เหล่าแม่สื่อใหญ่น้อยในเมืองเหลียวเฉิงเริ่มเกิดความคิด แม้คุณหนูรองหลี่จะสมองเสื่อมไปแล้ว แต่เงินของสกุลหลี่ไม่ได้ขึ้นราหรือมีขน หากผู้ใดทนรับอาการโง่ทึ่มนี้ได้ แต่งคุณหนูรองเข้าบ้าน ย่อมสามารถขนกองทองกลับมาได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ผลปรากฏว่าเวลาเพียงไม่กี่วันก็มีคนมาเยือนที่คฤหาสน์สกุลหลี่อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่มาทาบทามสู่ขอมีตั้งแต่บัณฑิตตกยากที่เล่าเรียนอย่างลำบาก และมีลูกหลานในครอบครัวฐานะปานกลาง ถึงจะอ่อนด้อยแต่มือเท้ามีความผิดปกติ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนที่ทำตัวเสเพลชื่อเสียงเลวร้ายอีกด้วย
หลังจากฮูหยินผู้เฒ่าหลี่อดทนต้อนรับมาหลายคนแล้วก็รำคาญใจอย่างมาก จึงประกาศกับคนภายนอกว่าป่วย ปิดประตูไม่รับแขก แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังขวางคนที่มาทาบทามแต่ละสำนักไม่ได้
แต่เมื่อถึงวันมงคลของเสิ่นหรูป๋อกับหลี่เสวียนเอ๋อร์ ในเมืองมีเสียงประทัดดังก้อง เหล่าแม่สื่อจึงพอมีตา รู้ว่าวันนี้ฮูหยินสกุลหลี่ต้องอารมณ์ไม่ดีแน่นอน จึงไม่ได้ไปกินน้ำแกงปิดประตู
อันที่จริงฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ไม่มีเวลาสนใจเรื่องของหลี่เสวียนเอ๋อร์จริงๆ หลายวันมานี้ร้านค้าทุกแห่งพากันมาแจ้งเรื่องด่วน มีสินค้าจำนวนมากค้างจ่าย ก่อนหน้านี้เพราะเสิ่นหรูป๋อสร้างสัมพันธ์อันดีกับพวกเขา ตกลงให้ค้างจ่ายไว้ชั่วคราว แต่ตอนนี้หลังจากเสิ่นหรูป๋อไม่รับผิดชอบร้านค้าแล้ว พ่อค้าเหล่านี้ก็เหมือนทำการตกลงกันมา ต่างพากันวิ่งมาทวงเงิน
ตอนที่พ่อบ้านบอกฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ นางยังไม่ได้เก็บมาใส่ใจนัก กิจการนานหลายปีของสกุลหลี่ จะจ่ายค่าสินค้าไม่กี่ก้อนนี้ไม่ได้ได้อย่างไร
ทว่าหลังจากพ่อบ้านจัดแยกบัญชีรายรับรายจ่ายแต่ละส่วนแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่จึงพบว่าร้านค้าของตนเองไม่รู้ว่าขาดเงินไปจำนวนมากเพียงเท่านี้ตั้งแต่เมื่อใด บัญชีนั้นเหมือนกับถูกหนอนชอนไช ใช้เดือนชนเดือนด้วยซ้ำ
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!” ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ไม่กล้าเชื่อสิ่งที่เห็น เพราะหลี่รั่วอวี๋ป่วย เงินค่าสินค้า และเรือโดยสารที่อู่เรือยังไม่ได้ส่งมอบเหล่านี้ เงินที่ต้องชดเชยก้อนใหญ่ราวภูเขาหิมะถล่มทับลงมา แม้จะเป็นเจดีย์เหล็กกล้าก็ยังทานไม่ไหว…
พ่อบ้านจึงพูดด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม “ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ หนึ่งเดือนก่อนข้าน้อยเคยบอกท่านถึงเรื่องเงินหมุนเวียนสินค้านี้ แต่ท่านไม่ยอมรับฟัง บอกเพียงว่าให้คุณชายรองเสิ่นทำตามเห็นสมควร แต่หลังจากคุณชายรองเสิ่นได้เงินไปหนึ่งรอบ ก็อ้างว่าจะสร้างอู่เรือใหม่ที่เมืองหลวง ขนเงินก้อนใหญ่ไปอีก ตอนที่คุณหนูรองดูแลจัดการ หากไม่มีตราประทับจากนาง เงินแม้ส่วนเดียวก็จะไม่ปล่อยออกไป แต่หลังจากนางป่วย ตราประทับจึงให้ท่านเป็นคนดูแล ใบรายการสั่งซื้อที่คุณชายรองเสิ่นเอามา ท่านล้วนประทับตราปล่อยไปหมด เขาทำงานกับคุณหนูรองมานานอย่างนี้ อุดช่องโหว่ในบัญชีได้ราวกับเอาปูนไปฉาบกำแพง ไหลลื่นอย่างมาก แม้ตอนนี้อยากจะไปแจ้งความว่าเขายักยอกทรัพย์สินสกุลหลี่ของพวกเราก็ไม่มีหลักฐานอะไร!”
พูดถึงตรงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ก็นับว่าฟังเข้าใจแล้ว บัญชีนี้ถูกเสิ่นหรูป๋อเล่นไม่ซื่อ ตอนนี้เขานับว่า ‘งานเสร็จก็ถอยออก’ คิดบัญชีชัดแล้ว สิ่งที่เหลือทิ้งให้กับสกุลหลี่คือเรือโทรมที่มีรูพรุนนับร้อย แค่สะกิดเพียงเบาๆ ก็จมลงก้นน้ำได้ทุกเมื่อ…
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่รู้สึกแขนขาอ่อนแรง ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้นุ่มทันที
ตอนนี้นางเข้าใจความหมายคำพูดของเสิ่นหรูป๋อที่ว่า ‘วันหน้าถ้าทางคฤหาสน์มีอะไรติดขัด’ มันซ่อนความโหดเหี้ยมเลวร้ายเอาไว้มากมายเพียงใด
นางกลับเชื่อใจผู้ดีจอมปลอมที่มีแผนการลึกซึ้งอย่างนี้ ในที่สุดนางก็เข้าใจได้รางๆ แล้วว่าตอนแรกเหตุใดบุตรสาวจึงต้องการถอนหมั้น
สกุลหลี่แม้จะเป็นพ่อค้าร่ำรวย แต่เงินส่วนใหญ่ล้วนเอามาใช้ในการจัดการทรัพย์สินที่ดินร้านค้าและไร่นา ตอนนี้แม้จะอยากขายที่ในราคาถูก ทว่าในเวลาอันสั้นคงไม่มีผู้ใดรับซื้อ ยามนี้พวกเจ้าหนี้จะมาทวงหนี้ถึงบ้าน เช่นนี้จะทำอย่างไร คนเป็นพ่อค้าความน่าเชื่อถือสำคัญมาก หากเรื่องเงินค่าสินค้าจ่ายไม่ทันเวลาลือออกไป คงถึงเวลาต้นไม้ล้มลิงกระเจิง ผู้ใดยังจะยอมไหว้วานสกุลหลี่ให้ขนสินค้าชุดใหญ่ให้อีกเล่า
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่สั่งให้พ่อบ้านไปดูในคลังส่วนตัวของคฤหาสน์ว่ามีเงินเหลืออยู่เท่าใด กลับพบว่าแม้ในคฤหาสน์จะประหยัดเรื่องเสื้อผ้าและอาหาร แต่สำหรับเงินค่าสินค้านั้นแล้วก็เป็นเพียงน้ำแก้วเดียวที่ดับไฟไม่ได้ ทว่าโชคดีที่ยังรับมือกับความเร่งด่วนในตอนนี้ได้บ้าง จึงตัดสินใจจ่ายเงินให้พวกเจ้าหนี้ส่วนหนึ่งไปก่อน