LOVE
ทดลองอ่าน วิวาห์ส่วนบุคคล บทที่ 6 – บทที่ 7
บทที่ 6 ติ่งโป๊ะแตก!
แม้ภาพข่าวที่ออกอากาศไปจะดูน่ากลัวมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วสภาพร่างกายของผู้ประสบอุบัติเหตุอย่างมนายุกลับไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงอย่างที่หลายๆ คนคาดการณ์ นอกจากบาดแผลจากเศษกระจกบาด รอยช้ำบนแผงอก และเอ็นข้อเท้าขวาอักเสบแล้ว หลังผ่านการเอ็กซเรย์ก็พบว่าทั้งสมองและอวัยวะภายในของชายหนุ่มยังปกติดี ไม่ได้รับความเสียหายอย่างที่กังวลในทีแรก ส่วนที่สลบไปนั้นแพทย์วินิจฉัยว่าอาจจะเกิดจากความตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประกอบกับช่วงที่ผ่านมาพระเอกหนุ่มโหมถ่ายละครจนพักผ่อนน้อย
ดังนั้นหลังรับการรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลเดิมได้สองวันคุณมัทนาก็ทำเรื่องย้ายลูกชายกลับมารักษาต่อในโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ แม้พระเอกหน้าหวานจะยืนยันว่าเขาปกติดีแล้ว หากยังต้องนอนโรงพยาบาลอีกสามวันกว่ามารดาจะแน่ใจว่าเขาปลอดภัยจริงๆ และอนุญาตให้กลับมาพักฟื้นที่คอนโดฯ ได้
ส่วนเรื่องข่าว…เพียงแค่ฟื้นได้วันเดียวมนายุก็ต้องเปิดห้องพักฟื้นให้นักข่าวของช่องที่เขาสังกัดมาสัมภาษณ์ พระเอกหนุ่มเล่าเหตุการณ์ไปตามจริง ทั้งยังกล่าวติดตลกว่าบางทีที่เขารอดตายจากการโดนไฟคลอกมาได้อาจจะเพราะบุญกุศลที่ได้รับจากการยอมหักรถลงข้างทางเพื่อไม่ให้ทับงูตัวดังกล่าวตาย
“อ่ะ เหมือน”
คุณมัทนายื่นกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าแผ่นเล็กไปตรงหน้าลูกชาย หนุ่มหน้าหวานซึ่งนั่งเคี้ยวแอปเปิ้ลไปพลาง ดูละครของเขาซึ่งถูกนำกลับมารีรันช่วงบ่ายไปพลางเงยหน้าขึ้นมองแม่ตาปริบๆ
“อะไรฮะแม่”
“ก็นามบัตรเจ้าสาวลูกไง แม่หาเจอแล้ว นี่ถ้าแม่ไม่เผลอทำมือถือตกน้ำไปก็คงเอาเบอร์ให้เหมือนได้นานแล้ว” คุณมัทนาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยังนึกเสียดายสมาร์ตโฟนราคาแพงที่ลูกชายซื้อให้ซึ่งท่านเผลอทำหล่นแม่น้ำตอนไปทำบุญปล่อยนกปล่อยปลาสะเดาะเคราะห์ให้ลูก
“ฮะ?!” คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนสบายใจเฉิบเด้งตัวลุกขึ้น ขยับตัวจนพื้นที่บนเดย์เบดสีควันบุหรี่เหลือพอให้มารดานั่ง
“อย่าทำเป็นงง เหมือนจำไม่ได้รึไงที่แม่บอกว่าคนที่ช่วยลูกไว้ก็คือหนูรักแรก…ว่าที่เจ้าสาวสะเดาะเคราะห์ของลูกน่ะ”
มนายุกลอกตา ก่อนนิ่งไปขณะใช้ความคิด
ใช่ว่าเขาจะจำไม่ได้ เพราะตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาพอมารดามั่นใจว่าเขาปลอดภัยแน่ๆ แล้วก็พร่ำพูดไม่หยุดว่าหนูรักแรก ผู้หญิงชื่อแปลกคนนั้นจะต้องเป็นเจ้าสาวสะเดาะเคราะห์ที่จะมาเสริมดวงช่วยให้เขาผ่านเคราะห์เบญจเพสไปได้จริงๆ เพราะขนาดวันนั้นเธอยังเป็นคนช่วยเขาเลย
