ทดลองอ่าน วิวาห์ส่วนบุคคล บทที่ 2 – บทที่ 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

LOVE

ทดลองอ่าน วิวาห์ส่วนบุคคล บทที่ 2 – บทที่ 3

หน้าที่แล้ว1 of 2

บทที่ 2 เทพีแห่งหายนะ

 

อย่างที่ใครสักคนเคยกล่าวไว้ ‘ผู้หญิงกับหมอดูเป็นของคู่กัน’

โดยเฉพาะผู้หญิงอย่าง ‘ลิปสา’ ที่ชอบเรื่องราวประเภทแฟนตาซีเหนือธรรมชาติ และศาสตร์การดูดวงก็เป็นหนึ่งแขนงที่เธอมองว่าก้ำกึ่งระหว่างไสยศาสตร์กับวิทยาศาสตร์ มันจึงไม่แปลกที่เธอเองจะชอบดูดวง

แต่แค่ชอบดูนะ! เธอไม่ค่อยเชื่อถือเท่าใดนัก หญิงสาวยังมีสติพอจะรู้อยู่ว่าหมอดูคู่หมอเดา ทั้งนิสัยชอบอ่านหนังสือดูหนังดูละครทำให้เธอเห็นมาเยอะ ไอ้พวกที่ไม่ควรมีเรื่องแต่เพราะเชื่อคำทำนายจนทำให้มีเรื่องขึ้นมา อย่างเรื่องของอีดิปุส ถ้ากษัตริย์ไลอัสไม่รู้คำทำนายแล้วเลี้ยงลูกตัวเองไปดีๆ ต่อให้มีเรื่องถึงขั้นฆ่าแกงพ่ออย่างตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่อีดิปุสก็คงไม่ถึงกับเอาแม่ตัวเองเป็นภรรยา หรือเรื่องแบบไทยๆ อินเดียๆ หน่อย ถ้าทศกัณฐ์ไม่รู้คำทำนายของพิเภกว่านางสีดาจะเป็นต้นเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยักษ์ ก็คงไม่จับลูกสาวแรกเกิดใส่ผอบไปฝังดินจนสิบกว่าปีต่อมาไปหลงรักและลักพาตัวไปลงกาจนเกิดสงครามที่ผลาญเผ่าพันธุ์ยักษ์เข้าจริงๆ

บางครั้งคำทำนายเป็นจริงได้ก็เพราะ ‘ความกลัว’ ต่อเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึงจนหาวิธีป้องกันซึ่งดันนำไปสู่หายนะที่แท้จริง ดังนั้นถึงจะชอบดูดวงแต่ลิปสาก็แค่ดูขำๆ ฟินๆ มากกว่าคิดจริงจัง โดยเฉพาะเมื่อหมอดูดีๆ แม่นๆ นั้นหายากมากกก

อย่างตอนอายุสิบแปด กำลังจะจบ ม.หก หมาดๆ เธอก็ถ่อไปดูดวงกับหมอที่เขาว่ากันว่า ‘แม่น’ เพื่อถามถึงมหาวิทยาลัยที่จะได้เรียนและยังถามไปถึงดวงความรักอย่างที่สาวๆ ชอบถามกัน หมอดูทำนายมหาวิทยาลัยของเธอแม่นจริง แต่ไอ้ที่บอกว่าจะเจอเนื้อคู่ตอนสิบเก้า แต่งงานตอนยี่สิบสี่นี่สิ จะครบยี่สิบสี่อยู่ไม่กี่เดือนนี้แล้วลิปสายังไม่เห็นเงาเนื้อคู่เลยด้วยซ้ำ

ว่ากันว่าคนเราจะดูดวงต่อเมื่อมีเรื่องสำคัญที่อยากรู้ ไม่ก็เวลาเจออุปสรรคปัญหาหรือว่าความทุกข์ สำหรับลิปสาสิ่งที่ทำให้ยอมดั้นด้นไปดูดวงไกลถึงจังหวัดพิษณุโลก ก็เพราะความซวยหลากหลายที่ถาโถมเข้ามาสู่ชีวิต

