บทนำ เบญจเพส
คุณรู้จักเบญจเพสรึเปล่า
ผมคาดว่าถ้าคุณเกิดและเติบโตบนแผ่นดินไทยมาตลอดก็น่าจะเคยได้ยินมาบ้างแหละ ไอ้เรื่องอาถรรพ์ปีเบญจเพส
ช่วงชีวิตแห่งการเปลี่ยนแปลงที่หากใคร ‘ดวงดี’ ก็จะโชคดีไปตลอด ชีวิตราบรื่นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่วนใครที่ ‘โชคร้าย’ ส่วนมากผมมักได้ยินแต่เรื่องประสบการณ์ร้ายๆ มา…บางคนอาจจะเจอปัญหาเล็กๆ อย่างอุบัติเหตุเล็กน้อย ถูกหวยกินหลายงวดติด หรือมีปากเสียงกับคนรอบข้าง เริ่มหนักขึ้นมาหน่อยอย่างตกงาน แฟนทิ้ง ถ้าอัพเกรดไปอีกขั้นก็สูญเสียญาติผู้ใหญ่ อุบัติเหตุร้ายแรง หรือกระทั่ง…เสียชีวิต
คุณคิดว่าเบญจเพสคือช่วงอายุเท่าไหร่
ผมว่าคนส่วนใหญ่คิดเหมือนผม…คือยี่สิบห้า ก็นะ…เราเรียนกันมาตลอดนี่นาว่า ‘เบญจ’ แปลว่าห้า เพราะงั้นมันก็น่าจะยี่สิบห้านี่แหละ แต่พอมันเกิดขึ้นกับผมจริงๆ ผมถึงได้รู้ว่าเบญจเพสมันเริ่มได้ตั้งแต่ยี่สิบสี่และสามารถยิงยาวไปได้ถึงยี่สิบหก แล้วแต่ชะตาชีวิตของแต่ละคน
คุณเชื่อเรื่องเบญจเพสไหม
ผมไม่เคยเชื่ออย่างจริงจังมาก่อน จนกระทั่งมันเกิดขึ้นกับตัวผมเอง พอเผชิญหน้ากับสิ่งที่เรียกว่า ‘อาถรรพ์เบญจเพส’ ผมถึงได้เชื่อว่ามันมีอยู่จริง นี่สินะที่เขาว่ากันว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา อืม…ผมเป็นคนประเภทนั้นจริงๆ
เบญจเพสของคุณเป็นยังไง
สำหรับผม…อย่างที่บอกมันเริ่มตั้งแต่อายุยี่สิบสี่ หลังผมอายุครบยี่สิบสี่ได้ไม่นานสาวที่ ‘คุยๆ’ กันอยู่จนได้เลื่อนขั้นมาเป็น ‘แฟน’ อย่างลับๆ ถึงครึ่งปี…ตัดสินใจบอกเลิกผมด้วยเหตุผลที่ทำให้ผมต้องยอมปล่อยเธอไป
เธออยากแต่งงานแล้ว
แฟนสาวรุ่นพี่อายุมากกว่าผมสี่ปีและยังเป็นคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตแบบพนักงานออฟฟิศทั่วไป คนรอบตัวเธอเริ่มแต่งงานสร้างครอบครัว มีลูกตัวเล็กๆ ดุ๊กดิ๊กๆ น่ารักอย่างที่เธอเองก็ฝันอยากจะมี แต่ด้วยอายุกับอาชีพของผม…ทำให้ผมยังไม่คิดถึงเรื่องแต่งงาน ที่สำคัญคือเราเพิ่งเป็นแฟนจริงจังกันได้แค่ครึ่งปีด้วย ความรักความผูกพันมันยังไม่ได้มากมายจนผมยอมทิ้งทุกอย่างไปสร้างครอบครัว สุดท้ายจึงจบลงด้วยการจากลา แล้วหลังจากนั้นไม่กี่เดือนเธอก็กลับไปคืนดีกับแฟนเก่าและแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกัน
ผมไม่โกรธเธอนะ แม้จะเจ็บนิดๆ เสียใจหน่อยๆ แต่ผมก็ไม่โกรธเธอ เพราะเธอไม่ได้คบซ้อนไม่ว่าจะกับผมหรือผู้ชายคนนั้น ระหว่างผมกับเธอ…เราจบกันด้วยดี
