ทดลองอ่าน วาสนาคนเขลา บทที่เจ็ด-บทที่แปด – หน้า 26 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน วาสนาคนเขลา บทที่เจ็ด-บทที่แปด

26 of 26หน้าถัดไป

นับจากเริ่มป่วย หลี่รั่วอวี๋ไม่เคยมั่นใจเช่นนี้มาก่อน คงเป็นเหมือนคำพูดของพี่ฉู่ ขอเพียงเรียนหนังสือก็จะฉลาดได้ นางนึกอยากจะอยู่ในสำนักศึกษาตลอด และรู้สึกสงสัยว่าเหตุใดทุกครั้งที่น้องชายเสียนเอ๋อร์ไปเรียนจึงร้องไห้ราวกับจะไปลานลงทัณฑ์

ตอนพักกลางวัน เหล่าสหายร่วมเรียนเอากล่องอาหารที่เตรียมมาเองออกมา ตอนพ่อแม่ตนเองได้ยินว่าไปสำนักศึกษาในวันแรก น้องสาวญาติห่างๆ ของจวนซือหม่าเตรียมอาหารมาเลี้ยงสหายร่วมเรียน จึงกลัวว่าบุตรสาวตนเองจะเสียมารยาท ทำให้คุณหนูตระกูลใหญ่ดูถูก ล้วนตั้งใจเตรียมอาหารรสเลิศมามากมาย

หนังหมูคลุกมะระของจ้าวชิงเอ๋อร์บุตรสาวโรงเชือดสัตว์ได้รับคำชมจากทุกคน เกิดในครอบครัวโรงเชือดสัตว์ หนังหมูจึงหั่นชิ้นใหญ่ ถอนขนออกแล้วหั่นเป็นเส้นกว้างขนาดนิ้วก้อย จากนั้นใช้กระเทียม เกลือและน้ำส้มสายชูผสมคลุกเคล้ากับมะระและถั่วลิสง นับเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยอย่างดีในฤดูร้อน

รอจนถึงตอนเลิกเรียน พอหลี่รั่วอวี๋เดินออกจากประตูก็เห็นรถม้าหรูคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูสำนักศึกษา หลี่รั่วอวี๋จำได้ รถม้านี้เป็นรถที่ฉู่จิ้งเฟิงนั่งออกจากจวนเป็นประจำ

พอนางวิ่งไปดู ฉู่จิ้งเฟิงก็พลิกเปิดม่านรถ โผล่หน้าออกมาจริงดังคาด หลังจากส่งภรรยาเข้าสำนักศึกษาแล้ว ฉู่จิ้งเฟิงก็จิตใจไม่อยู่กับตัวทั้งวัน กังวลว่าหากนางไม่คุ้นเคยอาจจะร้องไห้งอแงได้ ไม่ทันรอให้ถึงเวลาเลิกเรียนจึงนั่งรถม้ามารอที่หน้าสำนักศึกษา เห็นหลี่รั่วอวี๋แบกกล่องหนังสือราวกับผึ้งตัวเล็กๆ ตะโกนเสียงดังว่า “พี่” แล้ววิ่งมาทางเขาอย่างเบิกบานใจ หัวใจที่แอบลอยสูงของฉู่จิ้งเฟิงในตอนนี้จึงวางลงได้

เขาลงจากรถม้า รับกล่องหนังสือเล็กของนางไปแล้วถามว่า “อยู่สำนักศึกษามาหนึ่งวันเป็นอย่างไรบ้าง”

หลี่รั่วอวี๋เอียงคอคิดสักครู่จึงพูดว่า “กินอร่อยมาก!”

ฉู่จิ้งเฟิงเลิกคิ้วขึ้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อกินอร่อย ก็ไม่ได้เรียนเสียเปล่า…”

หลี่รั่วอวี๋พยักหน้า รู้สึกว่าคำพูดของพี่ฉู่มีเหตุผลมาก

“แล้ว… วันนี้คิดถึงข้าหรือไม่” คำพูดของฉู่จิ้งเฟิงชะงักไป แต่อย่างไรเสียก็เอ่ยถามออกมาแล้ว

หลี่รั่วอวี๋ย้อนคิดอย่างตั้งใจแล้วส่ายหน้าตามตรง “รั่วอวี๋ยุ่งมาก ไม่ได้คิดถึงพี่ฉู่เลย…”

แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด นางรู้สึกว่าตนเองเหมือนจะพูดอะไรผิดไป ชายหนุ่มตรงหน้าจึงมีแววตาเศร้าสลด ท่าทางในชั่วขณะนั้นเคร่งขรึมอย่างบอกไม่ถูก

ในตอนนี้เอง เหล่าศิษย์หญิงที่เดินออกมาล้วนมองเห็นซือหม่าที่รูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาไม่ธรรมดายืนอยู่ข้างรถม้าก็พากันส่งเสียงอุทานอย่างตื่นเต้นออกมาเบาๆ

ปกติเฉพาะเวลาซือหม่านำขบวนทหารเดินรอบเมืองเท่านั้น จึงจะได้เห็นท่าทางสง่าของเขาตอนสวมชุดเกราะนั่งอยู่บนหลังม้า ตอนนี้เห็นความงามสง่าตอนเขาสวมชุดขุนนาง ดูหล่อเหลากว่าบัณฑิตบนแท่นแสดงละครเสียอีก ซือหม่าเป็นชายหนุ่มที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้เลยจริงๆ!