ทั้งเดินสะดุดท่อ ข้อเท้าพลิกเป็นประจำ ซึ่งอันที่จริงมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยจนเธอชินแต่ที่ครั้งนี้มันทำให้นอยด์จนจิตตกเพราะเหตุดันเกิดหน้าสำนักพิมพ์เหนือฝัน สถานที่ทำงานของเธอในช่วงพักเที่ยงซึ่งคนพลุกพล่านกันสุดๆ ความเจ็บอยู่กับเธอไม่นาน แต่ความอายเพราะกลายเป็นที่รู้จักทั้งออฟฟิศด้วยเรื่องนี้ยังอยู่กับเธอมาจนถึงทุกวันนี้!

นี่ยังไม่นับเรื่องแย่อื่นๆ ที่เจอมาตั้งแต่จำความได้ ทั้งความเป็นคน ‘ไม่มีโชค’ ซื้อลอตเตอรี่ก็นก จับสลากก็ได้แต่ของกากๆ อย่างคุกกี้กล่องแดงในตำนาน อัลบั้มรูปอันเล็ก หรือแม้แต่กระเป๋าดินสอเห่ยๆ ที่ดูแล้วราคาไม่น่าถึงงบที่ตั้งไว้ ไหนจะตอนเป็นน้องรหัสสมัยมัธยม…พี่รหัสของเธอไม่เคยมาดูดำดูดี ไม่เคยมาเทกแคร์ดูแล หรือติวให้อย่างเพื่อนคนอื่นๆ ได้ พอเธอได้เป็นพี่รหัสทั้งที่ตั้งใจไว้อย่างดีว่าจะเป็นพี่ที่ประเสริฐดูแลน้องอย่างดีอย่างที่เคยอยากได้ พ่อเจ้าประคุณน้องรหัสก็ดันเป็นเด็กหัวไม้ วัยฮอร์โมนยกพวกตี และไม่เคยตามหาเธอในฐานะพี่รหัสสักครั้ง ลิปสาค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าเด็กนั่นสามารถเรียนจนจบ ม.หก ได้จริง จนป่านนี้เขาก็คงยังไม่รู้อยู่ดีว่าพี่รหัสเป็นใคร!

ไหนจะความ ‘พาซวย’ ของเธอที่ชอบใครคนนั้นก็เดือดร้อน นักร้องวงโปรดที่เพื่อนกรี๊ดกันมาสี่ห้าปี พอเธอหันไปกรี๊ดด้วยหน่อยก็…วงแตก แยกทางกันขึ้นมาเฉย และเมน ของเธอดันเป็นคนเดียวที่เงียบหายไปจากวงการบันเทิงนับแต่บัดนั้น ไหนจะร้านโปรดที่เธอชอบเข้าก็ล้วนทยอยเจ๊งกันระนาวไปจนหมด

ลิปสาเคยสงสัยว่าบรรดาความซวยรอบตัวแบบไม่เกี่ยงปีชงไม่ชงของเธอเกิดจากอะไร กระทั่งวันนี้ที่ ‘คุณชาลินี’ ผู้เป็นมารดาดั้นด้นพาเธอไปดูดวงไกลถึงพิษณุโลก ซินแสชราท่านนั้นก็ฟันธงคำตอบออกมาเสียงดังฟังชัดจนเธอกับแม่ผงะ

“เทพีแห่งหายนะ!”

“คะ?! ดวงหนูตก เทพีแห่งหายนะครอบงำเหรอ!” หญิงสาวร้องเสียงหลง ทว่าซินแสกลับเอ่ยแย้งอย่างมั่นใจ

“ไม่ใช่ ลื้อน่ะเป็นเทพีแห่งหายนะชัดๆ!”

