หลี่รั่วอวี๋ถูกท่านแม่กดตัวให้นอนบนเก้าอี้พับที่ทำจากหนังวัว ดวงตาโตกะพริบปริบๆ พลางหันมองไปยังม่านฝนตรงประตู แล้วชำเลืองดูฉู่จิ้งเฟิงที่นั่งอยู่ไม่ไกล เขาไม่ได้กึ่งนั่งกึ่งนอนเหมือนท่านแม่ แต่นั่งบนเก้าอี้พับ ในมือถือท่อนไม้ท่อนหนึ่งที่ใช้เผาให้ความอบอุ่นที่กองอยู่กลางห้อง ใช้มีดสั้นที่ดูประณีตเล่มหนึ่งเหลาไม้ไม่หยุด มองดูเศษไม้ที่ตกอยู่ข้างเท้าเขาแล้ว ดวงตาคู่โตของหลี่รั่วอวี๋ค่อยๆ หยุดนิ่ง รู้สึกว่าหนังตาค่อยๆ หนักขึ้น ไม่นานก็จมสู่ห้วงทะเลสาบลึกดำที่มองไม่เห็นก้นน้ำแห่งหนึ่ง…
ในความมืดดำนั้น นางเดินไปอย่างงุนงง รู้สึกเหมือนใกล้จะหายใจไม่ออก ในตอนที่นางอึดอัดแทบขาดใจนี้ จู่ๆ นางก็เดินสะดุด ร่างเซไปข้างหน้าหลายก้าว ตรงหน้ากลับสว่างขึ้นทันใด พื้นใต้ร่างไหวเป็นระลอกคลื่น นางอยู่บนเรือใหญ่ลำหนึ่ง
เสียงคลื่นน้ำและความรู้สึกของลมที่พัดผ่านแก้มช่างคุ้นเคยเป็นพิเศษ รู้สึกขึ้นมารางๆ ว่าเลือดทั่วกายร้อนระอุ ทอดสายตามองไปไกลท่ามกลางลมทะเล มองไปยังจุดที่น้ำกับฟ้ามาบรรจบกัน ราวกับว่าได้เห็นอาทิตย์ขึ้นอาทิตย์ตก ณ ตรงนั้นมานับครั้งไม่ถ้วน…
แต่สิ่งที่ผ่านเข้ามาในม่านตากลับเป็นสีเลือดสดทั่วฟ้าที่แสบตายิ่งกว่าตะวันแดงเสียอีก… ยังมีชายหนุ่มที่เหมือนมังกรทะลวงคลื่นอยู่ในม่านสีเลือดนั้น เห็นเพียงร่างของเขาแข็งแรงและปราดเปรียว กระบี่ยาวกวัดแกว่ง เลือดเนื้อที่ถูกเฉือนฟันหลุดแยกจากกันราวใบไม้ร่วง…
หลี่รั่วอวี๋เห็นหน้าตาของเขาไม่ชัด ทำได้เพียงยืนตัวเกร็งเหม่อมองดวงตาสีแดงเลือดของชายหนุ่มค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้นาง มองเขาใช้กระบี่เย็นเยือกแทงตรงมาที่ท้องของนาง ชั่วขณะนั้นความเจ็บของเนื้อที่ถูกเฉือนกระจายไปทั่วร่าง… นางถึงขั้นสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ากลิ่นอายเย็นเยือกที่ส่งผ่านมาจากตัวชายผู้นั้นคือ… ไอสังหารที่ไม่ได้ปกปิดแต่อย่างใด
หลี่รั่วอวี๋ทำได้เพียงหลั่งน้ำตา เจ็บจนพูดอะไรไม่ออก ในตอนที่นางลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้พับ มือใหญ่คู่หนึ่งจับตัวนางไว้ได้พอดี มีเสียงหนึ่งพูดว่า “รั่วอวี๋ ตื่นๆ เป็นอะไรไป” นางลืมตาขึ้นทันใด จึงพบว่าท่านแม่กำลังกดไหล่ของนางแล้วถามอย่างเป็นห่วง ที่แท้เป็นเพราะพรมบนตัวรัดแน่นจนเกินไป มิน่าเล่าในฝันนางจึงหายใจไม่ออก
หลี่รั่วอวี๋แววตาเหม่อลอย ผ่านไปครู่ใหญ่จึงดึงสติคืนมาได้ ก่อนจะแกะพรมบนตัวออก จากนั้นก็ทำท่าจะปลดเสื้อตนเอง นางอยากจะดูว่าท้องของตนเองมีรอยแผลจากกระบี่หรือไม่
แต่ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กลับไม่รู้ว่าหลี่รั่วอวี๋ทำไปเพื่ออะไร คิดว่าอาการของนางคงกำเริบ จึงรีบกดมือของนางเอาไว้ “เด็กดี ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในบ้าน ปลดเสื้อผ้าตอนนี้ไม่ได้!”