พวกนางเกิดความรู้สึกอิจฉาคุณหนูรั่วอวี่ขึ้นมาทันใดที่มีพี่ชายดีเช่นนี้มารับนางตอนเลิกเรียน พรุ่งนี้ต้องบอกให้พี่ชายมารับตนเองบ้างจึงจะดี!

หลังจากหลี่รั่วอวี๋ถูกฉู่จิ้งเฟิงประคองขึ้นรถม้าแล้วก็ยื่นหน้าออกมาถามว่า “พวกเราจะกลับบ้านหรือ”

แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียงพูด กลีบปากแดงของนางก็ถูกชายหนุ่มที่ขึ้นรถมาทีหลังอุดเอาไว้ ไฟโกรธที่ถูกจุดเมื่อเช้าผ่านความคิดถึงมาทั้งวันบ่มไว้จนสะกดไม่ไหวอีกต่อไป และถูกคำพูดซื่อสัตย์ของนางเมื่อครู่ทำให้ปวดใจ จึงอยากได้ความหวานมาปลอบใจสักครู่…

ชุดกระโปรงบนตัวเด็กสาวแม้จะปกปิดอย่างแน่นหนา แต่ทรงผมที่หวีเป็นจุกเรียบติดหัวดูเรียบง่ายแต่ยิ่งยั่วยวนใจ เขาเกลียดตนเองมาตลอดที่รู้จักหลี่รั่วอวี๋ช้าเกินไป ทำให้นางถูกหมั้นหมายไว้ก่อน จนในดวงตาไม่มีที่เหลือให้เขา แต่วันนี้ตอนเห็นนางแต่งตัวเป็นเด็กสาวเช่นนี้ ราวกับย้อนกลับไปสู่วัยแรกรุ่นของหลี่รั่วอวี๋จริงๆ

หลี่รั่วอวี๋ถูกจูบจนมึนงง แขนเสื้อกว้างไหลลื่นลงมาตามข้อมือขาว สิบนิ้วเกี่ยวกับผมยาวสีเงินของเขาแล้วลูบไล้อย่างคุ้นเคย…

เพราะอยู่ที่สำนักศึกษากินอิ่มเกินไป หลังจากเลิกเรียนหลี่รั่วอวี๋จึงยังไม่รู้สึกหิว เมื่อกลับถึงจวนก็แช่น้ำอยู่ในห้อง อาบน้ำเสร็จแล้วก็เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงตัวหลวม หลี่รั่วอวี๋วิ่งไปข้างกล่องหนังสืออย่างทนรอไม่ไหว หยิบตัวอักษรที่ตนเองเขียนในวันนี้เอาไปให้ฉู่จิ้งเฟิงที่อ่านเอกสารอยู่ในห้องหนังสือราวกับมอบของล้ำค่า

“พี่ฉู่รีบดูสิ นี่เป็นตัวอักษรที่รั่วอวี๋เขียนในวันนี้”

ฉู่จิ้งเฟิงถือกระดาษแผ่นนั้นด้วยมือเดียว เห็นบนนั้นเขียนคำว่า ‘สามี’ เอาไว้อย่างสวยงาม ฉู่จิ้งเฟิงแค่นเสียงสบถเบาๆ หนึ่งที อาจารย์โจวผู้นี้เอาแต่ประจบไม่รู้จักพลิกแพลง เขาสั่งให้นางถ่ายทอดเรื่องสามีเป็นหลัก แต่กลับมาเขียนบนกระดาษแผ่นใหญ่แค่นี้เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงถามว่า “วันนี้อาจารย์สอนอะไรบ้าง”

หลี่รั่วอวี๋นั่งบนตักของเขา หลังพิงแผ่นอก ดึงผมสีเงินของเขาหนึ่งกำ “อาจารย์เล่านิทานให้พวกเราฟัง”

