ทดลองอ่าน วาสนาคนเขลา บทที่เจ็ด-บทที่แปด – หน้า 25 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน วาสนาคนเขลา บทที่เจ็ด-บทที่แปด

อาหารในกล่องก็จัดอย่างประณีตทุกอย่าง ซูซิ่วสั่งพ่อครัวในจวนว่า นี่เป็นของที่เตรียมให้สำหรับเด็กสาวอายุสิบสองสิบสามปี ดังนั้นอาหารส่วนใหญ่จึงเป็นของว่างที่ดูน่ากินและอร่อย

เกาลัดที่ปอกเปลือกแล้วคลุกด้วยน้ำตาลอ้อยวางอย่างเป็นระเบียบอยู่ในกล่องอาหารไม้เล็ก และตกแต่งด้วยดอกไม้น้ำตาลที่น่าดู เนื้อแห้งเลือกใช้สันในวัวชั้นดี หั่นเป็นเส้นยาวหมักสุราเหลืองกับเครื่องปรุงจากนั้นผัดน้ำมันตากลมให้แห้ง สำหรับขนมของว่างหลากสี ประณีตจนเห็นแล้วต้องชอบ สิ่งที่นำมากินคู่อาหารนอกจากจะเป็นชาชั้นดี ยังมีน้ำบ๊วยและน้ำสาลี่ดอกกุ้ยที่ผ่านการแช่น้ำแข็งมาแล้ว

เหล่าศิษย์หญิงที่มาเข้าเรียนในวันนี้แม้ว่าทางบ้านจะสุขสบายพอควร แต่ล้วนเป็นคนในพื้นที่เล็กๆ เรื่องอาหารการกินจะเทียบกับตระกูลใหญ่ซึ่งเป็นถึงโหวได้อย่างไร ดังนั้นเมื่ออาหารถูกจัดเรียงเสร็จแล้ว ดวงตาแต่ละคนก็เริ่มเปล่งประกาย

แต่อย่างไรเสียก็เป็นสหายร่วมเรียนที่เพิ่งรู้จักกัน อยู่ที่บ้านถูกพ่อแม่พูดกำชับไว้ เข้าเรียนแล้วต้องวางท่าความเป็นธิดาผู้ดี จะให้สหายร่วมเรียนดูถูกไม่ได้ และในเมื่อเป็นการร่วมกินอาหารในสำนักศึกษา คงต้องมีการแต่งกลอนอะไรกันบ้าง

เมื่อคิดว่าต้องแต่งกลอนสด พวกเด็กสาวในที่นั้นกลับกังวล กลัวว่าคุณหนูที่มาจากจวนซือหม่าจะแต่งกลอนได้งดงามลึกซึ้งเกินไป หากแต่งต่อไม่ได้จะขายหน้า ด้วยความลังเลใจนี้ทำให้ลดความอยากอาหารไปไม่น้อย

แต่หลี่รั่วอวี๋กลับไม่กังวลมากมายอย่างนั้น ตอนเช้ารีบเปลี่ยนชุดจึงไม่ได้กินดี ตอนนี้จึงรู้สึกหิวขึ้นมาบ้างจริงๆ หลังจากที่ซูซิ่วยกอ่างกระเบื้องน้ำแช่ใบปั้วเหอ ให้นางล้างมือแล้ว นางก็เป็นคนแรกที่ทนไม่ไหวหยิบขนมพุทราเชื่อมสามสีขึ้นมา เคี้ยวไปพลางพูดเสียงไม่ชัดเจน “พวกเจ้า…เหตุใดจึงไม่กิน”

ในเมื่อเด็กหญิงจากจวนซือหม่าลงมือคนแรก เด็กหญิงที่เหลือก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย หันหน้ามองกัน แล้วยื่นมือไปหยิบอาหารอย่างหวาดกลัว รอจนอาหารรสเลิศเข้าปาก รสชาติหอมหวานผ่อนคลายความตื่นตระหนก ทุกคนจึงค่อยๆ เริ่มพูดคุยหัวเราะกัน

ศิษย์เหล่านี้ตอนเข้าเรียนล้วนได้รับคัดเลือกมาอย่างดี แม้จะไม่ใช่ปัญญาอ่อนแต่ก็มีข้อด้อยของตนเอง พูดติดอ่างก็มีไม่น้อย ทำให้เห็นไม่เด่นชัดว่าหลี่รั่วอวี๋พูดจาไม่มีลำดับแล้ว

เมื่อเทียบกันแล้ว ญาติห่างๆ ของจวนซือหม่าผู้นี้ ผิวขาวนวลหน้าตางดงามนั้นไม่ต้องพูดถึง ชาติกำเนิดก็ยังดีที่สุดในสำนักศึกษาแห่งนี้ ที่หายากคือเป็นคนไม่วางท่า มาถึงครั้งแรกก็เอาของกินมากมายมาให้ทุกคน ช่างเป็นหญิงที่เรียบง่ายเข้ากับคนได้ง่ายเสียจริง!