‘โลกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญ มีแต่พรหมลิขิต…’
มารดาของเขากล่าวไว้แบบนั้น
ดังนั้นจึงไม่มีทางเลยที่เขาจะลืมเธอได้ ชายหนุ่มพยายามรื้อค้นความทรงจำเกี่ยวกับ ‘เธอ’ ขึ้นมาให้ได้มากที่สุด
แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเอฟเฟ็กต์จากอุบัติเหตุหรือเพราะตอนนั้นเขาตกใจเกินไปกันแน่ มนายุถึงได้นึกใบหน้า ‘ว่าที่เจ้าสาว’ ของเขาไม่ออก จำได้เพียงความตื่นตระหนกในดวงตากลม สัมผัสแผ่วเบาที่ท่อนแขน และน้ำเสียงที่ปะปนระหว่างความตกใจกับห่วงใยเข้มข้น
อ้อใช่ เหมือนเขาจะจำอ้อมกอดของเธอได้รางๆ และคล้ายๆ จะได้ยินเสียงกระพรวนอะไรสักอย่างด้วย
ชายหนุ่มเดาะลิ้นเป็นจังหวะอย่างที่เขามักจะทำเสมอยามที่หมกมุ่นกับการคิดอะไรจริงจัง
เขาจำเธอได้ ทั้งยังรู้สึกขอบคุณเธอกับเพื่อน และไม่ปฏิเสธว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้…เขา ‘ประทับใจ’ เธอจริงๆ
หากนั่นก็ยังไม่มากพอ…ที่เขาจะยอมแต่งงานกับผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งเพื่อใช้เธอสะเดาะเคราะห์ผ่านเบญจเพสนี้ไป…นี่ยังไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องที่ผู้หญิงดีๆ ปกติๆ ที่ไหนจะยอมแต่งงานด้วยเหตุผลปัญญาอ่อนแบบนี้กัน
แต่เอาเถอะ…
มนายุพ่นลมหายใจ คว้าแอปเปิ้ลอีกชิ้นมายัดเข้าปาก เด้งตัวลุกขึ้นยืนจนมารดาตกใจ
“นั่นจะไปไหนน่ะเหมือน”
ลูกชายคนเดียวโบกกระดาษแผ่นเล็กไปมา พูดทั้งที่ยังเคี้ยวแอปเปิ้ลอยู่ในปากจนคุณมัทนามั่นใจว่าหากไม่ใช่แม่ที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กอย่างท่านคงต้องใช้เวลาอีกครู่หนึ่งกว่าจะแกะประโยคที่ถอดความว่า ‘ก็จะไปขอบคุณเธอไงครับ’ ออกมาได้
“เหมือนนะเหมือน เคี้ยวให้หมดก่อนค่อยพูดก็ไม่ได้” คุณแม่ยังสวยบ่นไม่จริงจังนัก มองร่างสูงที่เดินเขยกกลับห้องส่วนตัวไปด้วยรอยยิ้ม ขณะที่มนายุเอง…ก็ล้วงเอาสมาร์ตโฟนออกจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดจิ้มตัวเลขลงไป
เปล่า เขาไม่ได้กดเบอร์โทรศัพท์เพื่อโทรออก แต่เพื่อบันทึกไว้ต่างหาก
“เยส!”
ชายหนุ่มร้องเบาๆ เมื่อเข้าสู่แอพพลิเคชั่นไลน์แล้วพบว่าชื่อ ‘หนูรักแรก’ ถูกเพิ่มขึ้นมาในรายชื่อเพื่อนโดยอัตโนมัติ นั่นหมายความว่าเธอไม่ได้ตั้งไพรเวตเอาไว้ ทว่าพอเห็นรูปโพรไฟล์ของเธอ คนที่ตั้งใจจะแอบส่องดูผู้มีพระคุณพ่วงด้วยตำแหน่งว่าที่เจ้าสาวสะเดาะเคราะห์ก็ต้องร้องเบาๆ อีกหนด้วยอารมณ์ที่แตกต่างจากทีแรก
“โห่”
มนายุส่ายหัวเซ็งๆ เมื่อพบว่าใบหน้าบนโพรไฟล์ของเธอช่างคุ้นตาเขาเหลือเกิน คุ้นเหมือนเห็นบ่อยๆ เวลาส่องกระจก
หนูรักแรกของแม่ใช้รูปเขาเป็นรูปโพรไฟล์!
