ทดลองอ่าน วาสนาคนเขลา บทที่ห้า-บทที่หก – หน้า 9 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน วาสนาคนเขลา บทที่ห้า-บทที่หก

ท่านหญิงไหวอินเป็นคนระดับใด ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่หน้าตาคลายความเคร่งเครียดลงบ้างแล้ว นางก็เกิดความคิดในใจ ในตอนนี้มุมปากก็มีรอยยิ้มอีกครั้ง ดึงมือฮูหยินผู้เฒ่าหลี่มากุมแล้วพูดรายละเอียดอยู่สักครู่ ก็ให้คนไปเชิญรองเสนาบดีกรมอากรที่เดินทางมาร่วมงานพอดี ยังมีบัณฑิตคุณธรรมสูงชื่อเสียงโด่งดังอีกหลายคน เป็นพยานการแต่งงาน แล้วหยิบหนังสือหมั้นหมายที่เขียนเสร็จแต่แรกให้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ลงชื่อประทับลายนิ้วมือ

ฟ้าค่อยๆ มืดลง เสาหลักของแคว้นหลายคนกลับยังดูกระตือรือร้น ราวกับกำลังลงไพ่นกกระจอกบนกระดาน อยู่ต่อหน้าขุนนางใหญ่แห่งราชสำนัก ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ไร้ความมั่นใจไปจนสิ้น ทำได้เพียงปล่อยให้ท่านหญิงไหวอินจับมือให้ประทับลายนิ้วมือลงชื่ออย่างงุนงง

กลับถึงห้องของนางแล้ว มองหน้าหลี่รั่วฮุ่ยบุตรสาวคนโตที่เพิ่งรุดมาถึง จึงได้เหม่อมองรอยสีแดงบนปลายนิ้วของตนเองที่ยังไม่จางหายไปพลางพูดว่า “รั่วฮุ่ย เมื่อครู่แม่ทำการหมั้นหมายให้น้องเจ้าอีกครั้งแล้ว”

หลี่รั่วฮุ่ยเดิมทีก็สงสัยว่านางเป็นภรรยาขุนนางยศเล็กๆ เหตุใดจึงได้รับเทียบเชิญจากท่านหญิงไหวอิน รอนางเบิกตาโตลิ้นแข็งฟังฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เล่าเรื่องราวจนจบก็โกรธจนตบหน้าตัก พูดด้วยความโมโหท่านแม่ที่หัวอ่อน “ท่านแม่! ท่านบ้าไปแล้วหรือ ยกน้องรองให้กับผีเห็นยังหวั่นผู้นั้น! นี่… นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!”

ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ถูกบุตรสาวคนโตบ่นเช่นนี้ก็ได้สติคืนมา การหมั้นหมายนี้ตกลงกันเร็วไปสักนิด ตนเองเหมือนถูกโปะยาจนงุนงง จึงได้กำหนดการแต่งงานของหลี่รั่วอวี๋เช่นนี้แล้ว

แต่ตอนนี้มาพูดเสียใจภายหลังก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว

เมื่อครู่ตอนที่ลงชื่อในหนังสือหมั้นหมายต่อหน้าใต้เท้าทั้งหลาย ใต้เท้าจากกรมอากรผู้นั้นดูวันเวลาแล้วก็บอกมาตามตรงว่าสิ้นเดือนนี้เป็นวันมงคลตามปฏิทินที่หาได้ยาก กอปรกับซือหม่ารักษาอาการบาดเจ็บได้พอสมควรแล้ว อีกไม่นานก็ต้องกลับทางเหนือ ดังนั้นจึงกำหนดวันทำพิธี แปดวันให้หลังต้องจัดงานแต่งงานให้เสร็จสิ้น

อันที่จริงวันทำพิธีนี้ก็เร่งรีบเกินไป แม้แต่ท่านหญิงไหวอินที่เป็นผีชางรับใช้เสือ ยังทนดูต่อไปไม่ไหว รู้สึกว่าการกินของน้องชายรีบร้อนเกินไป

“ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้ ยังคิดว่าพี่เป็นนักบวชหวนสู่ทางโลก รีบร้อนจะแต่งภรรยาเสียอีก! ก็แค่หญิงที่สมองไม่ดีผู้หนึ่ง มีแค่ท่านที่เห็นเป็นของล้ำค่า เหตุใดจะต้องร้อนใจเช่นนี้ด้วย อย่างไรเสียนี่ก็เป็นสกุลฉู่ต้องการแต่ง ควรเตรียมทุกอย่างให้พร้อม มีอย่างที่ไหนมาทำการเร่งรีบลวกๆ อย่างท่าน!”