นิทานที่อาจารย์โจวเล่าในวันนี้น่าดึงดูดใจมาก หลี่รั่วอวี๋ฟังอย่างตั้งใจ แล้วทำเหมือนนกแก้วเลียนแบบเล่าเรื่องนั้นออกมาได้ไหลลื่นอย่างน่าประหลาด “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เพราะแผ่นน้ำขวางกั้น ทุกที่ไปมาหาสู่กันไม่ได้ รู้แต่ว่ามีตนเอง ไม่รู้จักคนอื่น เทพธิดาผู้หนึ่งสงสารมนุษย์โลกจึงสร้างเรือเทพ เรือยาวร้อยจั้ง ใบเรือสูงเทียมเมฆ มีเรือเทพแล้ว ภูเขานับพันทะเลนับหมื่นก็ไม่ใช่เครื่องกั้นขวาง มนุษย์เหมือนติดปีกเทพ ทำให้แสดงความสามารถของเทพไม่ได้ เรื่องนี้ทำให้ทวยเทพบนสวรรค์โมโห ลงโทษเทพธิดาผู้นั้น บันดาลสายฟ้า ทำลายเสากระโดงเรือ ล่มเรือเทพจมลงสู่ก้นทะเลเหนือ…”

เล่าถึงตรงนี้ หลี่รั่วอวี๋ก็หายใจหอบเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเสียดายเล็กน้อย “อาจารย์เล่าถึงตรงนี้ก็ไม่เล่าต่อแล้ว พี่ฉู่ พี่รู้หรือไม่ว่าเทพธิดาผู้นั้นสุดท้ายเป็นอย่างไร”

ฉู่จิ้งเฟิงย่อมรู้แก่ใจว่านิทานที่อาจารย์โจวเล่าออกมาตอนนี้หมายถึงผู้ใด

โจวเฉียนอวี่ผู้นั้นเป็นคนถือตัว แต่กลับเป็นสหายที่มีอายุแตกต่างกัน นางมาทางเหนือในครั้งนี้แม้จะมาเพื่อหลบเลี่ยงเคราะห์กรรม แต่หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าหลี่รั่วอวี๋ แม้จะยอมจ่ายเงินหมื่นตำลึงทอง นางก็ไม่ยอมเข้าสำนักศึกษาเพื่อมาสอนศิษย์หญิงที่โง่ทึ่มเหล่านี้หรอก

เขาเคยกำชับนางว่า หลี่รั่วอวี๋กลัวคนแปลกหน้า อย่าเข้าใกล้มากเกินไป นางกลับดีจริง เล่าเรื่องมหัศจรรย์ท่อนนี้โดยอ้อม คิดจะทดสอบว่าหลี่รั่วอวี๋ลืมเรื่องราวในอดีตจริงหรือไม่อย่างนั้นหรือ

ยื่นมือไปลูบแก้มหลี่รั่วอวี๋แล้ว เขาก็คิดสักครู่ จึงพูดเล่าส่งเดชออกมาเช่นกัน “เทพธิดาผู้นั้นก็จมลงสู่ก้นทะเลตามเรือไป เดิมทีต้องจมอยู่ในนั้นตลอดกาล แต่ถูกจู๋อินเทพภูเขาจงซานผ่านมาเห็นเข้า จึงช่วยนางเอาไว้ จู๋อินนี้เป็นสัตว์เทพโบราณ ลืมตาเป็นกลางวัน หลับตาเป็นกลางคืน เป่าลมเป็นฤดูหนาว หายใจออกเป็นฤดูร้อน ลมหายใจเป็นลม ตัวยาวพันลี้ สีแดงทั้งตัว แต่เก็บตัวรักสันโดษ จู๋อินหลงรักเทพธิดาผู้นี้ ลงมือตะลุยสังหารจากทะเลเหนือไปถึงภูเขาจงซาน กลิ่นคาวเลือดยาวไปตลอดทาง ทวยเทพถูกฆ่าจนหวาดกลัว เทพทั้งสองจึงได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขบนภูเขาจงซานนั้น”

แต่ว่า บทสรุปอย่างมีความสุขที่สามารถเรียกน้ำตาของเด็กๆ ได้นี้ไม่ได้ทำให้หลี่รั่วอวี๋ดีใจขึ้นมาเลย นางนั่งนิ่งคิดอยู่นาน “แต่ภูเขาจงซานไม่ใช่ทะเล เทพธิดาต้องอยากกลับสู่ทะเล นั่งบนเรือเทพที่นางสร้างขึ้นแน่นอน จู๋อินทำไมไม่ปล่อยนางกลับทะเลล่ะ”

มือที่ลูบแก้มนางชะงักไป ทันใดนั้นนางก็ถูกแขนแกร่งยกตัวขึ้นเบาๆ วางไว้บนโต๊ะหนังสือ ฉู่จิ้งเฟิงจ้องตาของนาง พูดเสียงเข้มว่า “เทพธิดาถูกตัดสิทธิ์ความเป็นเทพ กลับไปบนเรือเทพอีกไม่ได้ และเทพภูเขาจู๋อินก็รักเทพธิดามาก ถ้าเทพธิดาไปจากเขา จู๋อินคงคลุ้มคลั่ง ฆ่าคนไปทั่วฟ้า”

