ท่านหญิงไหวอินยิ้มกล่าว “ได้ยินจิ้งเฟิงน้องชายข้าพูดว่าคุณหนูรองของสกุลท่านงามสง่าเพียบพร้อม เป็นหญิงสาวที่น่ารักมาก นึกได้ว่าก่อนตรุษจีนนางเคยส่งของบรรณาการไปให้ข้าที่จวนกลางสวนในเมืองซูเฉิง แต่ว่าตอนนั้นข้าไปท่องเที่ยวกับสามี คลาดกับนาง ไม่เคยได้พบหน้ากัน วันนี้บังเอิญมาเยี่ยมน้องชายที่เมืองเหลียวเฉิง จึงอยากจะมาที่คฤหาสน์พบหน้าแม่นางรั่วอวี๋ผู้นี้ด้วยตัวเองสักครั้ง”
ท่านหญิงไหวอินพูดจาเกรงใจ แต่ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่รู้ว่าแม้ตอนนั้นท่านหญิงไหวอินจะอยู่ในจวน ก็ไม่แน่ว่าจะออกมาพบหลี่รั่วอวี๋ด้วยตนเอง สกุลหลี่ต่อให้ร่ำรวยเทียบแคว้น ในสายตาของหญิงชั้นสูงที่เป็นถึงพระญาติเหล่านี้ก็เป็นเพียงตระกูลพ่อค้าธรรมดาๆ เท่านั้น จะแตกต่างอะไรกับพ่อค้าส่งผักส่งน้ำในจวนอ๋องเหล่านั้น แล้วจู่ๆ ไม่มีธุระใดจะลดตัวลงมาพบหน้าด้วยตนเองได้อย่างไร
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ได้ฟังคำบอกของพ่อบ้านก่อนหน้าว่าคนท่านนี้มาเพื่อทาบทามสู่ขอ เทียบที่ฉู่ซือหม่ายื่นมาให้ก็สอดกระดาษสีเหลืองที่เขียนดวงเกิดเอาไว้อย่างชัดเจน แต่ผู้ที่จะรบกวนสองท่านนี้ได้เป็นคุณชายชื่อดังคนใดกัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่รู้สึกงุนงงจับต้นสายปลายเหตุไม่ถูกจริงๆ
ตอนนี้ท่านหญิงไหวอินไม่พูดเรื่องการทาบทามเลย แต่บอกว่าอยากจะพบหลี่รั่วอวี๋ อีกทั้งเหตุผลก็บอกอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง นางจึงไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธได้
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่มองฉู่ซือหม่าด้วยสีหน้าลำบากใจแวบหนึ่ง “ไม่รู้ว่าท่านหญิงได้ฟังซือหม่าพูดถึงหรือไม่ว่า บุตรสาวข้าน้อยประสบอุบัติเหตุ ตอนนี้โง่เขลาเซ่อซ่าไปบ้าง เกรงว่าจะเสียมารยาทต่อหน้าท่านหญิง”
ท่านหญิงไหวอินอมยิ้ม “จิ้งเฟิงพูดถึงอาการป่วยของนางแล้ว ได้ยินว่าดีขึ้นบ้างแล้ว ดังนั้นจึงมารบกวน ตั้งใจมาเยี่ยมคุณหนูรองสักหน่อย”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เห็นท่านหญิงไหวอินยืนยันเช่นนี้ จึงสั่งให้สาวใช้เข้าไปเรือนด้านหลังพาหลี่รั่วอวี๋ออกมา
เวลานี้หลี่รั่วอวี๋กำลังยุ่ง หลายวันก่อนนางเห็นกล่องหนังสือของเสียนเอ๋อร์จึงรู้สึกอิจฉามาก จึงอ้อนวอนฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ให้เตรียมให้ตนเองบ้างหนึ่งกล่อง สองวันนี้ได้มาแล้วหากว่างก็จะเปิดกล่องฝนน้ำหมึก จากนั้นจะพาดตัวบนโต๊ะหนังสือในห้องหนังสือฝึกเขียนตัวอักษร