หนุ่มหน้าหวานชะงัก ริมฝีปากกระตุกเป็นรอยยิ้มเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ขณะเคาะโทรศัพท์กับฝ่ามือเบาๆ
แบบนี้แปลว่า…เธอเป็น ‘ติ่ง’ เขางั้นเหรอ
และข้อสันนิษฐานของเขาก็ยิ่งหนักแน่นมากขึ้น เมื่อเหลือบตามองสเตตัสไลน์ของเธอ…
ลิปสามีนิสัยอย่างหนึ่งที่ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี นั่นคือเวลาเศร้าเสียใจหรือกังวลเธอจะรู้สึกแบบสุดทาง แต่เมื่อเวลาผ่านไป…เธอก็จะค่อยๆ ลืมความรู้สึกเหล่านั้นจนเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น เช่นเดียวกับความกลัวและความรู้สึกผิดตอนเกิดอุบัติเหตุกับมนายุ เธอโทษว่าอาจจะเป็นเพราะการที่เธอชอบเขามาก ชอบมานานหลายปีพอพลังเทพีแห่งหายนะทำงานทีก็เลยรุนแรงจนพระเอกหนุ่มเกือบเอาชีวิตไม่รอด ทว่าหลังจากได้รับการปลอบใจจากเพื่อนรักและได้ผ่านวันเวลาไปนานนับสัปดาห์เธอก็เลิกคิด เลิกกังวลว่าตัวเองเป็นหายนะต่อพระเอกคนโปรด และกลับมาติ่งมนายุโดยไม่คิดอะไรมากเหมือนเดิม
ในช่วงเวลาทำงานลิปสาจะเปิดโปรแกรมไลน์ในคอมพิวเตอร์ไว้ตลอดเผื่อว่าบรรดาเพื่อนร่วมงานจะติดต่อหรือแจ้งอะไรมา กระนั้นเธอก็ไม่ค่อยได้สนใจมากนักเวลาแถบสีส้มเด้งกะพริบเป็นการเตือนว่ามีข้อความใหม่ โดยเฉพาะวันนี้ที่เธอต้องหัวหมุนแต่เช้าเมื่อพบว่านักเขียนไม่ได้ส่งไฟล์รีเช็กต้นฉบับกลับมาตามกำหนด ทั้งๆ ที่ตามแผนวันนี้ต้นฉบับเรื่องกล่าวจะต้องเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์อักษรแล้ว แถมที่ร้ายแรงที่สุดก็คือติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้เลยด้วย!
ดังนั้นกว่าจะเคลียร์เรื่องปวดหัวจนจบและเห็นว่ามีห้องแชตไลน์เพิ่มขึ้นมาพร้อมกับเพื่อนใหม่ก็เป็นตอนที่เธอเซ็งๆ เบื่อๆ ไล่ดูข้อความในไลน์ระหว่างรอละครมา
แน่นอนว่ามันคือละครเรื่องล่าสุดของมนายุ
หืม? Asawa.Muen?
แม้รูปโพรไฟล์อีกฝ่ายจะไม่ค่อยชัด ด้วยเป็นเงาสลัวแบบอาร์ตๆ อย่างที่ลิปสาไม่เข้าใจ หากชื่อที่ปรากฏกลับทำให้หัวใจซึ่งเต้นแบบเหนื่อยๆ เซ็งๆ ปนเครียดมาทั้งวันประหนึ่งจังหวะธรณีกันแสงก็เปลี่ยนมาเป็นจังหวะดนตรีประกาศรางวัลออสการ์
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอลุ้นให้เป็นเขา!
