หวังเหยียนชิงพยักหน้าเป็นการบอกเขาว่าเข้าใจแล้ว ตำหนักข้างอยู่ไม่ไกลจากตำหนักกลาง อีกทั้งข้างนอกล้วนเต็มไปด้วยองครักษ์เสื้อแพร ลู่เหิงกลับไปที่ตำหนักบรรทมในวังอี้คุนอย่างวางใจ เขาเข้าไปได้ไม่นาน ฮ่องเต้ก็สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายตามคาด
ฮ่องเต้ตื่นจากฝันในสภาพเหงื่อเย็นหลั่งเต็มศีรษะ ลู่เหิงเดินไปยังม่านเตียงด้วยฝีเท้ามั่นคง เอ่ยถามเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท พระองค์ทรงจะเสวยน้ำหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ตระหนกตกใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างอ่อนเพลีย ลู่เหิงเรียกนางข้าหลวงเข้ามา น้ำยังคงผ่านขั้นตอนการทดสอบพิษอันซับซ้อนเช่นเดิมจึงจะถูกยกมาเบื้องพระพักตร์ของฮ่องเต้
ฮ่องเต้ดื่มน้ำไปหนึ่งถ้วย อารมณ์สงบลงเล็กน้อย ลู่เหิงเฝ้าอยู่ข้างเตียง เขาประเมินสีหน้าของฮ่องเต้แล้วเอ่ยเสียงค่อย “ฝ่าบาท กระหม่อมมีคำขอร้องที่ไม่สมควรอย่างหนึ่ง ขอพระองค์ทรงพระกรุณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ถูกคนรัดคอจนเส้นเสียงได้รับความเสียหาย จนกระทั่งตอนนี้เสียงยังคงแหบแห้ง เอ่ยถามอย่างไม่สดชื่น “เรื่องใดกัน”
ลู่เหิงก้มหน้าลงครึ่งหนึ่งเผยให้เห็นเพียงกระดูกคิ้วโดดเด่นกับดวงตาใสกระจ่าง “ภรรยาของกระหม่อมฟื้นฟูความทรงจำแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ชะงักไปเกือบจะสำลักน้ำลายตนเอง หันไปพิจารณาลู่เหิงอย่างละเอียดอีกทีคล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
ลู่เหิงรอจนได้รับการยอมรับแล้วจึงพูดต่อว่า “วันงานแต่งงานของกระหม่อมถูกวอโค่วซุ่มโจมตี ภรรยาของกระหม่อมไม่ระวังหกล้มระหว่างช่วงชุลมุน ศีรษะถูกกระแทกทำให้นางจดจำทุกอย่างได้ นางยืนกรานจะยกเลิกการแต่งงาน กระหม่อมจนปัญญาจึงได้แต่อ้างว่าอยากให้นางช่วยสืบคดีของหยางจินอิงและคนอื่นๆ แล้วพานางมาอยู่ข้างกายพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้คิดในใจ เรื่องในโลกเปลี่ยนแปลงยากคาดเดา มีเพียงลู่เหิงที่ไม่เคยเปลี่ยนไป เขายังคงไร้คุณธรรมถึงเพียงนี้ หากจะให้ฮ่องเต้พูด ลู่เหิงจงใจหลอกลวงฝ่ายหญิงถึงสองปีเต็ม เมื่อฝ่ายหญิงฟื้นฟูความทรงจำก็ต้องการยกเลิกการแต่งงาน นี่เป็นเรื่องถูกต้องชอบธรรมแล้ว ลู่เหิงไม่ยอมรับผิด ไม่ยอมแก้ไขก็แล้วไปเถอะ ยังจะดื้อรั้นหัวแข็ง ใช้อุบายกับฝ่ายหญิงต่อ
คนที่ถูกเขาหมายตาช่างโชคร้ายโดยแท้