หลี่รั่วอวี๋เหมือนจะตกใจ คิดสักครู่จึงพูดเสริมอีกประโยค “เทพธิดาผู้นั้นน่าสงสารจริง”

คิดไม่ถึงว่าพี่ฉู่ของนางได้ฟังคำพูดนี้แล้วจะถลึงตาจ้องนางอยู่นาน สุดท้ายก็พูดอย่างแปลกประหลาดว่า “คัดสิ่งที่เรียนในวันนี้ร้อยจบ เขียนไม่เสร็จห้ามกินข้าว”

หลี่รั่วอวี๋คิดไม่ถึงว่าพี่ฉู่ที่เดิมทียังใจดีอยู่จู่ๆ จะลงโทษนางจึงยู่ปากเล็กทันที แต่พอคิดถึงเรื่องของสหายร่วมเรียนซูเสี่ยวเหลียงหลังจากแสดงพลังแขน ขว้างก้อนอิฐ ทำให้โอ่งน้ำของท่านป้าในสำนักศึกษาแตกแล้วก็ร้องไห้พลางกอดขาท่านป้า ขอร้องไม่ให้บอกเรื่องนี้กับท่านพ่อของนาง สุดท้ายท่านป้าใจอ่อนรับปาก หลี่รั่วอวี๋จึงเกิดความคิดขึ้นทันที…

นางลุกขึ้นคุกเข่าลง เลียนแบบกอดขาของฉู่จิ้งเฟิงที่กำลังจะหมุนตัวเดินจากไป แนบหน้าถูไถไปบนขาแกร่งนั้นแล้วพูดว่า “พี่ รั่วอวี๋ผิดไปแล้ว ขอเพียงไม่ลงโทษรั่วอวี๋ รั่วอวี๋ยินดีเป็นวัวเป็นม้า! รั่วอวี๋… รั่วอวี๋ร้องเพลงให้พี่ฟังดีหรือไม่”

ยังไม่รอให้ฉู่จิ้งเฟิงเปลี่ยนสีหน้า นางก็รีบลุกขึ้น นั่งลงข้างพิณที่ตั้งวางไว้ในห้องหนังสือ ตั้งท่าบรรเลงเพลงพื้นบ้านที่วันนี้เพิ่งเรียนมาอย่างดี “จูงน้องชายคนโต ดึงน้องชายคนเล็ก เหยียบกระเบื้องแตกไม่ถึงพื้น…”

นี่เดิมทีเป็นเพลงพื้นบ้านขอพรให้มีบุตรชาย มีความหมายว่าขอให้คลอดบุตรชายไม่คลอดบุตรสาว แต่คำพูดพอออกมาจากปากเล็กนุ่มนิ่มนั้นแล้ว ‘จูงน้องชายคนโต ดึงน้องชายคนเล็ก’ นั้น กลับดึงจนหัวใจคนฟังว้าวุ่นไปหมด…

ฉู่จิ้งเฟิงหรี่ตาคิดถึงภาพความงามของมือเล็กขาวดึงมือ ‘น้องชาย’ แล้ว ก็สะกดใจไว้ไม่อยู่ เอ่ยปากพูดช้าๆ “ยอมทำทุกอย่างจริงหรือ ดึงให้ข้าสักคนได้หรือไม่”

 

(ติดตามต่อในเล่ม)

26 of 26หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 84.1-84.2

    By

    บทที่ 84.1 ชายาเป่ยเจิ้นอ๋องมองชุดรัดเอวแขนหลวมทำจากผ้าพลิ้วกรุยกรายลายปักซูซิ่ว บนร่างองค์หญิงอวี๋หยางอีกครา ดูคล้ายกับแบบที่ซูลั่วอวิ๋นสวม...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 83.1-83.2

    By

    บทที่ 83.1 หานเหยาได้ยินน้องชายพูดขึ้นมา นางก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ดี! พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ยแล้ว ที่นั่นวุ่นวายเหลือเก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 82.1-82.2

    By

    บทที่ 82.1 ที่แท้จ้าวกุยเป่ยคิดว่าให้สัญญากับหานเหยาไว้ว่าจะมารับลูกอมก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดหรือไร หานหลินเฟิงคร้านจะแยแสบุรุษหัวทึบผู้นี้ เ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 81.1-81.2

    By

    บทที่ 81.1 ฉิวเจิ้นเพ่งตามองดูแล้วก็พบว่าไม่เพียงกำแพงของค่ายเสบียงมีการต่อเติมให้สูงขึ้น ยังขุดคูลึกรอบตัวกำแพงทั้งด้านนอกด้านในเพิ่มอีกสอง...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com