ตอนที่เรือนด้านหน้ามาตามตัวหลี่รั่วอวี๋ ภายในห้องหมึกพู่กันกำลังปลิวว่อน
หล่งเซียงได้ยินว่าโถงด้านหน้าท่านหญิงไหวอินเป็นแขกทรงเกียรติมาเยี่ยมเยือนก็ร้อนใจไม่มีเวลาสนใจว่าคุณหนูของตนเองกำลังสนุกกับการสาดน้ำหมึก จึงรีบดึงตัวหลี่รั่วอวี๋กลับห้องนอนไปเช็ดมือเช็ดเท้าจนสะอาด เลือกชุดสีเขียวเม็ดถั่วที่ขับผิวของหลี่รั่วอวี๋ที่สุดกับกระโปรงยาวคลุมพื้นสีดอกอิงฮวามาเปลี่ยนให้ ผมยาวหนายังไม่ทันได้ใส่น้ำมันจัดแต่งทรง ทำได้เพียงพรมน้ำดอกกุหลาบเพื่อไม่ให้ผมยุ่ง ก่อนจะเหลือหน้าม้าไว้เพื่อเกล้าผมขึ้นอย่างง่ายๆ แล้วปักปิ่นหยกรูปดอกไห่ถัง ที่มีเกสรโผล่ตรงกลาง
รอจนผมแห้งแล้ว ผมที่ฟูฟ่องก็ลีบติดข้างแก้มขาวนวล ทำให้ใบหน้าดูงดงามยิ่งขึ้น มีความงดงามน่ารักสดใสของหญิงสาวมากขึ้น
หล่งเซียงคิดว่าความสามารถในการหวีแต่งทรงผมของตนเองเป็นอันดับต้นๆ ในเรือนหลังทั่วทั้งเมืองเหลียวเฉิง น่าเสียดายที่มาอยู่ข้างกายหลี่รั่วอวี๋คุณหนูที่ไม่รักการแต่งตัว ทำให้เสียฝีมือติดตัวนี้ไปอย่างเปล่าประโยชน์ คุณหนูออกไปอู่เรือจนผิวดำคล้ำทุกวันนั้นไม่ว่า ทว่านางยังยุ่งแต่เรื่องกิจการจนไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องการแต่งตัว ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เตรียมเครื่องประดับปิ่นปักผมให้นางมากมายก็ถูกเก็บไว้ในกล่องเครื่องประดับ ทุกครั้งที่หล่งเซียงเห็นก็จะรู้สึกเจ็บปวดแทนเครื่องประดับงดงามเหล่านี้
ทว่าคุณหนูในตอนนี้เข้าหาได้ง่ายกว่าเมื่อก่อนแล้ว ทั้งยังไม่ต้องออกไปทำงานเหน็ดเหนื่อยแต่เช้าตรู่อีก ทุกวันจะนอนจนเต็มอิ่ม ผิวพรรณสดใสมีน้ำมีนวล หลังตื่นนอนก็มานั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างดียอมให้นางแต่งนั่นเติมนี่ให้
หล่งเซียงมีความคิดของตนเองว่าสมองของคุณหนูตอนนี้ใช้การได้ไม่ดี แต่ใบหน้าต้องรักษาให้ดี สตรีงดงามไปถึงที่ใดก็มีแต่คนรัก ตามสายตาของนาง คุณหนูถึงแม้จะโง่เขลาไปนิด แต่มีความฉลาดกว่าสตรีโง่งมที่รู้จักแต่นินทาเรื่องภายในบ้านของคฤหาสน์อื่นในเมืองเหลียวเฉิงมากนัก!
ด้วยความคิดที่อยากจะให้ผู้เป็นนายงดงามเสมอนี้ หล่งเซียงทาสผู้ซื่อสัตย์จึงใช้ไข่มุกขนาดเท่าเล็บมือหนึ่งเม็ดมาบดใส่น้ำแป้งแล้วชโลมใบหน้าคุณหนู ทำให้ผิวคุณหนูที่ตากแดดจนดำคล้ำขาวนวลขึ้น