ด้านเสิ่นหรูป๋อหลังจากได้รับการตอบกลับจากเว่ยกงกงแล้วก็สบายใจ รีบไปรายงานที่คฤหาสน์สกุลหลี่ทันที
หลังจากฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ได้ยินว่าเรื่องราวมีความเปลี่ยนแปลง ฉู่ซือหม่าอาจจะปล่อยตัวคนก็รู้สึกเบาใจ พูดอมิตาภพุทธไม่หยุด
แต่ตอนได้ยินว่าหลี่เสวียนเอ๋อร์วาดภาพผังต่อเรือจำลองได้จึงหันไปมองอย่างสงสัย
เคล็ดวิชาที่สืบทอดจากบรรพชนสกุลหลี่ การสืบทอดต้องไม่มีความผิดพลาดใด การให้เรือนี้ล่องไปบนคลื่นทะเล ขนชีวิตคนนับไม่ถ้วน จะให้คนที่ไม่ชำนาญวิชามาใช้ชื่อของสกุลหลี่หลอกลวงคนไม่ได้
ในอดีตที่สามีของนางถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้แก่บุตรสาวคนรองก็เป็นการทำผิดประเพณีสกุลแล้ว อีกทั้งนางยังไม่เคยเห็นสามีถ่ายทอดวิชาให้แก่หลี่เสวียนเอ๋อร์เลยด้วยซ้ำ
ตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่หันมองไปอย่างสงสัย หลี่เสวียนเอ๋อร์ก็นั่งนิ่งอยู่ข้างโจวอี๋เหนียงมารดาของนาง ไม่ก้มหน้าก้มตาเหมือนที่ผ่านมา ปลายคางนั้นเชิดขึ้นเล็กน้อย ไม่อ่อนข้อไม่วางก้าม
หลังจากนางช้อนตาขึ้นเหลือบมองเสิ่นหรูป๋อแวบหนึ่งแล้วก็เอ่ยปากพูดว่า “แม่ใหญ่ ตอนนี้พี่รองตกอยู่ในความลำบาก เสวียนเอ๋อร์ย่อมต้องพยายามสุดกำลังไปช่วยพี่รอง เมื่อก่อนพี่รองเคยถ่ายทอดเคล็ดวิชาต่อเรือให้ข้ามาบ้าง แม้เสวียนเอ๋อร์จะโง่งมทึ่มทื่อ ไม่ฉลาดเฉลียวเหมือนพี่รองที่เรียนรู้ได้ไว แต่ก็พอมีความรู้เบื้องต้นบ้าง อาศัยภาพผังที่พี่รองเหลือทิ้งเอาไว้ ต่อเรือที่สมบูรณ์สักลำก็ไม่ยาก… แต่เสวียนเอ๋อร์มีเรื่องหนึ่งจะขอร้อง ไม่รู้ว่าแม่ใหญ่จะยอมรับปากหรือไม่”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามขึ้น “จะขอร้องอะไรหรือ”
หลี่เสวียนเอ๋อร์พูดอย่างหนักแน่น “ก่อนหน้านี้เพราะเสวียนเอ๋อร์เป็นห่วงพี่รอง จึงอยากจะแต่งงานไปพร้อมกับนาง แต่คุณชายรองไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เสวียนเอ๋อร์เดิมคิดว่าคุณชายรองรังเกียจเสวียนเอ๋อร์ จึงได้เอ่ยปากปฏิเสธ ผู้ใดจะรู้ว่าเขากลับฝากคำพูดมาถึงท่านแม่ ที่แท้เขาไม่อยากจะสร้างความน้อยเนื้อต่ำใจให้เสวียนเอ๋อร์ อยากให้เสวียนเอ๋อร์กับพี่รองมีฐานะเท่าเทียมกัน แต่งเข้าเป็นภรรยาเอกเช่นเดียวกัน…”
