นางอยู่อย่างไม่สนอะไรมาหลายปี ไม่มีความสามารถเหมือนบุตรสาว ตอนนี้เรือลำใหญ่ของสกุลหลี่ลำนี้มอบให้นางเป็นคนคุม หากไม่ระวังก็จะชนหินจมลงสู่ก้นแม่น้ำได้ กิจการนับร้อยปีของสกุลหลี่ต้องสลายไป… เมื่อคิดถึงจุดนี้นางก็รู้สึกใจสั่น คิดใคร่ครวญแล้วรู้สึกว่าสู้แรงกดดันไม่ได้ อาการปวดหัวกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง จึงกลั้นใจให้คนไปตามเสิ่นหรูป๋อมา
ตอนที่เสิ่นหรูป๋อมาถึง ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กลับไม่อยากพบหน้าเขา จึงให้เขายืนอยู่กลางลานบ้าน ให้พ่อบ้านนำคำพูดไปบอกว่า ตอนนี้หลี่เสวียนเอ๋อร์เกิดกระเทือนถึงครรภ์ แม้จะรักษาลูกไว้ได้ แต่ก็เสียเลือดไปมาก อยู่ในคฤหาสน์สกุลหลี่หากเป็นอะไรขึ้นมา สกุลหลี่จะตกเป็นที่ครหาว่าใจร้ายกับบุตรสาวภรรยารอง ขอให้เสิ่นหรูป๋อพาตัวโจวอี๋เหนียงสองแม่ลูกไป และให้พักที่เรือนอื่นรอการทำพิธีแต่งงาน
ความหมายคำพูดนี้คือจะไล่โจวอี๋เหนียงสองแม่ลูกออกจากคฤหาสน์สกุลหลี่ก่อนพิธีแต่งงาน หากสกุลเสิ่นยินดีแต่งงานก็เตรียมงานจัดการได้เอง สกุลหลี่ไม่มีหน้าที่รักษาหน้าตาของชายหญิงคู่หนึ่งที่ลอบมีสัมพันธ์กัน
ภายใต้สายตาดูหมิ่นของพ่อบ้าน สีหน้าของเสิ่นหรูป๋อยังคงเป็นปกติ ไม่มีท่าทีอึดอัดลำบากใจที่เรื่องฉาวถูกคนรู้เข้าแม้แต่น้อย หลังจากพ่อบ้านแจ้งคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าหลี่จบแล้ว เขาก็แค่เพียงพยักหน้าพลางพูดเสียงเครียดว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่มีความคิดเช่นนี้ ข้าน้อยย่อมยอมทำตาม ไม่รู้ว่าจะขอพบคุณหนูรองสักครั้งได้หรือไม่ ถ้านางสบายดีทุกอย่าง ข้าน้อยก็วางใจแล้ว”
ดวงตาพ่อบ้านสกุลหลี่ถลึงจนแทบจะหลุดออกมาแล้ว คิดเพียงว่าคุณหนูรองเป็นคนดีย่อมมีสวรรค์คอยช่วย โชคดีผ่านเคราะห์นี้ไปได้ ไม่ได้แต่งงานกับคนหน้าหนาไร้ยางอายเช่นนี้ เสียทีเป็นลูกหลานตระกูลขุนนางที่เรียนรู้หนังสือมา เหตุใดจึงไร้เหตุผลเช่นนี้ ยังมีหน้าไปพบคุณหนูรองอีก หากคุณหนูรองสติยังครบถ้วน จะไม่ฝากฝ่ามือไว้บนใบหน้าหล่อเหลาของเขาทั้งรอยและเสียงอย่างนั้นหรือ
พ่อบ้านถ่มน้ำลายไปบนพื้นหินก่อนจะพูดด้วยเสียงสะอิดสะเอียน “คุณหนูรองไม่สบายใจ ไม่ยินดีพบแขก อีกอย่างคุณชายรองเสิ่นมีงานยุ่ง ต่อไปกิจการร้านค้าสกุลหลี่คงไม่รบกวนคุณชายรองเสิ่นแล้ว สำหรับเงินที่ท่านเอามาร่วมหุ้นในร้านก่อนหน้านี้ อีกสองวันทางห้องบัญชีของพวกเราจะคำนวณให้ท่านอย่างละเอียด นับจากนี้หลี่เสิ่นสองสกุลไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีกต่อไป!”
