ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ฟังแล้วรู้สึกงุนงง พ่อบ้านที่ไปรับคุณหนูรองกลับมาในตอนเช้าก็อธิบายว่า “เมื่อครู่บ่าวใส่ซองเงินส่งหญิงที่รับผิดชอบมาส่งกลับไปแล้ว ของเล่นเหล่านี้ซือหม่าเป็นคนสั่งให้ซื้อมาให้คุณหนูรองขอรับ สำหรับนกแก้วตัวนั้น ตอนที่คุณหนูรองจะจากมา เห็นเหยี่ยวล่าสัตว์ที่ซือหม่าปล่อยไว้ในลานบ้านพอดี และร้องไห้งอแงมาก เอาแต่บอกว่าไม่กลับแล้ว จะเอาเหยี่ยวล่าสัตว์ตัวนั้นกลับมาด้วยให้ได้”
พูดถึงตรงนี้ พ่อบ้านก็เช็ดเหงื่ออย่างหวาดหวั่นแล้วพูดต่อว่า “ความกล้าของคุณหนูรอง…ยังคงไม่ลดไปจากตอนก่อนป่วยเลย กล้าไปเอ่ยปากขอต่อหน้าซือหม่าหน้าเครียดผู้นั้น… จะเอาสัตว์ปีกดุร้ายแบบนั้นไปทำอะไรกัน ข้าน้อยเกรงว่าซือหม่าจะโกรธจนเอาชีวิตคน ตกใจจนแทบจะปล่อยเบารดกางเกง โชคดีที่ซือหม่ายังนับว่าใจกว้าง สั่งให้คนใต้บัญชาซื้อนกแก้วตัวนี้มาให้คุณหนูรอง อย่างไรก็มีปากงุ้มเหมือนกัน มีความคล้ายกันอยู่หลายส่วน”
ในตอนนี้เองหลี่รั่วอวี๋ก็ยื่นมือไปแก้โซ่บนขานกแก้วออก เลียนแบบท่าทางของคนเลี้ยงเหยี่ยวที่ได้เห็นมาในช่วงไม่กี่วันนี้ ยื่นแขนออกไปไล่นกแก้วตัวนั้น พูดเลียนอย่างว่า “ไล่ล่า”
นกแก้วที่ขนเพิ่งจะขึ้นเต็มตัวตกใจ กางปีกบินไปทั่วห้อง ขนสีขาวร่วงจนเต็มพื้น
เพียงชั่วครู่สาวใช้และบ่าวหญิงอาวุโสในห้องนี้ก็ร้องตกใจไม่ขาด
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ก็ถูกนกแก้วเกี่ยวปิ่นปักผมหลุดไปหนึ่งอันเช่นกัน นางเกิดความรู้สึกละอายใจต่อท่านซือหม่าขึ้นมาหลายส่วน คิดว่าหลายวันมานี้ตอนเขาสอบสวนบุตรสาวสมองเสื่อม คงจะได้รับความลำบากมากมาย จึงได้รีบร้อนจะส่งตัวบุตรสาวกลับคฤหาสน์มากระมัง
ตอนนี้คิดไปแล้ว การถอนหมั้นของบุตรสาวทำถูกต้องแล้ว ไม่เช่นนั้นด้วยความโง่ซื่อเหมือนเด็กเล็กของนางเช่นนี้ ไม่ต้องไปทนรับสายตารังเกียจของคนอื่นที่คฤหาสน์สกุลเสิ่นหรือ ตอนนี้ดูไปแล้ว เสิ่นหรูป๋อผู้นั้นก็ไม่ได้มีใจรักบุตรสาวของตนเองเช่นกัน โชคดีที่รู้ตัวได้เร็ว แม้ชาตินี้จะไม่แต่งงาน ก็ไม่มีอะไรหนักหนา สกุลหลี่ไม่ขาดเงิน สามารถทำให้หลี่รั่วอวี๋มีชีวิตที่ดีได้โดยไม่ต้องกังวล!