Asawa.Muen : ขอบคุณครับ สำหรับความช่วยเหลือในวันนั้น
Asawa.Muen : อ้อ ดูเหมือนผมจะลืมแนะนำตัวเนอะ
Asawa.Muen : หวัดดีฮะ ผมเหมือนเองนะ
Asawa.Muen : เหมือนเดียวกับบนโพรไฟล์เธอนั่นแหละ 😛
และเมื่อเห็นชัดแล้วว่าเป็นเขาแน่ๆ หัวใจเธอก็เปลี่ยนจังหวะการเต้นอีกครั้ง คราวนี้ลิปสาไม่แน่ใจว่ามันเป็นจังหวะอะไร รู้แค่ว่าในความพร่าเลือนนั้นสิ่งแรกที่เธอกลัวคือกลัวหัวใจหลุดทะลุซี่โครง ผิวหนัง และเสื้อผ้าออกมากองข้างนอก!
ฮือออ เต้นแรงเกินไปแล้ววว
หญิงสาวกัดริมฝีปาก บรรยากาศตึงเครียดตลอดทั้งวันเหมือนมีเมฆฝนดำทะมึนลอยตามอยู่เหนือศีรษะแปรเปลี่ยนเป็นสดใสราวแดดแรกหลังฝนหยุด ละอองอ่อนดูอบอุ่นและสว่างในแบบที่ดวงตารับได้ แถมยังมีสายรุ้งพาดผ่านแทนที่เจ้าเมฆดำน่ารังเกียจนั่น เธอเคาะปลายนิ้วลงกับขอบโทรศัพท์ ตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าควรจะตอบเขาไปว่ายังไง
ด้วยความสัตย์จริง นับตั้งแต่วันที่ให้นามบัตรไปกับคุณมัทนาและรู้จากข่าวว่ามนายุปลอดภัยดีแล้ว ลิปสาก็อดไม่ได้ที่จะลุ้นและรอคอยให้ฝั่งเขาติดต่อกลับมา คิดไว้เสร็จสรรพด้วยว่าจะตอบว่าอย่างไรดี แต่พอผ่านวันแล้ววันเล่าไปอย่างเงียบเชียบ แถมเธอเองก็หัวหมุนอยู่กับการรีไรต์ต้นฉบับที่เป็นนิยายชุดซึ่งตัวละครมีความต่อเนื่องสอดคล้องกัน หญิงสาวก็ยุ่งจนลืมไปเสียสนิท
แล้วนี่อะไร ในวันที่เธอเลิกรอแล้ว ลืมประโยคที่คิดไว้ไปจนหมดแล้วด้วย เขากลับส่งคำขอบคุณมาซะงั้น!
ด้วยความตื่นเต้นและทำอะไรไม่ถูกลิปสาจึงตัดสินใจแคปคำขอบคุณจากสามีมโนส่งให้เพื่อนรักอย่างปรียาวตีดูเพราะหวังปรึกษาทันที
Lipsaa : ฮือออ ปิ๊ง! ปิ๊งดูนี่ ดูๆๆ
ดูเหมือนเพื่อนสนิทของเธอจะเล่นโทรศัพท์อยู่ก่อนแล้ว เพราะยังไม่ทันที่ปลายนิ้วจะรัวข้อความไปตามใจนึกได้ทั้งหมด ปรียาวตีก็ตอบกลับมา
Preeyavaty : หืมมม เหมือนบนโพรไฟล์รักแรกนี่…อย่าบอกนะว่า…
Lipsaa : อือออ ช่ายยย รักว่าเหมือนนั้นแหละ ปิ๊ง…ทำไงดีๆ รักควรตอบเขาว่าไงดี
หลังจากกรีดร้องกันอยู่พักนึงลิปสาก็ได้ข้อความที่เธอจะส่งกลับไปหาสามีมโนของตัวเองว่า…
หนูรักแรก : ไม่เป็นไรค่ะ ^^
มนายุมองข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ อันที่จริงก่อนหน้านี้เขาเพิ่งเข้าไปดูในห้องแชตด้วยความสงสัยว่าข้อความถูกส่งไปถึงคู่สนทนารึเปล่าและทันเห็นว่ามันขึ้น Read อยู่เกือบสิบนาทีกว่าจะมีข้อความสั้นๆ ตอบกลับมาแบบนั้น
แค่นี้? สั้นๆ แค่นี้?
