ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน วาสนาคนเขลา บทที่ห้า-บทที่หก
ตอนที่คณะเดินทางไปถึงเมืองซูเฉิงก็เป็นเวลาค่ำ งานเลี้ยงจัดขึ้นเป็นวันที่สองแล้ว หลังจากพ่อบ้านจวนกลางสวนจัดให้บรรดาแขกเหรื่อเข้าพักในห้องแล้ว ก็แจ้งเชิญแขกทุกคนว่าอีกครู่ให้ไปที่โถงใหญ่ร่วมงานเลี้ยงยามค่ำซึ่งท่านหญิงไหวอินจะมาร่วมด้วย
เพราะการแสดงออกของหลี่รั่วอวี๋ตลอดการเดินทาง ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่คิดว่าจะให้นางทำขายหน้าอีกไม่ได้ จึงให้นางอยู่ในห้อง สั่งให้หล่งเซียงกับบ่าวหญิงอาวุโสอีกผู้หนึ่งเฝ้านางเอาไว้ อย่าให้นางออกไปข้างนอก
จวนกลางสวนนี้ทิวทัศน์งดงาม ห้องที่พวกนางอยู่ด้านนอกเป็นสวนดอกไม้เล็กๆ ท่านหญิงไหวอินเป็นคนที่ชอบรับแขก แม้สาวใช้และบ่าวหญิงอาวุโสที่แขกพามาด้วยก็มีจานผลไม้รวมที่จัดอย่างประณีตเอาไว้กินได้
ดังนั้นหลังจากหล่งเซียงจัดให้คุณหนูกินอาหารเย็นแล้ว เห็นนางนอนเล่นบนเตียงอย่างสงบ จึงเดินออกจากห้อง นั่งอยู่ตรงหน้าประตูร่วมกับบ่าวหญิงอาวุโส กินผลไม้ไปพลางพูดคุยถึงสิ่งที่ได้ยินได้เห็นหลังจากเข้าจวนนี้มา
ดังนั้นพวกนางจึงไม่สังเกตเห็นว่า มีเงาดำเงาหนึ่งแวบผ่านเข้ามาทางหน้าต่างหลังห้อง
หลี่รั่วอวี๋เล่นของเล่นในมือจนเหนื่อย ตอนเงยหน้าขึ้นก็เห็นฉู่จิ้งเฟิงนั่งอยู่ข้างกายตนเอง เลือดที่มุมหน้าผากของเขาหยุดแล้ว แต่ตำแหน่งใกล้โคนผมมีรอยแผลน่ากลัวรอยหนึ่ง
เขายื่นมือไปดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด ใช้ปลายจมูกแตะปลายจมูกนางแล้วพูดเสียงเบาว่า “เหตุใดวันนี้ขว้างของใส่ข้า”
แท้จริงแล้วยามเห็นเขามีเลือดออก นางก็นึกเสียใจแล้ว โดยเฉพาะตอนนี้นั่งอยู่ในอ้อมอกของเขา ได้กลิ่นหอมของยาสมุนไพรบนตัวเขา นางก็รู้สึกขึ้นมาทันใดว่า เขาไม่ได้น่ากลัวเหมือนอย่างในฝัน
หลี่รั่วอวี๋ในอ้อมกอดของเขาไม่พูดอะไรเช่นกัน แต่นิ้วมือกลับขยับดุกดิก ขยับขึ้นบนหน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา บริเวณที่ถูกหมอนกระแทกโดนบวมขึ้นเล็กน้อย ลูบดูแล้วมีความร้อน นางเลยลองจิ้มที่บาดแผลนั่น…
หากมีคนบอกว่าหลี่รั่วอวี๋มีเพียงรูปโฉมที่งดงาม นั่นเป็นเพราะยังไม่ได้ดูสองมือของนางอย่างละเอียด สิบนิ้วที่ราวกับต้นหอม เล็บมือเป็นมันวาว งดงามราวกับหยกที่ผ่านการสลักอย่างดีจากช่างฝีมือ…
และในตอนนี้ นิ้วมือนี้จิ้มๆ แตะๆ ไปบนใบหน้าของฉู่จิ้งเฟิง จากนั้นก็เลื่อนลงต่ำมาถึงจุดตันเถียน ที่ใต้สะดือ ทันใดนั้นนิ้วมือก็ออกแรงแทงตรงเข้าไป…
ความเจ็บในฝันใช่ว่าจะอธิบายได้ด้วยคำพูด ให้เขาได้สัมผัสสักนิดว่าหากความเจ็บที่หน้าผากย้ายมาตรงหน้าท้องที่อ่อนนุ่ม มันจะเจ็บจนถึงขั้วหัวใจอย่างไร
ไม่ผิดไปจากที่นางคาดไว้จริงๆ แทงไปตรงนี้ก็เห็นผลทันตา! ดวงตาที่น่าดูคู่นั้นถูกแทงราวกับเป็นการแก้แค้นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วทันที เขาสบถเสียงเข้ม เสียงนั้นเป็นความประหลาดที่พูดไม่ออก เป็นเสียงครางที่แฝงความเจ็บปวดแต่ก็เหมือนการอุทาน เสียงสั้นและหนักลอดออกมาจากริมฝีปากบาง กลายเป็นไอร้อนพ่นใส่ลำคอของนาง…