พูดถึงตรงนี้ ใบหน้านางก็แดงเรื่อ ราวกับหญิงสาวเพิ่งมีความรักแรกแย้ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดกับฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ด้วยรอยยิ้ม “คุณชายรองเสิ่นมีความคิดจะแต่งพี่สาวน้องสาวเช่นเดียวกับอดีตฮ่องเต้ ไม่รู้ว่าแม่ใหญ่จะอุ้มสมข้ากับพี่รอง ภายหน้าให้เสวียนเอ๋อร์ได้อยู่เคียงข้างพี่รองไปนานๆ ได้หรือไม่”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่แม้บางครั้งจะใจอ่อนเลอะเลือนไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ นี่มันเรื่องอะไร บุตรสาวคนรองของตนเองยังอยู่ทนทุกข์ในคุกของฉู่ซือหม่า แต่หลี่เสวียนเอ๋อร์กลับไม่เลือกเวลามาพูดเรื่องเดิมอีกครั้ง ไม่ใช่เพื่อบีบบังคับอย่างนั้นหรือ
ตอนนี้นางจึงเหลือบมองเสิ่นหรูป๋อที่ก้มหน้าหลุบตาไม่พูดไม่จาอยู่ด้านข้างแวบหนึ่งแล้วพูดอย่างเย็นชา “เรื่องเหล่านี้ ข้ากับท่านแม่เจ้าค่อยปรึกษากันอีกที ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือช่วยพี่รองของเจ้าออกมามากกว่ากระมัง”
หลี่เสวียนเอ๋อร์ไม่ยินยอมให้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ปล่อยเรื่องเลยตามเลยไปเช่นนี้ จึงลุกขึ้นคุกเข่าพูดว่า “ตอนนี้พี่รองหาเรื่องให้สกุลหลี่ไม่เว้นวัน โชคดีที่ได้คุณชายรองเสิ่นไม่ทิ้งขว้าง ทว่าแม่ใหญ่ต้องคำนึงถึงชื่อเสียงของคุณชายรองเสิ่นบ้าง ถ้าพี่รองถูกราชสำนักคาดโทษจริง ถูกเนรเทศ ท่านยังอยากให้สกุลเสิ่นได้รับความลำบากอย่างนั้นหรือ ตอนนี้เทียบมงคลถูกแจกไปทั่วแล้ว อีกสิบวันก็จะมีแขกมาถึงบ้าน ถ้าพี่รองไม่กลับมา เกี้ยวมงคลของสกุลเสิ่นจะให้ยกกลับไปทั้งที่ยังว่างหรือ คุณชายรองเสิ่นมีน้ำใจและคุณธรรมกับสกุลหลี่ เสวียนเอ๋อร์ทนไม่ไหวที่จะให้คุณชายรองเสิ่นต้องถูกคนว่าร้าย ยินดีจะแต่งงานเข้าไปก่อนพี่รอง รอพี่รองกลับมาอย่างปลอดภัย ค่อยรับพี่รองเข้าคฤหาสน์อีกที”
ในตอนนี้หล่งเซียงสาวใช้ของหลี่รั่วอวี๋ทนฟังต่อไปไม่ไหวจึงถลึงตาพูดเสียงดังว่า “ทำไมเจ้าคะ ความหมายของคุณหนูสามคือ ท่านแต่งเข้าบ้านก่อน จะให้คุณหนูรองที่เป็นภรรยาเอกแต่งเข้าทีหลังเหมือนเป็นอนุอย่างนั้นหรือเจ้าคะ”
ความน่ารักโอนอ่อนผ่อนตามของหลี่เสวียนเอ๋อร์ที่ผ่านมาหายไปแล้ว นางเชิดปลายคางขึ้นพูดทีละคำอย่างชัดเจน “ถ้านางลบล้างความผิดได้ไม่ทันเวลา จะแต่งเข้าบ้านเมื่อใดก็ยังไม่แน่เลย”
คำพูดที่พูดออกมาอย่างใจดำฟังชัดเจนเช่นนี้ แม้แต่โจวอี๋เหนียงก็ยังถลึงตาใส่นางอย่างทนไม่ไหว
แท้จริงแล้วหลี่เสวียนเอ๋อร์ก็ทนเก็บกดในใจเช่นกัน มาถึงช่วงสำคัญนี้แล้ว แต่เสิ่นหรูป๋อกลับไม่ได้พูดกับฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เรื่องจะให้พี่น้องแต่งงานพร้อมกันเลย แม้แต่เมื่อครู่ตอนที่นางเอ่ยปากพูด เขายังถลึงตาใส่นางอีกด้วย นางจึงทนไม่ไหวพูดสร้างความลำบากใจทันที คำพูดจึงแสลงหูอย่างเลี่ยงไม่ได้