ฟังถึงตรงนี้ บนใบหน้าเสิ่นหรูป๋อก็ค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มเลวร้ายออกมา ก่อนจะพูดขึ้นอย่างช้าๆ “เช่นนั้นเรียนฮูหยินสักคำ ใจที่หรูป๋อมีต่อคุณหนูรองไม่เคยเปลี่ยนไปเลย วันหน้าถ้าทางคฤหาสน์มีอะไรติดขัด มาเอ่ยปากกับหรูป๋อได้เสมอ”
พูดจบเขาก็หมุนตัวไปที่เรือนของหลี่เสวียนเอ๋อร์รับคนออกจากคฤหาสน์
หลี่เสวียนเอ๋อร์นั้นสีหน้าซีดขาว ถูกคนแบกออกไปทางประตูหลัง ส่วนโจวอี๋เหนียงก็พยายามสงบนิ่ง เก็บของใช้ส่วนตัวที่พกง่ายไปกับรถม้าของสกุลเสิ่น
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ได้ฟังการบรรยายของพ่อบ้านแล้วก็ยิ้มเย็นชา คฤหาสน์สกุลหลี่ของพวกเขาต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปพบเขาเสิ่นหรูป๋อ!
หลังเสิ่นหรูป๋อรับตัวโจวอี๋เหนียงกับหลี่เสวียนเอ๋อร์ออกจากคฤหาสน์สกุลหลี่แล้วก็พาไปอยู่ในคฤหาสน์ทางตะวันตกก่อนชั่วคราว
แม้ว่าเรื่องฉาวของสกุลหลี่จะไม่อยากให้ลือออกไปภายนอก แต่หากบ่าวในบ้านคนสองคนหลุดปากพูดไปก็จะเป็นข่าวลือไปทั่วเมืองได้ เสิ่นหรูป๋อเป็นคนมีความรับผิดชอบติดต่อกับขุนนางเมืองเหลียวเฉิง และอาศัยชื่อของพี่ชายบริจาคเงินให้กับหอการกุศลในเมือง ดังนั้นชาวเมืองเหลียวเฉิงล้วนเห็นเสิ่นหรูป๋อเป็นคนสูงส่ง ตอนนี้หากข่าวว่าเปลี่ยนน้องสาวมาแต่งงานแทนพี่สาวและคุณหนูสามหลี่ตั้งครรภ์แล้วลือออกไป ผู้คนอาจจะคิดว่าจิ้งจอกไร้ยางอายผู้นี้หลอกล่อพี่เขยก็เป็นได้
นับจากอดีตภายในเรือนหากมีเรื่องฉาว ล้วนไปหาสาเหตุจากฝ่ายหญิง กอปรกับหลี่รั่วอวี๋ป่วยแล้ว เสิ่นหรูป๋อที่มีคุณสมบัติเหนือผู้ใดแต่งภรรยาอื่นก็พอให้อภัยได้ ดังนั้นการวิจารณ์ในเมืองสำหรับเสิ่นหรูป๋อแล้วไม่มีผลกระทบอะไร อย่างไรเสียเสิ่นหรูป๋อยังนับว่า ‘จิตใจดีงาม’ ได้คนเขาแล้วก็แสดงความรับผิดชอบ กำหนดวันแต่งคุณหนูสามหลี่เข้าบ้านแล้ว ชาวเมืองคงเห็นเป็นแค่เรื่องหญิงงามในคฤหาสน์คนสูงศักดิ์ ลือกันสักพักก็เงียบไปเอง
แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณหนูรองในคฤหาสน์สกุลหลี่ก็เป็นดอกไม้ที่ไม่มีเจ้าของแล้ว