เมื่อมีเรื่องนี้แทรกเข้ามา จิตใจของฮ่องเต้ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย รู้สึกได้ว่าคำพูดของลู่เหิงแฝงเรื่องบางอย่างไว้ จึงถาม “เกิดอะไรขึ้นกับนางกำนัลพวกนั้น”
ลู่เหิงหลุบตา ตอบอย่างนอบน้อม “ฮองเฮาทรงเป็นห่วงฝ่าบาทจึงได้ประหารชีวิตนางกำนัลที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทั้งหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ความจริงตอนฮ่องเต้ฟื้นขึ้นมาใหม่ๆ ลู่เหิงเคยพูดแล้วว่ากบฏถูกประหารชีวิตทั้งหมดแล้ว ตอนนั้นฮ่องเต้คิดว่าองครักษ์เสื้อแพรสอบสวนเสร็จแล้วจึงประหาร ไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือของฮองเฮา
นั่นสินะ หากเป็นลู่เหิงเขาจะตัดสินใจโดยพลการได้อย่างไร
ฮ่องเต้นิ่งไป พลันตระหนักถึงความไม่ชอบมาพากล
ในที่สุดลู่เหิงก็ได้พูดเรื่องนี้ออกมาเสียที เขากดศีรษะลงต่ำกว่าเดิม “เฉาตวนเฟยกับองค์หญิงใหญ่ถูกฮองเฮาพาตัวไปตอนกลางคืนพ่ะย่ะค่ะ”
ลู่เหิงแต่งงานแล้ว เข้าใจความคิดจิตใจของบุรุษที่แต่งงานแล้วเป็นอย่างดี ฮองเฮากับเฉาตวนเฟยคนหนึ่งเป็นภรรยาเอก คนหนึ่งเป็นอนุรัก คนนอกไม่ว่าช่วยเหลือใครก็ไม่ถูกต้องทั้งนั้น มิสู้ไม่ยุ่งเกี่ยวโดยสิ้นเชิง ปล่อยให้ฮ่องเต้จัดการสตรีของพระองค์เอง
ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว เข้าใจแล้วว่าเหตุใดลู่เหิงจึงพาหวังเหยียนชิงเข้ามาในวัง เรื่องของฝ่ายในและสตรีย่อมได้แต่ให้สตรีเป็นคนตรวจสอบ ทว่าตอนนี้มิใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ ฮ่องเต้ออกคำสั่งอย่างฉับไว “ไปวังคุนหนิงก่อน จับเฉาตวนเฟยคุมขังไว้”
ลู่เหิงกุมหมัดรับพระบัญชาจากไปอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขายังคงช้าไปหนึ่งก้าว ตอนที่องครักษ์เสื้อแพรไปถึง เฉาตวนเฟยได้สิ้นชีวิตแล้ว
ตายตาไม่หลับ ศพเต็มไปด้วยโลหิต นางถึงขั้นถูกประหารชีวิตด้วยทัณฑ์หลิงฉือ*
* ธารดอกท้อ (เถาฮวาหยวน) เป็นคำเรียกสถานที่ในอุดมคติตามความเชื่อของชาวจีน โดยที่นั่นจะมีสภาพแวดล้อมงดงาม ชาวบ้านใช้ชีวิตอย่างสงบสันติ ตัดขาดจากความวุ่นวายของโลกภายนอก
* ไข่มุกคลุกฝุ่น เป็นคำเปรียบเปรย หมายถึงสิ่งของล้ำค่าไปตกอยู่ในมือคนที่ไม่รู้คุณค่า คนที่มีสติปัญญาไม่ได้รับความสำคัญ
* หลิงฉือ เป็นวิธีลงทัณฑ์ในสมัยโบราณของจีน เรียกอีกอย่างว่า ‘พันดาบหมื่นแล่’ หมายถึงการใช้มีดเฉือนเนื้อของนักโทษออกมาทีละชิ้นๆ จนกว่านักโทษจะตาย ใช้กับนักโทษที่มีความผิดมหันต์เท่านั้น
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 14 ก.ย. 66 เวลา 12.00 น.