หลี่รั่วอวี๋ถูกการกระทำที่เตรียมการมาอย่างดีของตนเองนี้ทำให้ตกใจ
หลายวันก่อนน้องชายขโมยหนังสือภาพเก่าๆ เล่มหนึ่งมาจากสหายร่วมเรียน ทุกครั้งที่ถูกท่านแม่บิดหูพาเข้าห้องหนังสือไปอ่านตำราเรียนของอาจารย์ น้องชายมักจะอ่านอย่างเคร่งเครียด หลังจากท่านแม่ออกไปแล้ว ก็จะหยิบหนังสือเก่าขนาดเท่าฝ่ามือนั้นออกมาจากกางเกง อ่านอย่างออกรสชาติ
หลายวันก่อนนางไปฝึกเขียนอักษรกับน้องชายก็มักจะอยู่ในห้องหนังสือเป็นเวลานาน ย่อมต้องก้มหน้าไปข้างแก้มน้องชายเสียนเอ๋อร์ อ่านตามไปด้วย
เรื่องราวในหนังสือภาพเล่มนี้บรรยายถึงจอมยุทธ์มีคุณธรรมผู้หนึ่งกำจัดคนชั่วช่วยเหลือคนอ่อนแอ ช่วยสาวชาวบ้านโฉมงามจากคนใจคอโหดร้าย อาวุธของจอมยุทธ์คือฝ่ามือที่ผ่านการฝึกฝนในกระทะเหล็กร้อน กางออกสามารถฟันหินผ่าเขาได้ ชูสองนิ้วจะกลายเป็นอาวุธมหัศจรรย์ใช้ในการสกัดจุด สองพี่น้องดูจนเลือดในกายพลุ่งพล่าน เกิดความคิดอยากจะเอาสองมือเข้าไปคลุกทรายร้อนในกระทะเหล็ก น่าเสียดายตอนที่กำลังอ่านอย่างสนุกสนาน หน้าหนังสือที่มีก็หมดลงเสียแล้ว
เสียนเอ๋อร์อยู่ในช่วงอายุที่สมองโลดแล่นโยนหนังสือทิ้งด้วยอารมณ์ที่ค้างคา จากนั้นก็พูดแต่งเรื่องที่เหลือออกมา
พี่รองของเขาเพราะสมองเสื่อมจึงได้นั่งฟังเขาพูดพล่ามอย่างเงียบๆ ด้วยความนับถือ ก่อนจะลองฝึกวิธีปล่อยพลังหลายกระบวนท่าพร้อมกับเขาในห้องหนังสือ
‘พี่รอง ต่อไปพี่ต้องระวังสักหน่อย สองมือนี้คือกระบี่ที่เปิดคมแล้ว ถ้าไม่ควบคุมพลังปราณภายในปล่อยแล้วออกมาตามใจ ไปลงมือทำร้ายคนเข้า ก็ไม่มีทางรอดได้ ต้องระวังเป็นอย่างมากนะ’ เสียนเอ๋อร์ในตอนนั้นทำท่าเก็บพลัง ใบหน้ากลมมีสีหน้าขึงขัง กำชับพี่รองที่งุนงงด้วยการเลียนแบบคำพูดที่ได้ฟังมาจากบัณฑิตเล่าเรื่อง
นางเองก็ลอบจำเอาไว้ แต่วันนี้เพราะตื่นเต้นและโมโห จึงลืมคำกำชับของน้องชายไปจนสิ้น
เหตุใดสีหน้าของเขาจึงเจ็บปวดเช่นนี้ หรือเมื่อครู่นางไม่ทันระวังใช้พลังภายในจนหมด พลังจากนิ้วทำร้ายอวัยวะภายในของเขาหรือ
นึกถึงตอนกลางวันที่ตนเองโยนหมอนไปก็ทำให้เขาหัวแตกเลือดไหล คิดไม่ถึงว่าปล่อยพลังตอนกลางคืนก็ยังมีแรงสั่นสะเทือนหลงเหลืออยู่อีก…
ในใจนางยังมีความหวั่นเกรงเหลืออยู่จึงยื่นมือไปลูบบริเวณใต้สะดือของเขา ไม่รู้ว่าจะทำให้พลังยุทธ์สลายหายไปโดยง่ายได้อย่างไร ระหว่างที่บีบคลึงส่วนที่สองมือเลื่อนไปถึง ก็มีเสียงสูดลมหายใจเข้าดังออกมาจากเขาอีกครั้ง
หลี่รั่วอวี๋ร้อนใจเตรียมจะลุกขึ้นทำตามวิธีที่น้องชายถ่ายทอดให้ มาตั้งท่าม้าย่อเพื่อสลายพลังภายใน จะได้ไม่ทำลายคนอ่อนแอผิดๆ
แต่นางไม่ทันได้ลุกขึ้น ภาพตรงหน้าก็หมุนคว้าง ร่างบางเล็กราวกับแป้งจี่ทาน้ำมันถูกกดลงบนเตียงทันที
“คนโง่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองทำอะไรอยู่” ฉู่จิ้งเฟิงทนถูกมือคู่งามหยอกเย้าต่อไปไม่ไหว ขมวดคิ้วถามเสียงเข้ม