แต่หยางหวั่นสามารถค้นหาพบ อีกทั้งนางไม่เคยคิดที่จะไปทำร้าย ‘ความโศกเศร้าอาดูร’ ของเขา เพียงประคองออกมายังเบื้องหน้านางกับเขาอย่างอ่อนโยน หยางหวั่นให้เขาแสดงออกมา จากนั้นนางก็คอยแบกรับ คอยสลาย และคอยปลอบประโลมความเจ็บปวดในอารมณ์ความรู้สึกของเขาทั้งหมด
“ข้าเป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด”
“ใช่แล้ว” หยางหวั่นเสริมคำพูดของเขาแล้วยกมือเลิกผ้าห่ม “ดังนั้นเติ้งอิง ขยับเข้ามาเถิด ท่านไม่ต้องกลัว นี่ไม่ใช่คนอื่น เป็นข้าเอง”
ในโพรงจมูกเติ้งอิงมีความแสบร้อนพุ่งขึ้นมา
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ากลัว”
“มือของท่าน…บิดเส้นผมข้าจนจะขาดแล้ว”
คราวนี้เติ้งอิงจึงได้พบว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ตนกำเส้นผมของหยางหวั่นไว้ จึงรีบปล่อยมือทันที
หยางหวั่นยันกายท่อนบนขึ้นมา รวบเส้นผมทั้งศีรษะไปไว้ที่ด้านหลัง เงาจางๆ ทาบทับอยู่บนผนัง ปรากฏเป็นภาพที่พร่าเลือนแต่งดงามลึกซึ้งเบื้องหน้าเติ้งอิง
“เติ้งอิง ท่านเชื่อฟังข้าเถิด” ตอนนางกล่าวประโยคนี้บนใบหน้าคล้ายมีรอยยิ้ม “เชื่อฟังคำพูดของข้าตลอดไป ยามท่านอยู่ต่อหน้าข้าก็จะไม่ทุกข์ทรมานมากเพียงนั้นแล้ว”
คนที่มีความผิดสมควรต้องเชื่อฟังผู้อื่น
นางรู้เสมอว่าจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไร
เติ้งอิงเม้มปาก จับมุมหนึ่งของผ้าห่มมาคลุมหัวไหล่ของตนไว้
หยางหวั่นใช้ข้อศอกยันพื้นเตียงยกตัวขึ้นอีก ดึงผ้าห่มที่ด้านหลังตนคลุมไปบนร่างเติ้งอิง จากนั้นก็ดึงมุมผ้าห่มช่วยเหน็บให้เขาเบาๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้แขนของนางก็โอบข้ามหัวไหล่เติ้งอิงไป ทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันมาก ใต้รักแร้ของนางอยู่ตรงหน้าผากของเติ้งอิง แม้เติ้งอิงจะมองไม่เห็น แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิจากร่างกายอีกร่างหนึ่งซึ่งอบอุ่นและซื่อสัตย์ยิ่งกว่าเขา
“เช่นนี้ไม่หนาวกระมัง”
“ข้าไม่หนาว…”
“ไม่หนาวก็ดีแล้ว” หยางหวั่นเอาข้อศอกลงแล้วเอนกายลงนอน นางนอนตะแคงหันไปทางเติ้งอิงพลางกล่าวเสียงเบา “การเป็นสามีภรรยาในวันนี้เราเสแสร้งครบถ้วนแล้ว”
นางเอ่ยความคิดเพ้อฝันที่อยู่ในใจเติ้งอิงออกมา แต่เขากลับจำต้องหันไปปฏิเสธนาง
“หวั่นหวั่น อย่าพูดเช่นนี้ พวกเราไม่ใช่สามีภรรยากัน”
“เชื่อฟังข้า”
นางพูดพลางยื่นมือไปลูบหน้าผากของเติ้งอิง ลูบจากด้านบนสุดมาถึงกระดูกคิ้ว
เติ้งอิงสั่นสะท้านไปทั้งร่างอย่างควบคุมไม่อยู่ แต่มือของหยางหวั่นกลับไม่หยุด นางปรับเสียงให้ราบเรียบพูดที่ข้างหูของเขา
“อย่ากลัวไปเลย ท่านเพียงคิดว่าคนที่ลูบไล้ท่านคือข้าก็พอ” นางพูดพลางหัวเราะเบาๆ “ความจริงแล้วข้าเองก็กลัว”
เติ้งอิงกล่าวเสียงสั่นพร่า “หวั่นหวั่นกลัวอะไรหรือ”
“กลัวพ่ายแพ้” นางพูดจบก็กล่าวเสริม “กลัวว่าหลังจากพ่ายแพ้แล้วก็จะไม่ได้ลูบไล้ท่านอีก”
ความไม่สบายใจของนาง เติ้งอิงฟังดูแล้วรู้สึกเหมือนลูกปัดหยกเม็ดหนึ่งที่กำลังจะแตก ถ้าเขามีกำลังเก็บรักษาจะต้องซื้อตลับมาเก็บไว้ แต่เวลานี้เขาไม่มีกำลังมากพอ ได้แต่พูดจากใจจริง พยายามปลอบโยนหยางหวั่นเช่นเดียวกับที่นางปลอบโยนตน