นั่นแค่เรื่องแรกเท่านั้น พอเคาต์ดาวน์เข้าสู่ปีใหม่ที่ผมจะอายุย่างยี่สิบห้า เรื่องมันก็เริ่มขึ้นมาอีก อาจจะยังดูวนอยู่กับความรักหน่อยๆ นะ แบบว่านางเอกรุ่นพี่ที่ผมแอบปลื้มอยู่และเคยคิดไว้ว่าหากวันนึงทั้งผมและเธอโสด ผมจะลองจีบเธอดูนั้น ยังไม่ทันให้ผมได้ออกตัว ไอ้รุ่นพี่อีกคนก็งาบเธอไปกินเรียบร้อย ผมเลยนกตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม แต่ก็นะ…ช่วงนั้นผมไม่ได้โฟกัสเรื่องความรักจริงจังนัก สองเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นสาบานได้เลยว่าผมไม่ได้คิดถึงเรื่องอาถรรพ์เบญจเพสอะไรนั่นด้วย
จนกระทั่งเริ่มเข้าสู่เรื่องความปลอดภัยในชีวิตของผม จากอุบัติเหตุเล็กๆ เอ็นอักเสบ คิ้วแตก แก้วบาด ไปจนถึงสลิงขาด และรถชนจนไฟลุกท่วมไปทั้งคัน…ผมถึงได้เชื่ออย่างจริงจังว่า โอเค ผมเข้าสู่วิกฤตเบญจเพสแล้วจริงๆ
แล้วอีเวนต์สำคัญในช่วงเบญจเพสของคุณคืออะไร
ข้อนี้ผมไม่แน่ใจว่าคนอื่นๆ จะมีรึเปล่านะ เคยอ่านเจอมาว่าบางคนซื้อบ้าน ซื้อรถ เรียนจบ ตกงาน หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่สำหรับผม…อีเวนต์สำคัญในช่วงวัยเบญจเพสที่ผมจะจำไปทั้งชีวิตก็คือ
ผมแต่งงาน
ใช่…ปีที่ผมอายุยี่สิบห้า ผม ‘แต่งงาน’ และใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง
เหมือนตลกร้ายเนอะ…เพราะยังไม่พร้อมสำหรับการแต่งงานผมจึงเลิกกับอดีตคนรัก ปล่อยให้เธอไปเริ่มต้นสร้างครอบครัวกับใครสักคนที่พร้อม
แต่ในปีเดียวกับที่เธอแต่งงาน ผม…ก็แต่งงานด้วยเหมือนกัน
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มในกรอบตาโตหวานมองเอกสารสำคัญที่เพียงแค่ผมประทับลายเซ็นลงไป…ในทางกฎหมายมันจะผูกโยงชีวิตผมและผู้หญิงอีกคนไว้ด้วยกันทันที
ผมอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาขึ้นมองเธอ เห็นเลยว่าในดวงตากลมสีดำใสแจ๋วเหมือนลูกแก้วคู่นั้นมีแววลังเลและคล้ายๆ กำลังส่งคำถามให้ผมว่าสิ่งที่เรากำลังทำมันถูกต้องแล้วเหรอ
แน่นอนว่าผมไม่รู้ว่ามันถูกหรือเปล่ากับการแต่งงานกับผู้หญิงที่รู้จักพบเจอกันจริงๆ ได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่ที่ผมรู้คือมันเป็นทางออกเดียวสำหรับชีวิตเบญจเพสของผม
ผมยิ้มให้เธอก่อนจะหลุบตามองเอกสารตรงหน้า ตวัดมือเซ็นชื่ออย่างรวดเร็ว