ตอนคุณหนูรองหลี่ถูกคนร้ายไม่รู้ฐานะทำร้ายบาดเจ็บ และถูกฉู่ซือหม่าแห่งต้าฉู่สั่งจับไปห้าเขตทางเหนือ ด้วยสถานการณ์อันตราย จึงมาซ่อนตัวในหอซิ่วชุนซึ่งคนอื่นคิดไม่ถึงอย่างเด็ดขาด
วันนี้จากกันไปนาน ได้พบกับหลี่รั่วอวี๋อีกครั้ง ฉู่หวั่นเหนียงจึงรู้สึกตื่นเต้นยินดีอย่างมาก
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด หลี่รั่วอวี๋มาในครั้งนี้จึงพูดน้อยไปมาก ไม่รู้ว่าชายหนุ่มผมสีขาวเงินที่จูงมือนางนี้เป็นผู้ใด แต่กลิ่นอายทั้งตัวนั้นทำให้คนใจสั่นอย่างไร้สาเหตุ และไม่รู้ว่าจะเป็นเสิ่นหรูป๋อว่าที่สามีของหลี่รั่วอวี๋หรือไม่
ดังนั้นนางจึงถามอย่างลังเลว่า “ขอถามว่าท่านนี้คือคุณชายรองเสิ่นใช่หรือไม่”
ฉู่จิ้งเฟิงได้ยินคำถามของยอดบุปผาแล้วก็พูดเสียงเข้มว่า “ถูกต้อง ไม่รู้ว่าของที่รั่วอวี๋ฝากไว้ก่อนหน้านี้อยู่ที่ใด”
ฉู่หวั่นเหนียงเห็นหลี่รั่วอวี๋ปล่อยให้ ‘คุณชายรองเสิ่น’ ผู้นี้จูงมือโดยไม่รังเกียจ เห็นได้ว่ามีความรักลึกซึ้ง จึงเม้มปากยิ้มแล้วลุกขึ้นไปหยิบของ
ไม่นานนางก็หยิบกล่องไม้ใส่กุญแจใบหนึ่งมามอบให้หลี่รั่วอวี๋ ทว่าถูกฉู่จิ้งเฟิงยื่นมือใหญ่มารับไปแทน
“ตอนนั้นแผลจากคมกระบี่ของคุณหนูรองยังไม่หายดี คนแซ่ฉู่นั่นประกาศจับตามติดมาก ท่านยังดื้อดึงจะรวบรวมหญ้าแห้งไปที่ค่ายทหารสกุลฉู่ไปติดกับเอง หลังจากท่านจากไป ข้าน้อยก็นอนหลับไม่สนิทสักคืน เกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับท่าน ถูกผีเห็นยังหวั่นจอมสังหารผู้นั้นทำร้ายถึงชีวิต แต่พอสืบดูหลายรอบแล้ว แม้แต่นายกองพันที่ออกมาจากค่ายทหารสกุลฉู่ก็ยังไม่รู้ร่องรอยของท่านหลังจากนั้น ส่วนหลงจู๊เฝิงที่ท่านบอกว่าจะมารับกล่องไม้นี้ก็ไม่เห็นเงาเสียที น่ากระวนกระวายใจจริงๆ…”
ฉู่หวั่นเหนียงพูดด้วยรอยยิ้มไปหลายประโยค แต่เสียงก็ค่อยๆ เงียบลง ในใจคิดว่าเหตุใดหลี่รั่วอวี๋ที่ร่าเริงตอนนี้กลับเงียบเฉยไม่พูดจา
แต่เสิ่นหรูป๋อผมขาวผู้นั้นกลับมีแววตาคมกริบในทันใด
“แผลจากคมกระบี่หรือ นางมีแผลจากคมกระบี่เมื่อใดกัน”
ฉู่หวั่นเหนียงมองไปยังหลี่รั่วอวี๋ที่สวมงอบผ้าคลุมนั้นด้วยสายตาลังเล ลอบคิดในใจว่า… ในเมื่อเป็นคนรู้ใจคุณหนูรอง เหตุใดจึงไม่รู้เรื่องที่คุณหนูถูกแทงที่ท้อง
ในตอนนี้เองประตูลานด้านหลังก็มีเสียงฝีเท้าวุ่นดังลอยมา ก่อนจะเห็นเจ้าเมืองพาคนใต้บัญชารีบรุดมาด้วยรอยยิ้ม หลังจากเห็นหน้าฉู่จิ้งเฟิงก็รีบสาวเท้าเข้าไป “ข้าน้อยไม่รู้ว่าท่านซือหม่าล่องเรือผ่านวั่นโจว ตอนนี้เพิ่งได้รับข่าว ไม่ได้มาต้อนรับใต้เท้า ต้องขออภัยด้วย”
ดวงตาของฉู่หวั่นเหนียงในตอนนี้เบิกกว้าง มองชายหนุ่มผมสีขาวเงินที่เต็มไปด้วยไอสังหารตรงหน้าอย่างหวาดกลัว “ซือหม่า… ท่าน…ท่านคือผี…ผีเห็น…ยังหวั่น… ฉู่…”
จะโทษว่ายอดบุปผาพูดติดอ่างไม่ได้ นางคิดไม่ถึงเลยว่าซือหม่าต้าฉู่ผู้สูงศักดิ์ที่อดีตเคยประกาศจับหลี่รั่วอวี๋จะมีวันที่จูงมือหลี่รั่วอวี๋มาพบนาง…
นี่… นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!
