ก่อนจะได้สนุกสนานกับการขี่ม้าอย่างที่ใฝ่ฝัน มีอยู่เรื่องหนึ่งที่นางต้องทำให้เสร็จสิ้นในฐานะพี่สาวผู้มีความรับผิดชอบและรักน้องชายอย่างสุดซึ้ง
“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าขอพบแม่ครัวสองคนที่จะไปช่วยงานที่ร้านหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ จะได้กำชับกำชาพวกนางด้วย”
เมื่อกลับมาถึงพื้นที่ด้านในจวนแม่ทัพ อวี้หมี่ที่ได้รับคำสั่งให้กลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทะมัดทะแมงก็ได้สติจากภวังค์ปลาบปลื้มเคลิบเคลิ้ม แล้วถามเขาอย่างนั้น
“ได้” เขาตอบเสียงเรียบ
“ขอบคุณท่านแม่ทัพใหญ่” นางดีใจยิ่งนัก
“ใครก็ได้” ดวงตาคมตวัดมอง
“ขอรับ!” มีองครักษ์เข้ามารับคำสั่งทันที
อวี้หมี่เห็นแล้วอิจฉาเหลือใจ ใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งตนเองจะมีอำนาจเช่นนี้บ้าง แต่คิดดูอีกที คนที่ทำงานตัวเป็นเกลียวอย่างนางมีแต่ต้องเป็นฝ่ายรับคำสั่งเท่านั้น อยากเป็นฝ่ายออกคำสั่งคงต้องรอเกิดใหม่ชาติหน้า
ไม่สิ ความจริงเดิมทีนางมีชาติกำเนิดที่ดี หากไม่เพราะครอบครัวประสบหายนะตอนที่นางอายุหกขวบจนบ้านแตกสาแหรกขาดในชั่วข้ามคืนล่ะก็…
ดวงตากลมโตหม่นลง ก่อนจะส่ายหน้าโดยแรงเพื่อสลัดเรื่องที่ไม่ควรคิดถึงทิ้งไป
ทว่าความทรงจำดำมืดที่ผ่านมาแสนนานกลับพุ่งกระโจนออกมาในจังหวะนั้น แล้วจู่โจมสมองของนางเข้าอย่างจัง
‘หมี่เอ๋อร์ พาน้องเจ้าหนีไป ไกลเท่าไรยิ่งดี อย่าได้หวนกลับมาเหยียบเมืองหลวงอีกแม้แต่ก้าวเดียว ชีวิตนี้จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้เป็นอันขาดว่าพวกเจ้าเป็นทายาทสกุลเยี่ยอันทรงเกียรติ!’
‘ท่านแม่ ท่านพ่อกับท่านปู่เล่า แล้วยังท่านลุงกับท่านป้ารอง ไม่มาด้วยกันหรือเจ้าคะ’
‘หมี่เอ๋อร์หลับตาเสีย อย่ามอง!’
อวี้หมี่หน้าซีดขาว ลมหายใจกระชั้นขึ้นทีละน้อย ไอหมอกสีโลหิตแผ่ขยายขึ้นตรงหน้า…ไม่ ไม่ใช่หมอก แม้ท่านแม่จะปิดตานางไว้ นางก็ยังรู้ว่านั่นเป็น…
“เสี่ยวหมี่?” เสียงทุ้มห้าวแฝงความกระวนกระวายและความสงสารดังขึ้นข้างหู “เหตุใดสีหน้าถึงได้ย่ำแย่เช่นนี้ ไม่สบายอย่างนั้นหรือ!”
นั่นเป็น…ศีรษะของท่านปู่ร่วงตกลงมา
ท่านปู่…ท่านปู่ผู้เคยอุ้มนางชมสวนดอกไม้ โอ้โลมให้นางหัดเขียนหนังสือ…
นางสูดหายใจแรงๆ ร่างเล็กแข็งเกร็งราวกับว่าแค่แตะนิดเดียวก็จะแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย…ดวงตาสีดำสุกใสฉ่ำคลอด้วยหยาดน้ำแห่งความสับสนหวาดกลัว เขาเห็นแล้วหัวใจเจ็บแปลบเป็นริ้วๆ
เยียนชิงหลางเอื้อมมือออกไปดึงนางเข้ามากอดแนบอกโดยไม่ต้องคิด แล้วปลอบประโลมเบาๆ เมื่อสัมผัสได้ว่าร่างในวงแขนกำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง “ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรแล้วนะ ข้าอยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้”
อ้อมกอดอบอุ่นมั่นคงที่ไม่เคยได้รับมาก่อนและเสียงนุ่มนวลที่ปลอบโยนอยู่ข้างหูทำให้อาการตื้อในหัวกับแน่นหน้าอกเป็นพักๆ ของอวี้หมี่ทุเลาลงทีละน้อย พร้อมกับที่ค่อยๆ ได้สติกลับคืนมา
นางหลับตาลง พยายามดึงพลังในการควบคุมตนเองที่แกว่งไกวเสียไม่มีดีกลับมา สูดหายใจลึกๆ หลายครั้ง แล้วเอ่ยเสียงแผ่วพร่า “ขะ…ข้าสบายดี ข้าไม่เป็นไร ไม่…ไม่มีทางเกิดอะไรขึ้นแน่”
ไม่มีใครรู้ว่าพวกนางสองคนพี่น้องอยู่ที่ชายแดนตะวันออก และไม่มีใครรู้ว่าพวกนางเป็นใคร ดังนั้นพวกนางจึงปลอดภัยมาก ปลอดภัยมากจริงๆ
เขาจับไหล่นางไว้อย่างมั่นคงโดยไม่ลืมรักษาระยะห่างเล็กน้อย ถึงอย่างไรนางก็เป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง ตราบใดที่ยังพิสูจน์เรื่องบางอย่างไม่กระจ่าง เขาควรให้เกียรตินาง
“ท่านแม่ทัพใหญ่ ทะ…ท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่” สีซีดขาวบนใบหน้ากลมป้อมเลือนหายไปแล้ว กลายเป็นแดงเรื่อด้วยความเขินอายแทน