พระเอกหนุ่มขมวดคิ้ว ลังเลว่าควรจะพิมพ์ตอบกลับไปเลยไหม เพราะหากเธอยังอยู่ในห้องแชตเดียวกันกับเขาจะต้องเห็นเช่นกันว่าเขาอ่านข้อความแล้วเช่นกัน ทว่าขณะที่ลังเลอยู่นั้นเองข้อความใหม่ก็เด้งตามมา
หนูรักแรก : เอ่อ…เหมือนเป็นยังไงบ้างคะ หมายถึงอาการ…
อ้อ ยังดี ยังมีใจห่วงถามถึงอาการเขาอยู่บ้าง
ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักกับตัวเอง
Asawa.Muen : ก็ดีขึ้นแล้วแหละฮะ ขอโทษด้วยนะที่เพิ่งมาขอบคุณทั้งที่ผ่านมานานมากแล้ว พอดี…คุณแม่เพิ่งหานามบัตรเจอน่ะ
คู่สนทนาเงียบไปอีกเกือบสามนาทีหลังขึ้น Read และมันน่าประหลาดมากที่คนอย่างเขา…นั่งจ้องหน้าจออยู่แบบนั้น ทั้งยังทำเป็นเมินข้อความของเพื่อนรุ่นพี่ในวงการที่เด้งขึ้นมา แต่กลับรอคอยว่าเธอจะตอบกลับมาไหมและตอบกลับมาเมื่อไหร่
หนูรักแรก : อื้อ ไม่เป็นไรค่ะ จริงๆ เราก็ไม่ได้คาดหวังแต่แรกว่าจะได้คุยกับเหมือน…
Asawa.Muen : ทำไมล่ะ ผมดูนิสัยแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ
หนูรักแรก : ไม่ใช่แบบน้านนน ไงดีล่ะ คือเหมือนเลยนะ เหมือนอ่ะ เหมือน มนายุ ใครจะไปกล้าคิดว่าจะได้คุยด้วยจริงๆ
บทสนทนาระหว่างทั้งคู่เริ่มลื่นไหลมากขึ้น ระยะเวลาในการโต้ตอบของหญิงสาวเร็วขึ้นราวกับว่าเธอไม่ต้องเสียเวลาคิดวิเคราะห์หาคำตอบที่เหมาะสม แต่ตอบทันทีเหมือนเวลาคุยกับคนอื่นๆ ทั่วไป รู้ตัวอีกที ‘คนแปลกหน้า’ สองคนก็พูดคุยเรื่องทั่วๆ ไปกันยาวเกือบยี่สิบนาที กระทั่งฝ่ายหญิงเป็นคนเอ่ยปากขอตัวด้วยเหตุผลที่ทำให้มนายุต้องรีบซัก
หนูรักแรก : เฮ้ย! ละครมาแล้ววว เราขอตัวไปดูก่อนนะคะ บายค่ะ
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองจอโทรทัศน์ขนาดหกสิบห้านิ้วที่ถอยมาใหม่เพื่อดูละครของตัวเองโดยเฉพาะ ตอนนี้ข่าวในพระราชสำนักและข่าวบันเทิงจบไปแล้ว ขณะที่เพลงไตเติ้ลละครของเขากำลังฉาย
Asawa.Muen : เดี๋ยวๆ ขออีกคำถาม ละครเรื่องไหน ดูเรื่องผมรึเปล่า เรื่องผมก็มาแล้วนะ
แทนคำตอบ หญิงสาวส่งภาพถ่ายหน้าจอโทรทัศน์ของตัวเองกลับมาและบังเอิญว่าเป็นรูปพร้อมชื่อนามสกุลของเขาพอดี
Asawa.Muen : โอเค แบบนี้ค่อยคุยกันได้หน่อย ขอให้ดูละครให้สนุกนะครับ รับรองว่าคืนนี้ฟินแน่นอน 🙂
ทั้งๆ ที่เพลงประกอบละครจบจนเริ่มฉายย้อนความเดิมตอนที่แล้ว แต่สมาธิของลิปสากลับจดจ่ออยู่แต่หน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นระรัว ปลายฟันขาวกดลงบนกลีบปากล่าง ร้องกรี๊ดในลำคอเบาๆ
ยอมรับตรงๆ เลยว่าเธอจงใจบอกมนายุว่ากำลังจะไปดูละคร แต่ก็ไม่ได้คาดหวังเลยว่าเขาจะรีบถามกลับมาทันทีว่าไปดูละครเรื่องอะไร
“โอ๊ยยย รักแรกพบบบ แกอย่ามโน! อย่ามโนอะไรมากกก เขาก็แค่ชวนดูละครเพิ่มเรตติ้งให้ตัวเองตามปกติเท่านั้นแหละ!”