เพราะสกุลหลี่น้องสาวแต่งงานแทนพี่สาว กำหนดวันแต่งงานจึงไม่เปลี่ยนแปลง แต่คนที่คุ้นเคยกับหลี่เสิ่นสองสกุล ล้วนรู้เรื่องที่คุณหนูรองถอนหมั้นกับสกุลเสิ่นแล้ว เมืองเหลียวเฉิงเดิมทีก็ไม่ใหญ่ เพียงไม่นานก็กลายเป็นเรื่องคุยกันหลังอาหารของพวกชาวเมือง
โจวอี๋เหนียงไม่รู้ว่าได้ฟังอะไรมาจากหลี่เสวียนเอ๋อร์ เวลาพูดเสียงก็ค่อยๆ แข็งขึ้นมา วิ่งมาปรึกษาฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เรื่องสินสอดฝ่ายหญิง
“ก่อนตายนายท่านกำชับเอาไว้ ต่อไปเสวียนเอ๋อร์แต่งงานไม่แบ่งเอกอนุ ต้องให้สินสอดมากจำนวนหนึ่ง…” คำพูดโจวอี๋เหนียงแม้จะอ่อนโยนคล้ายหวาดหวั่น แต่ท่าทางต้องการของนั้นไม่ได้อ่อนด้อยแม้แต่น้อย
นายท่านหลี่ตอนยังมีชีวิตอยู่ไม่ค่อยไปที่ห้องของโจวอี๋เหนียง ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่มักจะคิดว่าเพราะความคิดของตนเองทำให้หญิงสาวชาวนาที่บริสุทธิ์ผู้หนึ่งกลายมาเป็นอนุสกุลหลี่ แต่งเข้ามาในสกุลหลี่แล้วกลับต้องอยู่เฝ้าห้องผู้เดียว ในใจรู้สึกผิดต่อโจวอี๋เหนียงมาโดยตลอด ดังนั้นนางจึงปฏิบัติต่ออนุผู้นี้ราวกับพี่น้อง
แต่คิดไม่ถึงว่ากลับถูกบุตรสาวของอนุผู้นี้แย่งการแต่งงานของบุตรสาวนางไป ความอึดอัดในใจนางนั้นมีมากยิ่งทว่าไม่จำเป็นต้องแสดงออกทางคำพูด นางเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคำว่า ‘เหตุผล’ นายท่านก่อนตายทำผิดหมางเมินอนุผู้นี้ก็ได้กำชับไว้แบบนี้จริงๆ นางย่อมไม่มีทางไม่ยอมรับ จึงเอ่ยพูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าไปจัดแจงงาน ข้าจะกำชับทางห้องบัญชีให้เจ้าไปเบิกเงินก้อนใหญ่จากคฤหาสน์ได้”
โจวอี๋เหนียงขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าหลี่แล้วเอ่ยต่อ “แต่เวลาเร่งไปสักหน่อย โดยเฉพาะเครื่องประดับ ไปซื้อของสำเร็จรูปเหล่านั้นที่ร้านก็ไม่ค่อยประณีต แล้วถ้าซื้อของขาดอะไรไป จะมิทำให้สกุลเสิ่นหัวเราะเยาะสกุลหลี่ของพวกเราหรือ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ได้ยินเช่นนั้นก็พยายามสะกดอารมณ์พลางกล่าว “แล้วเจ้าว่าควรจะทำอย่างไร”
“ตามที่น้องคิด สินสอดที่ทำให้คุณหนูรองเหล่านั้นมีครบทุกอย่าง ตอนนี้นางก็ยังไม่ได้ใช้ สู้ว่า…เอามาให้เสวียนเอ๋อร์ใช้ก่อน”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ฟังถึงตรงนี้ก็โกรธจนตบโต๊ะ “วางแผนยึดลูกเขยข้า ตอนนี้ยังคิดมายึดสินสอดของบุตรสาวข้าอีกหรือ! โจวซื่อ เจ้ากล้ามาก! เห็นว่าปกติข้าอ่อนโยนเกินไป ไม่เหมือนสกุลอื่นที่ฮูหยินใหญ่ทุบตีอนุ จึงลืมฐานะของตนเองไปใช่หรือไม่ ในสินสอดของหลี่รั่วอวี๋ นอกจากกล่องเครื่องประดับที่สั่งทำใหม่แล้ว มีครึ่งหนึ่งเป็นของที่ข้าเอากลับมาจากบ้านเกิด ที่เหลือก็เป็นของที่ท่านยายข้ามอบให้ข้า ของเหล่านี้มีเพียงหลี่รั่วอวี๋จึงจะคู่ควร รั่วฮุ่ยบุตรสาวคนโตของข้ายังไม่เคยให้นางแม้แต่ครึ่งชิ้น ตอนนี้เจ้ากล้าเอ่ยปาก บอกว่าจะเอาของเหล่านี้ให้ลูกเจ้า เจ้าก็ต้องดูว่าบุตรสาวของเจ้าคู่ควรหรือไม่ด้วย!”