เมื่อครู่เพราะหลบฝน ต้องอยู่ในห้องเดียวกับซือหม่าผู้เย็นชานั่น รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องอย่างยิ่ง โชคดีที่บุตรสาวเป็นคนสมองเสื่อมที่ไม่คิดอะไรมากจึงนอนหลับได้อย่างสบายใจ ดังนั้นเวลาผ่านไปไม่นาน ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ก็งีบหลับไปในรถม้า
หลี่รั่วอวี๋นั่งนิ่งสักครู่ เห็นท่านแม่หลับแล้วจึงปลดเสื้อตนเองออก พลิกเปิดบังทรงดูที่ท้องขาวราวหิมะของนาง… หน้าท้องเรียบขาวเนียน สะดือกลมๆ ก็ดูน่ารักดี บริเวณใกล้กับสะดือ มีรอยแผลเป็นรอยหนึ่ง แผลเป็นนั้นไม่ใหญ่ ขนาดเท่าคมมีด แต่พอดูรอยแผลเป็นที่สมานดีนั้นแล้วก็สามารถนึกภาพความลึกของแผลในตอนนั้นได้
ชั่วขณะนั้น หลี่รั่วอวี๋รู้สึกเหมือนคอของนางถูกบีบไว้ ความตกใจหวาดกลัว ทำอะไรไม่ถูก อีกทั้งยังมีความน้อยเนื้อต่ำใจที่บอกไม่ถูกจู่โจมเข้ามาในหัว แต่คำพูดเป็นร้อยเป็นพันในใจนางไม่รู้จะระบายอย่างไร มีเสียงกรนดังขึ้นเบาๆ จากมารดาที่นอนอยู่ข้างกาย ส่วนที่อยู่นอกตัวรถก็คือชายหนุ่มตาสีแดงผู้นั้น
ในตอนนี้ความฝันกับความจริงผสมปนเปกัน หลี่รั่วอวี๋คิดเพียงว่าชายหนุ่มนอกตัวรถนั่นก็คือจอมวายร้ายที่แทงกระบี่ใส่นางในความฝัน ดังนั้นจึงหยิบถ้วยชาบนโต๊ะเล็กในรถขว้างไปทางชายหนุ่มบนหลังม้าอย่างแรง
ชายหนุ่มไม่ได้ขยับตัว เพียงแค่รับถ้วยชานั้นไว้ด้วยมือเดียว มองหน้าหญิงสาวที่มีใบหน้าโกรธเกรี้ยวอย่างแปลกใจ แต่จากนั้นก็มีกาน้ำชาที่ใบใหญ่กว่าลอยเข้ามาหา
รอจนให้อ้อมอกเขามีชุดน้ำชาครบชุดแล้ว ในรถไม่มีของอะไรให้โยนได้อีกแล้ว นางจึงมองไปรอบๆ เห็นหมอนทำจากกระเบื้องเคลือบที่ท่านแม่หนุนอยู่เข้าพอดี จึงใช้สองมือออกแรงดึงหมอนกระเบื้องเคลือบออกมา แล้วขว้างออกไปอย่างแรง…
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กำลังหลับสนิท แต่หัวตกกระแทกพื้นรถม้าอย่างแรงก็ต้องตกใจสะดุ้งสุดตัว พอนางเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นบุตรสาวกำลังขว้างหมอนกระเบื้องเคลือบนั้นออกจากตัวรถ
แต่ในครั้งนี้ ฉู่จิ้งเฟิงกลับไม่ได้หลบ ปล่อยให้หมอนกระเบื้องเคลือบขว้างเข้าใส่เสียงดังฉึก มุมหน้าผากมีรอยเลือดแดงไหลลงมาทันที…
ถึงแม้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่อยากจะให้ซือหม่าเจอปัญหาบ้าง แต่ไม่เคยคิดจะให้มีสภาพหัวแตกเลือดไหลเช่นนี้ นางจึงพลันแขนขาอ่อนแรงไปในทันที
ทำร้ายขุนนางใหญ่ราชสำนัก นั่นเป็นโทษถึงประหารชีวิต!
พวกนางเป็นเพียงครอบครัวพ่อค้า จะมีปัญญาไปจัดการภัยพิบัติใหญ่หลวงเช่นนั้นได้อย่างไร
ในตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ร้อนใจจนอยากจะยื่นมือไปตบบุตรสาว แต่เห็นใบหน้าเล็กดื้อรั้นของบุตรสาวแล้วมือนั้นก็ฟาดไม่ลง นี่คือหลี่รั่วอวี๋ที่ตั้งแต่เด็กจนโตนางไม่เคยแตะแม้เพียงปลายนิ้ว ดังนั้นฝ่ามือนั้นจึงตบลงที่แก้มของนางเอง “ท่านซือหม่า ข้าน้อยสอนลูกไม่ดี ขอใต้เท้าอภัยด้วย!”
ฉู่จิ้งเฟิงไม่ได้เช็ดเลือดที่มุมหน้าผาก ปล่อยให้มันไหลหยดลงบนคอเสื้อสีขาวของตนเอง ปากกลับพูดเสียงเรียบว่า “เมื่อครู่รั่วอวี๋รู้สึกเบื่อ เลยมาเล่นกับข้า ข้าแค่รับไม่ทันเท่านั้น ในเมื่อใกล้จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว จะโทษนางได้อย่างไร ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่อย่าได้คิดมากไปเลย…”
เห็นท่าทางที่ใบหน้าของเขามีเลือดไหลแต่ยังคงนิ่งไม่ไหวติงแล้ว ช่างทำให้คนรอบข้างรู้สึกสะพรึงกลัวจริงๆ นับประสาอะไรกับหญิงสาวที่อยู่แต่ในบ้านผู้หนึ่ง
ยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ฟังเข้าใจความหมายในคำพูดของฉู่จิ้งเฟิงแล้ว หากเป็นครอบครัวเดียวกัน ทุกอย่างก็พูดกันง่าย แต่ถ้าไม่ใช่…
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เกิดความรู้สึกเสียใจกับการเดินทางมาเมืองซูเฉิงครั้งนี้ขึ้นมาทันใด นางเพิ่งคิดขึ้นมาได้รางๆ ว่าหากไปถึงเมืองซูเฉิง ก็ไปถึงเขตพื้นที่ของเขาฉู่ซือหม่าแล้ว ส่วนบุตรสาวผู้นี้ของนางก็ดูเหมือนว่าใกล้จะรักษาไว้ไม่ได้แล้วเช่นกัน…