“ฮะ?!” สองแม่ลูกประสานเสียงกัน โดยเฉพาะ ‘เทพีแห่งหายนะ’ ที่หน้าเสียไปแล้ว

“แต่ตั้งแต่ยายรักแรกเกิดมา ชีวิตฉันกับสามีก็รุ่งเอาๆ นะคะ” คุณชาลินีรีบแย้ง

ลูกสาวสุดที่รักของท่านจะเป็นเทพีแห่งหายนะได้ยังไงกัน ในเมื่อลิปสาเกิดได้ไม่นานพวกท่านก็ถูกรางวัลที่ห้าถึงสิบใบ (ไม่นับใต้ดินอีกต่างหาก) จนผ่อนบ้านผ่อนรถได้เกือบหมด ขนาดช่วงฟองสบู่แตกแม้ครอบครัวจะได้รับผลกระทบอยู่บ้างแต่ก็ไม่ลำบากเท่าคนอื่น

สำหรับพวกท่านลูกสาวคนนี้เป็นตัวนำโชคด้วยซ้ำ

ริ้วความโกรธเริ่มแล่นขึ้นในอกของคุณชาลินี

ไม่แม่น! อย่างนี้คงไม่แม่นแล้วแหละ เฮอะ!

ก่อนจะได้โกรธจนฉุดมือลูกสะบัดหน้าจากไป ซินแสหมิงก็ส่ายหัวปฏิเสธอีกครั้ง

“ไม่ใช่ อีไม่ใช่ตัวหายนะของพวกลื้อ ถือเป็นลูกนำโชคด้วยซ้ำไป”

โอเค แบบนี้ค่อยคุยกันได้หน่อย

คุณชาลินีผ่อนลมหายใจ ผงกหัวรับด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น รีบถามต่อ

“แล้วมันหมายความว่ายังไงคะซินแส”

“ก็…เฮ้อ! ดวงอีน่ะยิ่งโตก็ยิ่งสร้างความหายนะให้กับตัวเอง แล้วก็…รอบข้างนิดหน่อย” ท้ายประโยคซินแสงึมงำ เหลือบมองคนที่ช็อกไปแล้วตั้งแต่ถูกฟันธงว่าเป็น ‘เทพีแห่งหายนะ’ “ลื้อน่ะ…เข้าร้านไหนร้านนั้นก็เจ๊ง ชอบใครเขาก็ซวยใช่รึเปล่า”

ลิปสารีบสะบัดหน้ากลับไปสบตาแม่ กลืนน้ำลายลงคอ

ถึงจะไม่ใช่ทุกร้าน แต่…พอคิดถึงร้านกาแฟ ร้านเช่าหนังสือ รวมถึงร้านอาหารอีกหลายร้านรอบมหาวิทยาลัยซึ่งล้วนแต่เป็นร้านโปรดของเธอทยอยกันปิดตัวลงในระยะเวลาไม่ถึงปีทั้งที่บางร้านเปิดมานานจนอายุเกือบเท่ามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ และไหนจะบรรดาศิลปินนักร้องที่เธอชอบ จากตอนแรกที่ดังอยู่ดีๆ ถ้าไม่วงแตกไปซะก่อน ก็กลายเป็นโดนกระแสแอนตี้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น ลิปสาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

สรุปว่า…เป็นเพราะเธอจริงๆ ด้วยสินะ

ว่าแต่ยายปิ๊งนี่มันเป็นลูกหลานของซินแสรึเปล่า นี่เริ่มคุ้นๆ แล้วว่าเพื่อนเคยแซะเธอว่าเป็น ‘เทพีแห่งหายนะ’ ไปที่ไหนร้านก็เจ๊ง ชอบใครเขาก็ซวยหมด

“จริงๆ ลื้อน่ะเป็นคนพื้นฐานดวงดีมากเลยนา สังเกตสิอะไรๆ ในชีวิตก็ดี พ่อแม่ดี ฐานะดี สมองก็ดี…”