หลี่รั่วอวี๋มองไปโดยรอบอย่างงุนงงก็เห็นเขาที่ยืนอยู่ข้างหลังท่านแม่ ร่างของนางแข็งเกร็งไปทันที ฉุกคิดได้ว่าเขา… เหมือนปีศาจร้ายในฝันนั้น มีดวงตาสีแดง…
ในตอนนี้ฝนนอกกระท่อมค่อยๆ หยุดลงแล้ว หากยังไม่รีบเดินทาง กว่าจะไปถึงเมืองซูเฉิงก็คงค่ำ
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ปลอบขวัญหลี่รั่วอวี๋ที่นิ่งเงียบไม่พูดจาอีกพักใหญ่ ก่อนจะเตรียมเร่งเดินทางต่อไป
ตอนที่กำลังจะขึ้นรถ หลี่รั่วอวี๋เดินอยู่ข้างหลัง ส่วนชายหนุ่มก็อยู่ตำแหน่งไม่ไกลจากนาง
ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือมาที่นาง ท่อนไม้ท่อนนั้น ไม่รู้ว่าเปลี่ยนเป็นเหยี่ยวกางปีกบินขนาดเท่าฝ่ามือไปตั้งแต่เมื่อใด แม้จะไม่ได้เคลือบน้ำมัน แต่ก็ยังดูเสมือนจริง
ทว่าหลี่รั่วอวี๋ไม่ได้ทำเหมือนที่เขาคาดว่าจะยื่นมือมารับมันไปอย่างตื่นเต้นยินดี แต่กลับมีสีหน้ารังเกียจ ออกแรงผลักมือใหญ่นั้นออก ปัดเหยี่ยวไม้ที่ไม่ทันได้โบยบินตัวนั้นตกลงพื้น
ฉู่จิ้งเฟิงแววตาสลดลงเล็กน้อย ท่าทางของหลี่รั่วอวี๋ในตอนนี้เป็นเหมือนครั้งแรกที่นางเห็นเขามีผมขาวตาแดง นั่นเป็นความรังเกียจที่ไม่มีการปิดบังไว้เลย…
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่หันมาเห็นฉากนี้เข้าพอดี แต่หันหน้ากลับทำเหมือนมองไม่เห็น… ตอนนี้บุตรสาวมีสภาพเช่นนี้ โง่เขลาเซ่อซ่า คาดเดาจิตใจยากเหมือนเด็ก หากซือหม่าผู้นี้หลงใหลในความงามของหลี่รั่วอวี๋ก็จะได้เจอปัญหาเช่นนี้อีกมาก ฉะนั้นให้รีบตัดใจไปโดยเร็วจะดีกว่า
แต่ซือหม่าที่ลือกันว่าฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาผู้นี้ได้รับการอบรมมาดี ถูกบุตรสาวปฏิบัติเช่นนี้ก็เพียงแค่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ก้มลงเก็บเหยี่ยวไม้ขึ้นมาใส่ไว้ในอกเสื้อของตนเอง
ทว่าได้รับการอบรมมาดีแล้วจะมีประโยชน์อะไร ว่าที่ลูกเขยคนก่อนของนางผู้นั้นก็มีท่าทางเป็นผู้ดีสุภาพเรียบร้อย ผู้ใดจะคาดเดาได้ว่าเขาด้านหนึ่งมีความรักลึกซึ้งไม่เปลี่ยนแปลงในตัวบุตรสาวนาง แต่อีกด้านกลับลอบคบชู้กับน้องสาวของบุตรสาวนาง!
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ถูกเสิ่นหรูป๋อทำร้ายจิตใจก็อดที่จะเกิดความระแวงในตัวชายหนุ่มไม่ได้ คิดเพียงว่าหลี่รั่วอวี๋มีสภาพเช่นนี้ มีเพียงให้นางอยู่ข้างกายตนเองไปตลอดจึงจะเป็นทางที่ดีที่สุด
รอจนขึ้นรถม้าแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ก็รู้สึกง่วงมาก