ตอนที่พูดคำนี้ ฉู่จิ้งเฟิงกำลังเดินหมากอยู่กับน้องชาย ซึ่งก็คือจ้าวซีจือคังติ้งอ๋องน้องชายสายเลือดเดียวกันของท่านหญิงไหวอิน

ได้ยินอีกฝ่ายพูดว่าหลี่รั่วอวี๋สมองไม่ดี เขาก็มีสายตาดุ เลิกคิ้วขึ้นพลางพูดเสียงเข้ม “ต่อไปอย่าได้พูดเรื่องสมองของนางอีก แม้นางจะพูดจาไม่ชัดเจนนัก แต่ก็แยกแยะคำพูดดีร้ายได้…”

ท่านหญิงไหวอินรู้สึกว่าตนเองในตอนนี้เหมือนแม่ที่กำลังจะแต่งลูกสะใภ้ เห็นสะใภ้สมองเสื่อมยังไม่ทันแต่งเข้าบ้าน บุตรชายก็รีบร้อนปกป้องภรรยาเสียแล้ว ช่างน่าโมโหเสียจริง

คังติ้งอ๋องเห็นพี่สาวตนเองยังอยากตำหนิฉู่จิ้งเฟิงอีก จึงรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งบนตั่งนิ่ม แกว่งเท้าที่สวมรองเท้าไปมาแล้วพูดว่า “พี่สาวข้า พูดน้อยหน่อยเถอะ อย่าทำให้พี่ชายไม่พอใจ ข้าน้องชายท่านตอนนี้อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือลำบากมาก พวกเดิมของหยวนซู่สมคบกับโจรร้าย ก่อเรื่องไปทั่วเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ข้ายังต้องอาศัยพี่ชายส่งเสบียงช่วยเหลือกำจัดโจรเหล่านี้ ตอนนี้พี่ชายเป็นเสมือนพระโพธิสัตว์เหลืองทองอร่ามผู้ช่วยชีวิต จะล่วงเกินไม่ได้แม้แต่น้อย! มา พี่ชาย ดื่มชาให้ชุ่มคอสักอึก…”

ทุกคนล้วนพูดว่าคังติ้งอ๋องแห่งตะวันตกเฉียงเหนือใจกว้างมีคุณธรรม แต่ไม่รู้เลยว่าคนผู้นี้พฤติกรรมหละหลวม ไม่เห็นเรื่องจริงจังอยู่ในสายตา

ฉู่จิ้งเฟิงมองดูท่าทางคังติ้งอ๋องยกน้ำชาให้เขาราวกับลูกสมุนก็แค่นเสียงสบถเบาๆ

ท่านหญิงไหวอินเพียงแค่สูดลมหายใจแล้วพูดอีกว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่วางแผนว่าหลังจากงานเลี้ยงก็จะพาบุตรสาวกลับคฤหาสน์เลย”

ฉู่จิ้งเฟิงเคาะกระดานหมากแล้วพูดอย่างช้าๆ “ขอพี่สาวช่วยพูดกับฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ให้ชัดเจนด้วย เพราะเวลาในการทำพิธีค่อนข้างเร่งรีบ ยังต้องสอนคุณหนูรองเรียนรู้พิธีการบางอย่าง พี่ก็รั้งตัวนางไว้ในจวนกลางสวนนี้ ในวันทำพิธีก็จัดกันในเมืองซูเฉิง จะได้ไม่ต้องส่งรถไปรับเจ้าสาวที่เมืองเหลียวเฉิงให้ลำบาก”

ตามประเพณีโบราณ บุตรสาวออกเรือนต้องออกเดินทางจากบ้านเกิด ยิ่งไปกว่านั้นเมืองเหลียวเฉิงเมืองซูเฉิงก็ไม่นับว่าไกลกันมาก แต่เวลาเพียงไม่กี่วันฉู่จิ้งเฟิงก็ทนรอไม่ไหวแล้ว จะรั้งตัวเจ้าสาวเอาไว้ ปล่อยให้แม่ยายกลับไปเตรียมพิธีการเอง… แบบนี้ช่าง…ไม่เห็นเรื่องจริงจังอยู่ในสายตาเสียจนคังติ้งอ๋องยังคิดว่าการกินของพี่ชายรีบร้อนเกินไป!

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 84.1-84.2

    By

    บทที่ 84.1 ชายาเป่ยเจิ้นอ๋องมองชุดรัดเอวแขนหลวมทำจากผ้าพลิ้วกรุยกรายลายปักซูซิ่ว บนร่างองค์หญิงอวี๋หยางอีกครา ดูคล้ายกับแบบที่ซูลั่วอวิ๋นสวม...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 83.1-83.2

    By

    บทที่ 83.1 หานเหยาได้ยินน้องชายพูดขึ้นมา นางก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ดี! พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ยแล้ว ที่นั่นวุ่นวายเหลือเก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 82.1-82.2

    By

    บทที่ 82.1 ที่แท้จ้าวกุยเป่ยคิดว่าให้สัญญากับหานเหยาไว้ว่าจะมารับลูกอมก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดหรือไร หานหลินเฟิงคร้านจะแยแสบุรุษหัวทึบผู้นี้ เ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 81.1-81.2

    By

    บทที่ 81.1 ฉิวเจิ้นเพ่งตามองดูแล้วก็พบว่าไม่เพียงกำแพงของค่ายเสบียงมีการต่อเติมให้สูงขึ้น ยังขุดคูลึกรอบตัวกำแพงทั้งด้านนอกด้านในเพิ่มอีกสอง...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com