ตอนแรกลิปสาอยากจะค้านเรื่องสมองดีว่าเธอไม่ได้เรียนเก่งอะไร แต่พอคิดถึงเกรดเฉลี่ยสามกว่าๆ ที่ได้มาทั้งที่เรียนอย่างขี้เกียจสุดๆ หญิงสาวก็ตัดสินใจเงียบฟังต่อ

“เพื่อนฝูงคนรอบข้างถึงลื้อจะมีน้อยไปหน่อยแต่ที่มีก็ดีมาก แถมไปไหนมาไหนก็ไม่มีใครเกลียดด้วยไม่ใช่เหรอ”

เจ้าของดวงคิดตามแล้วพยักหน้าหงึกหงัก

ใช่ นับไปนับมาก็คล้ายจะเป็นว่าเธอมีเพื่อนรักที่ไปไหนมาได้ พูดคุยกันได้ทุกเรื่องแค่คนเดียวคือ ‘ปรียาวตี’ กระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยถึงได้มาสนิทกับ ‘หฤทชนัน’ น้องรหัสสุดน่ารักซึ่งกำลังจะเรียนจบในอีกไม่กี่เดือนนี้ แถมตั้งแต่เล็กจนโตไม่ว่าเพื่อนรอบตัวจะแตกหัก ทะเลาะกันเละเทะกี่กลุ่มกี่ก้อนจนเกลียดขี้หน้ากันยังไง แต่ลิปสามักจะได้อยู่ในเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ คือไม่ทะเลาะกับใคร ไม่เกลียดกับใคร สามารถคุยได้ทุกคน จนบางครั้งเธอยังนึกค่อนตัวเองว่าเหมือนนกสองหัว

“ที่อาภัพจริงๆ น่ะคือไม่ค่อยมีโชคกับเรื่องความรัก…”

“อาภัพรักเหรอคะ!” หญิงสาวหูผึ่ง

ถึงจะวางแผนไว้แล้วว่าถ้าอนาคตเธอหาสามีที่ดีถึงครึ่งของบิดาไม่ได้จริงๆ จะยอมขึ้นคาน แต่ดีร้ายอย่างไรสำหรับสาวช่างฝันที่หมกมุ่นอยู่กับนิยายและละครโทรทัศน์มาทั้งชีวิตอย่างเธอก็ต้องใฝ่ฝันถึงความรักฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งแบบที่เคยดู เคยอ่าน หรือกระทั่งเห็นในชีวิตจริงอย่างคู่บุพการีอยู่บ้าง

แต่เมื่อกี้…ซินแสบอกเธออาภัพเนื้อคู่ งั้นก็หมายความว่า…

ฮือออ เหมือน~~ เหมือนที่รักกก ที่เราจำต้องพรากจากคลาดโอกาสเจอกันมาหลายครั้งหลายหนนี่เพราะเราอาภัพเนื้อคู่นี่เอง โฮ~

ลิปสาพร่ำเพ้อในใจ และถึงแม้เธอจะคิดมาตลอดว่าตัวเองค่อนข้างเก็บสีหน้าและความรู้สึกเก่ง แต่ในความเป็นจริงปรียาวตีเคยตีแสกหน้าไว้ว่า ‘อย่ามโนไปแบบนั้นดิรักแรก ความจริงหน้ารักแรกโคตรอ่านง่ายเลย คิดอะไรก็แสดงออกมาหมดอ่ะ’ เลยไม่แปลกที่ซินแสและมารดาจะมองออกว่าข้างในเธอคิดไปไกลมากขนาดไหน

โดยไม่ได้นัดหมาย ทั้งคู่ถอนหายใจและละสายตาไปจากเธอ ครู่หนึ่งซินแสจึงได้กระแอมและเปิดปากพูดอีกครั้ง