ในจำนวนศิษย์มากมายเช่นนี้ ซูเสี่ยวเหลียงนั้นตกใจมากที่สุด นางนั่งติดหลี่รั่วอวี๋ มองดูคุณหนูรั่วอวี่ผู้นี้ใช้ส้อมเงินจิ้มเนื้อแห้งขึ้นมา แล้วจิ้มแตงกรอบดองที่หั่นเป็นชิ้นเล็กขึ้นมา วางพวกมันใส่ในแผ่นแป้งบางที่เปิดปากไว้ จากนั้นกระดกนิ้วชี้ขึ้นค่อยๆ กัดทีละคำ ท่าทางการกินนี้ฉายความสง่างามอยู่หลายส่วน

นางรีบทำตาม พอกัดเข้าไป แตงกรอบดองเมืองเหลียวเฉิงมีอานุภาพรุนแรงมาก แผ่นแป้งฟูนั้นจึงอร่อยขึ้นในทันใด เห็นคุณหนูรั่วอวี่ใส่บ๊วยและน้ำตาลกรวดลงในน้ำชา นางก็ทำตาม พอดื่มหนึ่งอึก รสชาติแห่งความสุขก็แทบจะกลายเป็นน้ำตาทะลักออกมาจากดวงตา

ความเปรี้ยวของแตงกรอบดองกับความหอมสดชื่นของชาสามอย่างยังวนอยู่ที่ปลายลิ้นและในใจซูเสี่ยวเหลียง คุณหนูรั่วอวี่ผู้นี้ช่างสมบูรณ์แบบ เป็นแบบอย่างของหญิงอายุสิบสองสิบสามได้เลย!

เพียงเวลาสั้นๆ ซูเสี่ยวเหลียงก็นับถือศิโรราบหลี่รั่วอวี๋ที่กินเก่งมาก

จนถึงวันต่อมาเข้าเรียนอย่างเป็นทางการ เหล่าศิษย์หญิงรู้สึกโล่งอก ที่แท้วิชาในสำนักศึกษาอย่างเป็นทางการ สบายกว่าการเรียนในบ้านมาก ในแต่ละคาบเรียนให้เรียนรู้แค่สามตัวอักษร แล้วใช้กระดาษร่างอักษรมาเขียนตามอาจารย์หนึ่งรอบ เวลาที่เหลือก็ฟังคำสอนของอาจารย์ เนื้อหาใช้นิทานเรื่องเล่าที่สนุกสนานเป็นหลัก ทุกครั้งที่อาจารย์พูดจบ ศิษย์ทุกคนจะฟังเพลินอยู่ยังดึงสติไม่คืนมา

สำหรับวิชาที่เหลือเหล่าศิษย์สามารถเลือกได้ตามความชอบ หลี่รั่วอวี๋คิดว่าที่แท้ชีวิตในสำนักศึกษาสบายมีความสุขเช่นนี้เอง แม้ตัวอักษรของนางจะเขียนได้ไม่น่าดู แต่สหายร่วมเรียนรอบข้างก็มีความสามารถพอๆ กัน ไม่มีจุดที่โดดเด่นไปกว่ากัน

นางเลือกเรียนศิลปะการดีดพิณ ตั้งปณิธานว่าจะดีดเพลงให้ได้สักเพลง ภายหน้าตอนที่ได้พบฉู่หวั่นเหนียงอีกครั้งจะได้ดีดให้นางฟัง

แต่วิชานี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้รับความนิยมเหมือนวิชาการฝีมือหรือการชงชา ในห้องพิณที่กว้างขวางมีเพียงนางกับซูเสี่ยวเหลียงสองคน

แต่อาจารย์เหมือนไม่ถือสาที่มีศิษย์น้อยเกินไป เห็นหลี่รั่วอวี๋เลือกเรียนวิชาดีดพิณ นางก็ดีใจ สอนอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ แต่ซูเสี่ยวเหลียงนั้นกลับไม่เหมาะกับวิชาดีดพิณที่งามสง่าแบบนี้ บทเพลงที่บรรเลงก็เหมือนเสียงแผงเหล็กตีปุยฝ้ายตามท้องถนน

หลี่รั่วอวี๋เพราะได้ฉู่หวั่นเหนียงสั่งสอน จึงดีดเพลงเด็ก ‘ดึงน้องชาย’ ทั้งที่นิ้วสั่นได้ ทำให้ซูเสี่ยวเหลียงอิจฉาได้อีกครั้ง

ตอนเลิกเรียน ซูเสี่ยวเหลียงรู้สึกเศร้าอยู่บ้างจึงพูดพึมพำว่า “ข้าโง่จริงๆ เรียนมาหนึ่งคาบดีดได้แค่เสียงตีปุยฝ้าย”

“เสี่ยวเหลียงไม่โง่ ตั้งใจเรียนก็จะฉลาดได้” หลี่รั่วอวี๋ลูบหัวของนาง เลียนแบบท่าทางของฉู่จิ้งเฟิงปลอบใจนาง

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เชิดรักมังกรซ่อนเงาหงส์ บทที่ 1-2

บทที่ 1 เสียงเคาะระฆังบอกโมงยามดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงอันคุ้นเคยเตือนให้คนเก่าคนแก่ในวังตระหนักได้ว่าเพลานี้เป็น...

ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก

ทดลองอ่าน ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก บทที่ 1-2

บทที่ 1 ต้นฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าสีฟ้าคราม สายลมโชยอ่อนพัดแผ่ว ม่านโปร่งบนศาลาริมน้ำขยับไหว ที่อยู่หลังม่านโปร่งคือโฉมสะคร...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 1-2

บทที่ 1 เวลาเช้าตรู่กู้เจี้ยนหลีรออยู่หน้าโรงจำนำเป็นเวลานานมากแล้ว ในมือของนางกำปิ่นรูปผีเสื้อคู่ประดับพู่ระย้าไว้อันหน...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เชิดรักมังกรซ่อนเงาหงส์ บทที่ 3-4

บทที่ 3 เนี่ยชิงหลินได้ยินคำพูดเช่นนี้จึงเงยหน้าขึ้นเหลือบมองสีหน้าเย็นชาเข้มงวดของเว่ยเหลิ่งเหยาปราดหนึ่ง นางลังเลอยู่ช...

community.jamsai.com