LOVE
ทดลองอ่าน วิวาห์ส่วนบุคคล บทนำ-บทที่ 1
มนายุสบตาแม่ มองเห็นความรักใคร่หวงแหนในแววตาของท่าน คนเป็นลูกถอนหายใจ ทิ้งหัวลงบนตักนุ่มที่หนุนอิงมาทั้งชีวิต มือแข็งแรงยกขึ้นทาบทับมือแม่ น้ำเสียงอ่อนลง
“แม่ครับ เหมือนเองก็รักชีวิตของเหมือนมากกว่าชื่อเสียงพวกนั้น เหมือนยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากทำ อยากอยู่ดูแลป๊ากับแม่ไปนานๆ แต่ว่า…” เขาถอนหายใจ เลี่ยงที่จะพูดว่าไม่ได้เชื่อในวิธีแต่งงานสะเดาะเคราะห์อะไรนี่เพราะรู้ดีว่ามารดาศรัทธาเชื่อมั่นในตัวซินแสหมิงมาก “เราไม่รู้ด้วยซ้ำนะครับแม่ว่าผู้หญิงที่เกิดหลังเหมือนหนึ่งปี แต่เกิดก่อนเหมือนหนึ่งเดือนกับอีกหนึ่งวันคนนั้นอยู่ที่ไหน แล้วเหมือนจะแต่งงานได้ยังไง”
วิธีสะเดาะเคราะห์เปลี่ยนเคราะห์เบญจเพสร้ายๆ ให้กลายเป็นดีของซินแสหมิงครั้งนี้เป็นอะไรที่แปลกพิสดารที่สุดเท่าที่มนายุเคยได้ยินท่านกล่าว นั่นคือให้เขารีบแต่งงานกับผู้หญิงที่เกิดหลังเขาหนึ่งปี แต่เกิดก่อนเขาหนึ่งเดือนกับอีกหนึ่งวันก่อนเขาจะอายุครบยี่สิบห้า และใช้ชีวิตคู่กับเธออย่างน้อยหนึ่งปี หนึ่งเดือน หนึ่งวัน เพื่อใช้ดวงของเธอเกื้อหนุนดวงชะตาเขา แล้วชีวิตที่เหลือของชายหนุ่มจะดีขึ้น ไม่มีเภทภัยมากล้ำกรายอีก ซึ่งหากมนายุไม่สามารถทำได้ล่ะก็…เบญจเพสของเขาจะเป็นเคราะห์หนักซึ่งยากจะผ่านไปได้
“นี่แม่แน่ใจนะครับ ว่าผู้หญิงที่ว่าไม่…ไม่ใช่ลูกหลานอะไรของซินแส”
“เหมือน!” คุณมัทนาแว้ดเสียงแหลม มือที่แตะลูกอย่างอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นตบแก้มเบาๆ “แม่รู้นะว่าเหมือนคิดอะไรอยู่ นี่จะหาว่าซินแสจะหลอกจับคู่เอาลูกเอาหลานมาให้เหมือนล่ะสิ!” คนเป็นแม่มองอย่างรู้ทัน ก่อนจะถอนหายใจ “หึ! ไม่ใช่หรอก ซินแสก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครอยู่ที่ไหน”
“อ้าวแม่” ชายหนุ่มเรียกท่านด้วยน้ำเสียงกึ่งหัวเราะ เอ่ยเย้า “ขนาดซินแสยังไม่รู้เลยว่าเธอเป็นใคร แล้วเราจะไปหามาจากไหนล่ะเนี่ย เจ้าสาวของผมน่ะ”
“ก็ซินแสบอกว่าถ้าเจอผู้หญิงคนนั้นแล้ว หยกที่ข้อมือเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง” คุณมัทนาพยักพเยิดไปยังกำไลหยกบนข้อมือซ้ายของลูกชายที่ท่านสวมให้ตั้งแต่เขายังไม่ฟื้น พื้นผิวเรียบเนียนนั่นยังเป็นสีขาวขุ่นและไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนสีได้อย่างที่ซินแสหมิงเคยกล่าว “ถ้าเหมือนมีดวงมากพอ เดี๋ยวเหมือนก็ได้เจอกับเธอ แล้วหยกก็จะเปลี่ยนสี” ท่านพูดด้วยสีหน้ากลุ้มใจ กลัวเหลือเกินว่าลูกจะมีดวงไม่มากพอ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปจี้ขอคำสัญญา “ว่าแต่เหมือนเถอะ พูดแบบนี้หมายความว่าถ้าแม่เจอผู้หญิงคนนั้น เหมือนจะยอมแต่งงานกับเธอเพื่อสะเดาะเคราะห์ใช่มั้ย”
แม้จะยังไม่รู้ว่าจะไปหาว่าที่ลูกสะใภ้แบบนั้นมาจากไหน แต่คุณมัทนาก็รีบคาดคั้นเอาคำสัญญาจากลูกชาย เพื่อที่ว่าถ้าหาเจอลูกจะได้ไม่มาบิดพลิ้วทีหลัง
“เหมือนไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย” หนุ่มหน้าหวานหัวเราะ เขย่าข้อมือซ้ายเล่น พอเหลือบเห็นสีหน้ามารดาเริ่มเคร่งเครียดก็รีบเบียดซบท่านอย่างออดอ้อน “แม่ครับ…” มนายุช้อนตาขึ้นมองแม่ ปรับสีหน้าตัวเองให้จริงจังขึ้น “เหมือนไม่อยากแต่งงานด้วยเหตุผลอื่นนอกจากความรัก”
พระเอกหนุ่มถอนหายใจ ละสายตาจากท่านไปมองผนังห้อง ในสมองปรากฏภาพเหตุการณ์มากมายซึ่งเคยเกิดขึ้นในละครหลายเรื่องที่เขารับบทพระเอก
“เหมือนอาจจะเล่นละครที่ต้องแต่งงานกับนางเอกโดยไม่ได้รักแล้วสุดท้ายก็ลงเอยกันด้วยความรัก แต่ชีวิตจริงมันไม่ใช่ละคร…เหมือนจะรู้ได้ยังไงว่าสุดท้ายแล้วเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นจะรักกันได้ จะอยู่ด้วยกันแล้วไม่ตีกันตาย หรือแม่อยากให้เหมือนไม่มีความสุขกับการแต่งงานครับ”
พอหันไปมองท่านมนายุก็เห็นชัดเจนว่าคุณมัทนาปฏิเสธ ชายหนุ่มยิ้ม รู้ดีว่าแม่หวังให้เขามีความสุข
ใช่ แม้จะเป็นเพียงการแต่งงานสะเดาะเคราะห์แค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่มารดาก็ยังปรารถนาให้เขามีความสุขในทุกช่วงเวลาของชีวิต
โดยเฉพาะนี่…มันจะเป็นการแต่งงานครั้งแรกในชีวิตของเขา
“บางทีเหมือนอาจจะรักเขาจริงๆ แต่เขาไม่รักตอบ หรือเขาอาจจะรักเหมือนแต่เหมือนไม่สามารถรักเขาได้ หรือแย่ที่สุด…เราอาจจะเกลียดกัน” พระเอกเจ้าของรางวัลการันตีความสามารถทางการแสดงเน้นเสียงให้หนักแน่นจริงจังขึ้น ทำให้มารดาได้คิดตาม
“แม่ฮะ การแต่งงานมันเป็นเรื่องของคนสองคน ต่อให้เราเจอผู้หญิงคนนั้นมันก็ไม่ได้หมายความว่าเขา…จะยอมแต่งงานกับเหมือนเพื่อให้เหมือนใช้เขาเสริมดวงสะเดาะเคราะห์เบญจเพส แล้วที่สำคัญที่สุดคือ…”
คุณมัทนาก้มมองลูกชายที่กล่าวต่อด้วยสีหน้าจริงจังกว่าเดิม
“จากประสบการณ์แต่งงานเพราะเงื่อนไขอื่นนอกจากความรักมาอย่างโชกโชน…กว่าจะได้เข้าหอกันจริงๆ ก็โน่นนน แต่งกันไปจนเกือบจะหย่าแล้ว เหมือนไม่อยากเป็นอย่างไอ้คุณไนล์กับไอ้คุณยะนะครับ…โอ๊ย! แม่ แม่ตีเหมือนทำไมเนี่ย เหมือนเจ็บน้าาา”
คนเป็นแม่มองสีหน้าเจ็บปวดจอมปลอมของพระเอกดังอย่างหมั่นไส้ ฟาดเข้าไปอีกทีเบาๆ อย่างเกรงใจว่าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อเช้า
“ดี เจ็บสิดี ทะลึ่งทะเล้นนักนะเรา แม่อุตส่าห์ตั้งใจฟังจนเกือบคล้อยตาม ที่ไหนได้…” ใบหน้าที่ยังคงความงามแม้วัยจะล่วงเข้าสู่เลขห้าส่ายไปมาอย่างอ่อนใจ ย้ำอีกครั้งว่า “ไม่รู้ล่ะ ถ้าแม่หาเจ้าสาวของลูกเจอ เหมือนจะต้องแต่งงานกับเธอ!”
ฟังคำยืนกรานของแม่แล้วมนายุก็ได้แต่กลอกตา นึกเซ็งตัวเองที่หลุดพูดเรื่องไร้สาระออกไป!
หลังออดอ้อนจนมารดาคลายความกังวลลงได้บ้างจนท่านออกปากให้เขากลับไปพักต่อในห้องตัวเอง ชายหนุ่มก็ทิ้งแผ่นหลังลงบนเตียงกว้าง ยกข้อมือซ้ายขึ้นสูงในระดับสายตา ปลายนิ้วลูบผิวเย็นของหยกเนื้อดี ก่อนจะจับมันพลิกไปมา พึมพำอย่างไม่เชื่อถือนัก
“ไอ้หยกขาวๆ นี่มันจะเปลี่ยนสีได้จริงๆ เหรอ” หัวคิ้วเข้มขมวดมุ่น ดวงตายังจ้องเขม็ง “ใช้หลักการอะไรกัน หรือว่าหลักไสยศาสตร์นะ?”
พระเอกหนุ่มแค่นหัวเราะ ปล่อยแขนตกลงข้างลำตัว
นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เขารู้สึกว่าซินแสหมิงของแม่อาจเป็นพวกต้มตุ๋นลวงโลก
โปรดติดตามตอนต่อไป…