“ใช่…เรื่องความรัก…จากพื้นฐานดวงของลื้อแล้ว มีเกณฑ์หย่าร้าง แต่งงานสองหน”

ใจคนฟังหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม สำหรับหญิงสาวผู้ถูกปลูกฝังให้เชื่อมั่นในศรัทธาแห่งรักแรก รักเดียว จนแอบตั้งปณิธานไว้ว่าถ้าเธอมีความรัก…นั่นจะต้องเป็นรักครั้งแรกและครั้งเดียว เป็นคนเดียวกับที่เธอจะแต่งงานด้วย เหมือนที่แม่ได้เจอกับพ่อ ลิปสารู้สึกว่าเรื่องหย่าร้างและแต่งงานสองหนสร้างความสะเทือนใจให้เธอได้มากกว่าเทพีแห่งหายนะอะไรนั่นเสียอีก

คุณชาลินีถอนหายใจอีกครั้ง ลูบผมปลอบโยนลูกสาวอย่างสงสาร

“มีทางแก้มั้ยคะซินแส” ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการดูดวงและเรื่องไสยศาสตร์มายาวนานกว่าครึ่งชีวิต คุณชาลินีค่อนข้างเชื่อว่า (เกือบ) ทุกปัญหาสามารถแก้เคล็ดสะเดาะเคราะห์ได้

“มีทางเดียวเท่านั้น” ซินแสหมิงที่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับกระดาษซึ่งจดวันเดือนปีเกิดของลิปสาทำท่านับนิ้วอยู่นานก่อนเงยหน้าขึ้นมามองด้วยแววตาเวทนานิดๆ “ลื้อต้องตามหาคนที่ผูกกรรมกับลื้อมา แล้วชดใช้กรรมกับอีซะ”

“เจ้ากรรมนายเวรเหรอคะ” แม้ซินแสหมิงจะเรียกว่า ‘คนที่ผูกกรรมกันมา’ ทว่าลิปสาฟังอย่างไรก็ตีความได้ว่า ‘เจ้ากรรมนายเวร’ ทั้งที่บอกตัวเองว่าเธอไม่ได้เชื่อถือเรื่องหมอดูหมอเดามากนัก แต่ก็อดถามต่อไม่ได้ “แล้วหนูจะรู้ได้ไงคะว่าคนไหนคือเจ้ากรรมนายเวรที่ตามหา แล้วเขาเป็นคนหรือผีคะเนี่ย แล้ว…แล้วถ้าเขาขอชีวิตหนู หนูจะทำยังไง!”

แม้จะเห็นชัดถึงความตระหนกเกินพอดีของหญิงสาวรุ่นหลาน หากซินแสที่พูดไทยชัดทุกคำแต่ชอบใช้คำปนจีนอย่าง ‘อั๊ว’ กับ ‘ลื้อ’ ยังคงยิ้มให้ ปลอบโยนด้วยน้ำเสียงเปี่ยมเมตตา

“ใจเย็นๆ ดูจากเกณฑ์ดวงชะตาของลื้อแล้ว…คงได้เจอกับอีในเร็วๆ นี้แหละ ส่วนที่ว่าจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นใคร…” ซินแสชราผู้ไม่ได้รับดูดวงให้คนทั่วไป แต่เลือกรับเฉพาะคนที่มีวาสนาสมพงศ์กันมองตากลมใสนิ่งอยู่อึดใจก็คว้ากล่องไม้ใบหนึ่งออกมาเปิด หยิบสร้อยข้อมือเงินเส้นเล็กห้อยตุ้งติ้งรูปพระจันทร์เสี้ยวกับกระพรวนลูกเล็กออกมายื่นให้ “…ถ้าลื้อได้เจออีเมื่อไหร่ กระพรวนลูกนี้จะส่งเสียงบอกให้ลื้อได้รู้เอง”

 

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in LOVE

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com