ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน วาสนาคนเขลา บทที่สาม-บทที่สี่
วันที่สองหลังจากวันมงคลของสกุลเสิ่น เสิ่นหรูป๋อก็เขียนจดหมายมาถึงฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ พูดอย่างมองการณ์ไกลถึงข้อดีข้อเสียในเรื่องนี้ให้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่รับรู้อย่างชัดเจนว่ายังมีเงินสำคัญอีกก้อนหนึ่ง นั่นคือเงินค่าจ้างต่อเรือของหลี่รั่วอวี๋ที่รับมาจากกรมปกครองซึ่งได้โยกไปใช้ก่อนแล้ว ตอนนี้สกุลหลี่ไม่อาจทำงานเสร็จตามเวลา ส่วนหลี่เสวียนเอ๋อร์ก็แบ่งเส้นกับสกุลหลี่อย่างชัดเจน ตอนนี้นางสานงานต่อจากหลี่รั่วอวี๋ เช่นนั้นสกุลหลี่ก็ควรจะมอบเงินนั้นคืนให้แก่สกุลเสิ่น หากไม่เช่นนั้นจะไปแจ้งราชสำนัก และไปเจอกันที่โถงว่าการ!
หากพูดถึงเงินค่าสินค้าอื่นยังพอจัดการได้ แต่เงินของกรมโยธานี้กลายเป็นดาบคมหมายเอาชีวิตที่ลอยอยู่บนหัวสกุลหลี่
หลังจากฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของเรื่องนี้แล้ว สุดท้ายก็ตอบจดหมายถึงเสิ่นหรูป๋อ คำพูดในจดหมายผ่อนปรนลงมาก ขอร้องให้เสิ่นหรูป๋อยืดเวลาให้ระยะหนึ่ง หากไม่ได้ จะใช้ร้านค้าและที่นามาค้ำประกัน
ครั้งนี้เสิ่นหรูป๋อไม่ได้เขียนจดหมายตอบ แต่ส่งเสิ่นโม่ผู้ติดตามของตนเองมา พูดถึงข้อดีข้อเสียให้ฮูหยินผู้เฒ่าฟังด้วยตนเอง เห็นว่าอู่เรือใกล้จะเปิดทำการแล้ว เงินก้อนนั้นต้องได้มาในทันที หากสกุลหลี่เอาของมาค้ำประกัน เช่นนั้นก็เท่ากับแสดงให้เห็นว่าเอาเงินหลวงมาใช้ส่วนตัวเหมือนเป็นการคาดโทษให้ตนเอง ถึงตอนนั้นไม่เพียงฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ต้องเข้าคุก แม้แต่คุณหนูรองที่ตอนนี้โง่เขลาเซ่อซ่าก็ไม่พ้นความโชคร้ายนี้ไปได้
“ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ ทุกเรื่องจะเด็ดขาดเกินไปไม่ได้ ท่านไล่คุณหนูสามออกจากคฤหาสน์ นั่นเป็นความผิดมหันต์! เดิมทีคุณชายรองของพวกเรายังนับว่าเป็นลูกเขยของท่านครึ่งตัว ยามสกุลหลี่มีปัญหา สกุลเสิ่นจะหลบเลี่ยงได้อย่างไร ย่อมต้องช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทว่าตอนนี้หน้าตาถูกฉีกขาดไปแล้ว คนทั้งเมืองล้วนนินทาลับหลังเกี่ยวกับฮูหยินคุณชายรองที่เพิ่งแต่งเข้าบ้าน ท่านช่างทำเกินไปจริงๆ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เป็นคนไม่ชอบแย่งชิงกับผู้ใดอยู่แล้ว ตอนนี้ถูกเรื่องรำคาญใจรุมเร้าต่อเนื่องจนคิดอะไรไม่ออก ทั้งยังถูกเสิ่นโม่ตำหนิเช่นนี้อีก ในใจจึงรู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตนเองอาจจะทำผิดไป จึงถามขึ้นอย่างทำอะไรไม่ถูก “เช่นนั้น…เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี”
เสิ่นโม่กลอกตาแล้วเอ่ยปากพูด “คุณชายรองของพวกเราอันที่จริงคนที่ใจรักที่สุดคือคุณหนูรอง เดิมทีตกลงกันไว้แล้วว่าคุณหนูรองจะแต่งเข้าไป แต่ท่านกลับเปลี่ยนใจกะทันหัน ทำร้ายจิตใจคุณชายรองของพวกเราไม่เบาเลย! ขอเพียงท่านยอมพยักหน้าให้คุณหนูรองแต่งเข้าสกุลเสิ่นตามเดิม คุณชายรองของพวกเราบอกแล้วว่าทุกอย่างเขาจะเป็นคนจัดการ ท่านวางใจได้ ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุขก็พอ…”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ฟังถึงตรงนี้ ความโกรธก็พุ่งเข้าสู่หัวใจ อ้าปากด่าออกมาทันที “เขาผายลมชัดๆ! สกุลหลี่ของพวกเราแม้จะต้องล้มละลาย ก็จะไม่ขายบุตรสาวให้เขาเด็ดขาด!”
