ทดลองอ่าน ลูบคมองครักษ์สวมรอย บทที่ 109 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ลูบคมองครักษ์สวมรอย บทที่ 109

หน้าที่แล้ว1 of 3

บทที่ 109

เช้าวันถัดมา ลู่เหิงมารับหวังเหยียนชิงด้วยตนเอง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังวังหลวง

ระหว่างทางลู่เหิงยังคงอ้างว่าบาดเจ็บจึงไม่ขี่ม้าและหันมานั่งรถม้าแทน ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ตอนจับกุมวอโค่วเขาเคลื่อนไหวอย่างไร รถม้าแล่นกึงกังไปข้างหน้า ลู่เหิงอาศัยช่วงเวลานี้บอกวิธีการสืบคดีในวันนี้กับหวังเหยียนชิง

“เริ่มจากหยางจินอิงก่อน สืบดูว่าช่วงเวลานี้นางไปมาหาสู่กับใครบ้าง ทางหนึ่งตรวจสอบคน ทางหนึ่งตรวจสอบสิ่งของ โดยเฉพาะข้าวของล้ำค่าในห้องนาง แก้วแหวนเงินทอง เสื้อผ้าเครื่องประดับ รวมถึงของกระจุกกระจิกที่มิใช่ของภายในวังล้วนต้องตรวจสอบทั้งหมด องครักษ์เสื้อแพรในวังไม่สะดวกที่จะค้นและไม่สะดวกที่จะถาม จึงได้แต่พึ่งพาเจ้าแล้ว ข้าขอกำลังคนมาจากสำนักบูรพาและสำนักประจิม ส่วนการซักถามเจ้าจัดการเอง แต่งานที่ใช้แรงอย่างการรื้อค้นข้าวของ ให้พวกเขาคอยช่วยเจ้า”

หวังเหยียนชิงแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่ลู่เหิงสามารถกระทำได้ “ท่านยังเชิญคนของสำนักบูรพาและสำนักประจิมมาด้วยหรือ”

ฮ่องเต้มอบอำนาจเบ็ดเสร็จในการตรวจสอบวังหลวงให้ลู่เหิง แม้องครักษ์เสื้อแพรจะไม่สะดวกตรวจสอบสตรีในวัง แต่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เสียทีเดียว กระนั้นลู่เหิงกลับแบ่งงานนี้ให้สำนักบูรพาและสำนักประจิม มีคุณงามความชอบทุกคนแบ่งปันกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมเบิกบานกันถ้วนหน้า เหล่าขันทีเองก็รับน้ำใจจากลู่เหิง

อย่างไรเสียขันทีก็เป็นคนที่ใกล้ชิดฮ่องเต้มากที่สุด การผูกมิตรกับคนกลุ่มนี้ไว้มีแต่ได้ไม่มีเสีย ตอนนี้ลู่เหิงเป็นฝ่ายหยิบยื่นผลประโยชน์ให้ วันหน้าพวกขันทีย่อมพูดจาเข้าข้างลู่เหิงมากหน่อย พบเจอเรื่องราวยังเป็นฝ่ายกระซิบบอกเขา ประโยชน์ที่ลู่เหิงจะได้รับย่อมมิอาจประมาณได้

ลู่เหิงเชี่ยวชาญการเดินหมาก นักเดินหมากที่เฉลียวฉลาดผู้หนึ่ง สิ่งที่ใส่ใจมิใช่ผลแพ้ชนะในกระบวนท่าเดียว แต่เป็นการวางแผนระยะยาว

หวังเหยียนชิงชื่นชมในใจว่าลู่เหิงช่างรู้จักวางตัวอย่างแท้จริง มิน่าเขาถึงยืนอยู่ในแวดวงขุนนางได้อย่างมั่นคงไม่ล้มลง สภาขุนนางเปลี่ยนราชเลขาธิการมาสี่คนแล้ว ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรกลับยังคงเป็นเขามาโดยตลอด หวังเหยียนชิงถูกเขาวางกับดัก ยอมรับปากเงื่อนไขของเขาอย่างเลอะเลือนก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้

“ใช่” ชายหนุ่มพยักหน้า “พวกเขายังคงคุ้นเคยกับตำหนักในมากกว่า ทุกคนเงยหน้าไม่เห็นก้มหน้าก็ต้องพบกัน ไม่มีความจำเป็นต้องแย่งชิงอาณาเขตกับผู้อื่น ตำหนักในให้พวกเขาเป็นคนตรวจสอบ ส่วนข้าจะส่งคนไปสืบเรื่องครอบครัวและพื้นเพของพวกหยางจินอิงทั้งสิบหกคน ข้าจะส่งองครักษ์เสื้อแพรจำนวนหนึ่งคอยติดตามเจ้าตลอดเวลา สำนักบูรพาและสำนักประจิมก็จะส่งคนมาด้วยเช่นกัน เจ้าใช้สอยพวกเขาอย่างวางใจได้ ไม่ต้องระแวง วันนี้ทั้งวันข้าจะอยู่เบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ มีเรื่องอะไรเจ้าให้คนมาแจ้งข่าวที่วังอี้คุน ไว้ตอนกลางคืนข้าจะส่งเจ้าออกจากวัง”