ในตอนนี้เองก็เห็นหญิงสาวสวมงอบคลุมหน้าพลิกเปิดผ้าคลุมหน้าอย่างเบิกบานแล้วตะโกนเสียงดัง “รั่วอวี๋ไม่ได้พูดอะไรเลย พี่ฉู่…พี่ต้องซื้อขนมโก๋แป้งข้าวเจ้าให้รั่วอวี๋กินอีกนะ!”
หน้าตาสะสวยงดงามนั้นคือหลี่รั่วอวี๋ไม่ผิดแน่นอน แม้แต่ไฝเม็ดกลมตรงคอนั้นก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ทว่านางในตอนนี้กลับดูเบิกบานใจไร้กังวล แววตาฉายความไร้เดียงสาออกมา ซึ่งไม่มีทางปรากฏบนใบหน้าสุขุมเกินกว่าอายุของหญิงสาวผู้นั้นเด็ดขาด…
ฉู่หวั่นเหนียงยืนตะลึงอยู่กลางศาลาพักร้อนนั้น ทำได้เพียงปากสั่นเทาเอ่ยถามหญิงสาวที่ไร้ความกังวลผู้นั้น “ท่าน…เป็นผู้ใดกันแน่”
ฉู่จิ้งเฟิงไม่มองหน้าเจ้าเมืองเมืองวั่นโจวที่เข้ามาป่วนเรื่อง แต่พูดสั่งการกวนป้าที่อยู่ข้างหลัง “เอาตัวหญิงผู้นี้ไป!” พูดจบก็จูงมือหลี่รั่วอวี๋ เดินตรงออกจากหอซิ่วชุน
ฉู่หวั่นเหนียงย่อมไม่ยอม ทว่าแม้แต่เจ้าเมืองยังไม่กล้าขวาง นับประสาอะไรกับแม่เล้า!
เรื่องน่ากลัวที่ว่าผีเห็นยังหวั่นฆ่าล้างเมืองภายในคืนเดียว ผู้ใดไม่เคยได้ยินบ้างเล่า เช่นนี้แล้วผู้ใดเลยจะกล้ารนหาที่ตายไปขวางซือหม่าจับตัวคนเล่า ดังนั้นจึงเห็นเพียงยอดบุปผาที่ก่อนหน้านี้ยังงดงามจับตา ถูกกวนป้าที่ร่างสูงใหญ่กำยำแบกนางขึ้นบ่าด้วยมือเดียวแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
รอจนแบกขึ้นเรือแล้ว ฉู่หวั่นเหนียงก็มีสภาพผมเผ้าหลุดลุ่ย ก่อนหน้านี้นางด่าต่อหน้าฉู่จิ้งเฟิงว่าเป็นผีเห็นยังหวั่นจอมสังหาร ตอนแรกแม้จะกลัว แต่ถูกบุรุษแบกไว้บนบ่าหน้าทิ่มดินอย่างกักขฬะแบบนี้ นางก็โกรธมากเช่นกัน จึงไม่หวาดหวั่นอะไรอีก อ้าปากด่าทันที
พอเข้าไปในโถงเรือใหญ่ หลังจากนางถูกกวนป้าโยนลงบนพื้นแล้วก็ถลึงตาจ้องฉู่จิ้งเฟิงที่นั่งอยู่กลางโถงอย่างโมโห ท่าทางเหมือนจะฆ่าจะแกงก็แล้วแต่ท่าน
ฉู่จิ้งเฟิงแค่นเสียงสบถ ทว่าในใจกลับโมโหที่ตนเองรู้เรื่องในอดีตของหลี่รั่วอวี๋น้อยมาก
หญิงผู้นี้! สามคำสอนเก้าสำนัก ล้วนรู้จักไปทั่ว!
ที่เขาพาตัวยอดบุปผาผู้นี้มาด้วย เพราะเขาอยากรู้มากว่าเหตุใดตอนแรกหลี่รั่วอวี๋ขนสัมภาระการทหารไปส่งผิดเวลา ทำให้กองทัพของเขาเกือบจะประสบเคราะห์ร้ายกันหมด