เสิ่นโม่คาดไว้แต่แรกแล้วว่าฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ไม่มีทางตอบตกลงอย่างง่ายดาย คนเช่นนี้ไม่ถูกบีบจนถึงสุดทางจะยอมเชื่อฟังแต่โดยดีได้อย่างไร!
ตอนนี้เขาจึงแค่นเสียงสบถเย็นชาแล้วลุกยืน “คุณชายรองของพวกเราอีกไม่กี่วันจะเข้าเมืองหลวง ด้วยความสามารถของเขา อนาคตอันสดใสมากมายยังรออยู่ เดิมทีสกุลหลี่ของพวกท่านก็ใฝ่สูงในสกุลเสิ่นของพวกเรา ยามนี้คุณหนูรองเป็นอย่างนั้น ท่านยังเก็บไว้เหมือนของล้ำค่า ถ้าเป็นข้าคงจะส่งนางไปที่คฤหาสน์สกุลเสิ่นแล้ว ตอนนี้ฮูหยินคุณชายรองคนใหม่ตั้งท้องแต่ไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิง ถ้าคุณหนูรองรีบแต่งเข้าบ้านและตั้งท้อง หากโชคดี ไม่แน่ว่าอาจจะมีบุตรชายให้คุณชายรองได้ก่อน ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ ข้าขอให้ท่านคิดให้ชัดเจน อย่าขัดขวางอนาคตของบุตรสาวเลย”
พูดจบเขาก็ไม่มองฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ที่โกรธจนพูดอะไรไม่ออกอีก สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไปทันที
รอจนบ่าวหญิงอาวุโสรีบเทชาโสมร้อนๆ ถ้วยหนึ่งมาให้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ นางจึงผ่อนลมหายใจลงได้
แต่ในตอนนั้นเอง พ่อบ้านก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาบอกว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ มีคนมาทาบทามสู่ขออีกแล้วขอรับ…”
ยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่อารมณ์ไม่ดีอย่างยิ่ง จึงพูดเสียงดังว่า “เจ้าเป๋บ้านใดมาหาของดีอีกล่ะ! ไม่พบ! ไม่พบทั้งสิ้น!”
ทว่าพ่อบ้านกลับยืนอยู่กับที่พลางพูดด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม “เป็น…ท่านซือหม่าพาท่านหญิงไหวอินพี่สาวของเขามาเยี่ยมเยือน ตอนนี้ยืนอยู่หน้าประตู ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่…ข้าน้อยจะพูดอย่างไรดี จึงจะเชิญสองท่านนี้กลับไปได้ขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่คิดไม่ถึงว่าผู้ที่พ่อบ้านบอกว่ามาทาบทามสู่ขอจะเป็นบุคคลสองผู้นี้!
ซือหม่าที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยไอสังหารมาที่คฤหาสน์ของนางเพื่ออะไรกัน ยังมีท่านหญิงไหวอินผู้นั้นอีก นางเป็นธิดาชายาเอกของโอรสองค์ที่สองของอดีตฮ่องเต้ ในอดีตองค์ชายรองผู้นี้มีความหวังจะได้ครองบัลลังก์มากที่สุด แต่กลับประกาศไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องงานแผ่นดิน ชื่นชอบในธรรมชาติ หลีกหนีจากการแย่งชิงในราชสำนัก ส่วนท่านหญิงไหวอินธิดาคนโตของเขาก็อภิเษกให้กับฟั่นเจิงที่มีตำแหน่งเป็นอวิ๋นติ่งโหว โอรสคนที่สี่ก็คือคังติ้งอ๋องที่ประจำอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ
เพราะพระปัปผาสะของท่านหญิงไม่ค่อยดี ทนอากาศแห้งในเมืองหลวงไม่ไหว และที่เมืองซูเฉิงซึ่งห่างจากเมืองเหลียวเฉิงไปหลายร้อยลี้มีจวนกลางสวนติดน้ำแห่งหนึ่ง นางจึงไปพักระยะยาวอยู่ที่นั่น
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เคยได้ยินเรื่องพระญาติหญิงของต้าฉู่ผู้นี้มาบ้าง ทว่าสกุลหลี่แม้จะร่ำรวย คบหากับขุนนางไม่น้อย แต่คนที่เป็นพระญาติแท้จริงอย่างท่านหญิงไหวอิน ก็ได้แต่เฝ้ามองไกลๆ ด้วยความเคารพ อย่างไรเสียก็ไม่ใช่คนที่อยู่ในแวดวงเดียวกัน จะปีนขึ้นไปสูงเช่นนั้นได้อย่างไร ทว่าทุกครั้งที่มีงานฉลอง ทางสกุลหลี่จะจัดขบวนเรือเครื่องบรรณาการเชื้อพระวงศ์โดยเฉพาะและเคยขนเครื่องบรรณาการจากเมืองหลวงไปที่จวนของท่านหญิงผู้นี้ด้วย