห็นนางจะให้ใจกับหย่งเล่อเลยสักนิด สตรีเช่นนี้อยู่ข้างกายหย่งเล่อ ถึงเสด็จแม่วางพระทัยได้ ลูกกลับวางใจไม่ลงพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้พูดอย่างแฝงความนัย
ไทเฮาใจหายวาบ นึกถึงเรื่องที่บุตรชายทั้งสองมีชีวิตเดียวกันขึ้นมา ในที่สุดก็ถอนหายใจยาวโดยไม่พูดอะไรอีก
ฮ่องเต้ไม่ได้หวังว่าไทเฮาจะยืนอยู่ฝั่งเขาเต็มที่แล้วไปเล่นงานฉินโยวโยว ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกว่าเรื่องราวดูอยู่เหนือความคาดหมายของเขาอยู่บ้าง ยามนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าเหยียนตี้จะอดทนอดกลั้นต่อการท้าทายของเขาเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ ถึงจำเป็นต้องดึงไทเฮามาอยู่ฝั่งตนเองก่อน เกิดภายหน้าเหยียนตี้โกรธจนไม่มองหน้ากันขึ้นมาจริงๆ อย่างไรก็คงไม่อาจตำหนิถึงไทเฮาได้
เขากับน้องชายมีชีวิตเดียวกัน หลายปีมานี้จึงเคยชินจนถึงขั้นมั่นใจไปแล้ว ไม่ว่าเขาจะทำอะไร น้องชายล้วนไม่มีทางถือสาหาความกับเขาจริงๆ แต่ครั้งนี้เขากลับไม่แน่ใจเหมือนก่อนหน้าแล้ว
เพียงแต่ต่อให้น้องชายผิดใจกับเขาแล้วอย่างไร อย่างมากอีกฝ่ายก็แค่โยนทุกอย่างทิ้งแล้วสะบัดแขนเสื้อจากไป เขาไม่เชื่อหรอกว่าไม่มีเซิ่งผิงชินอ๋องแล้ว เขาจะเป็นฮ่องเต้ต่อไปไม่ได้
หากเป็นต่อไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เลวเช่นกัน ถึงอย่างไรเขาก็เบื่อเต็มทนแล้ว ฮ่องเต้ยิ้มเยาะตนเอง
เพียงไม่นาน ‘ผล’ จากการเล่นงานฉินโยวโยวของฮ่องเต้ก็ปรากฏให้เห็น เหยียนตี้ไม่นำหน้าคัดค้านการตัดสินใจออกรบเองของเขาอีก ทั้งยังใช้ข้ออ้างเรื่องเพิ่งแต่งงานปิดประตูไม่รับแขก แสดงชัดว่าไม่คิดจะสอดมือยุ่งเรื่องการทหารต่อ เพียงปล่อยให้ฮ่องเต้เป็นผู้จัดการไปเอง
นี่คือน้องชายเป็นฝ่ายยอมถอยหนึ่งก้าว หวังให้เขาอย่าหมายหัวคนในดวงใจน้องชายอีก
ไม่อาจไม่กล่าวว่าน้องชายเข้าใจเขามากจริงๆ ที่เขารีบเล่นงานฉินโยวโยวเร็วเพียงนี้ หนึ่งในสาเหตุก็คืออยากรั้งน้องชายไว้ที่เมืองหลวง ทำให้น้องชายไม่อาจออกรบได้อย่างวางใจ
บัดนี้บรรลุจุดประสงค์แล้ว ทว่าฮ่องเต้กลับรู้สึกว่าตนเองไม่ได้เบิกบานดีใจเหมือนที่คิดไว้…