การสืบข่าวต่างหากคืองานหลักขององครักษ์เสื้อแพร พวกเขาถนัดการสืบหาข่าวนอกวังมากกว่า หวังเหยียนชิงผงกศีรษะรับ มีลู่เหิงอยู่ นางไม่ห่วงความปลอดภัยของตนเองแม้แต่น้อย หากแม้แต่คนที่ฉลาดอย่างลู่เหิงยังป้องกันไม่ได้ เช่นนั้นหวังเหยียนชิงระวังตัวไปก็ไร้ประโยชน์

หวังเหยียนชิงมุ่งหน้าไปยังตำหนักในสืบคดีลอบปลงพระชนม์ที่รับมือยากที่สุดด้วยจิตใจที่คิดว่าเป็นตายแล้วแต่ชะตา ลาภยศสรรเสริญแล้วแต่ฟ้ากำหนด รถม้าหยุดหน้าประตูวัง หน้าประตูมีขันทีจำนวนมากมารออยู่แล้ว ผู้เป็นหัวหน้าเห็นลู่เหิงก็รีบก้าวเข้ามาทักทาย “คารวะใต้เท้าลู่”

ลู่เหิงยิ้มพลางพยักหน้า “คารวะจ้าวกงกง กงกง นี่คือภรรยาของข้า วันหน้ารบกวนกงกงช่วยดูแลนางมากๆ ด้วย”

จ้าวกงกงย่อมรับคำอยู่แล้ว เรื่องของหน้าตานั้นต้องต่างฝ่ายต่างไว้หน้าจึงจะยิ่งให้ยิ่งได้รับมาก ลู่เหิงให้เหตุผลว่า ‘ไม่คุ้นเคยกับตำหนักใน’ จึงขอให้สำนักบูรพาและสำนักประจิมช่วยเหลือ องครักษ์เสื้อแพรเป็นฝ่ายให้เกียรติขันที จ้าวกงกงย่อมต้องรับไมตรีจากลู่เหิง

สำนักบูรพาส่งขันทีรับใช้มาหลายคน โดยให้จ้าวกงกงจากสำนักประจิมเป็นหัวหน้า จ้าวกงกงทักทายปราศรัยกับลู่เหิงอีกสองสามคำ ก่อนที่สองคนจะอำลากันด้วยความปรองดอง ลู่เหิงไปวังอี้คุนเฝ้าฮ่องเต้ ส่วนจ้าวกงกงยิ้มประสานมือให้หวังเหยียนชิง “คารวะลู่ฮูหยิน ฟังว่าลู่ฮูหยินมีเนตรไฟตาทอง* วินิจฉัยเรื่องราวได้อย่างกระจ่างแจ้ง ผู้น้อยต้องพึ่งพาลู่ฮูหยินแล้ว”

หวังเหยียนชิงไม่เหมือนลู่เหิงที่แค่อ้าปากก็พูดไปเรื่อยได้ ฟังแล้วเพียงยิ้มน้อยๆ ปฏิเสธ จ้าวกงกงจึงผายมือออกไป เป็นฝ่ายเชื้อเชิญ “ลู่ฮูหยิน เชิญ”

เขตพระราชฐานชั้นในแม้จะกว้างใหญ่ แต่มิใช่นางกำนัลขันทีทั้งหมดจะอาศัยอยู่ในนี้ เฉพาะนางกำนัลขันทีจำนวนน้อยที่ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดสนมชายาเท่านั้นจึงจะได้พักอยู่ในห้องด้านข้างกับเจ้านาย ส่วนคนอื่นๆ ล้วนพักอยู่ในเขตวังนอกพระราชฐานชั้นใน หกวังประจิมมีพื้นที่น้อย แค่สนมชายายังไม่พออยู่อาศัยจึงรองรับนางกำนัลได้ไม่มาก

พวกหยางจินอิงทั้งสิบหกคนล้วนอาศัยอยู่ด้านนอก พวกนางแบ่งเป็นสามผลัด แต่ละผลัดทำงานสี่ชั่วยาม ถึงเวลาก็ออกจากวัง คืนวันที่ยี่สิบเจ็ดเป็นเวรของหยางจินอิงและคนอื่นๆ เฝ้าวังอี้คุนยามค่ำคืน

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com