หญิงสาวเอาโทรศัพท์ในมือเคาะหน้าผาก เรียกสติตัวเองด้วยชื่อเล่นจริงๆ ที่น้อยคนจะรู้ แต่ถึงแบบนั้นหัวใจก็ยังเต้นแรงและริมฝีปากก็ยังหุบยิ้มไม่ได้อยู่ดี เธอรีบแคปหน้าจอบทสนทนาส่งไปกรี๊ดกับเพื่อนสนิทอย่างปรียาวตี ก่อนจะหันไปสนใจเมื่อละครเริ่มฉาย
ลิปสามั่นใจเลยว่า…วันนี้เธอจะดู ‘กลหัวใจ’ ได้สนุกและฟินกว่าที่ผ่านๆ มาแน่นอน!
ไลน์~
“หืม?”
มนายุที่อาศัยช่วงละครโฆษณาเช็กฟีดแบ็กในทวิตเตอร์ผ่านไอแพดคว้าโทรศัพท์ที่มีเสียงแจ้งเตือนขึ้นมาดู ข้อความจาก ‘หนูรักแรก’ ทำให้เขานิ่งค้างไป
หนูรักแรก : กรี๊ดดดดด ปิ๊งงงงง ปิ๊งได้ดูมั้ยๆๆๆ
หนูรักแรก : โอ๊ยยย พระเจ้าาา ซะมีรักหล่อโฮกกก
หนูรักแรก : ฮือออ ทำไมเรื่องนี้หล่อแบบนี้นะ ฉากทำอาหารให้เมียกินตะกี้ กร๊าวใจรักม้ากกก
สมองของพระเอกหนุ่มประมวลผลอยู่พักใหญ่จนจับใจความได้ว่า ‘ซะมี’ น่าจะมาจากคำว่า ‘สามี’ ส่วน ‘ฉากทำอาหารให้เมีย’ น่าจะหมายถึงฉากที่ ‘วิศยะ’ พระเอกเรื่องกลหัวใจทำอาหารให้ ‘นิษญา’ ซึ่งเป็นภรรยากิน และกำลังเป็นที่พูดถึงในทวิตเตอร์จนมีหลายข้อความที่สาวๆ ‘หวีด’ ละครเรื่องนี้ถูกรีทวีตไปเฉียดพันทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านมาไม่ถึงสิบนาที
โอเค…เขาเข้าใจแล้วว่าหนูรักแรกของแม่เขาน่าจะกำลังหวีด ‘คุณยะ’ ที่รับบทโดย… ‘เขา’ อยู่ และจากชื่อ ‘ปิ๊ง’ ที่เธอเรียกคาดว่าหญิงสาวน่าจะทักผิดแชต
มนายุยิ้มขำ ดวงตาของพระเอกหนุ่มเป็นประกายระยับ ไม่คิดเลยว่าจะได้รับฟีดแบ็กโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้
ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังตัดสินใจว่าจะตอบกลับยังไงไม่ให้หนึ่งใน ‘เมียมโน’ ของเขาหน้าแตกยับ อีกฝ่ายที่เห็นข้อความถูกอ่านแล้ว แต่คู่สนทนากลับเงียบไปเฉยๆ ก็รัวข้อความกลับมาอีกครั้ง
หนูรักแรก : ปิ๊ง! อย่าเงียบใส่แบบนี้นะ!
หนูรักแรก : ช่วยสาฯ เพื่อนทำมาหากินบ้าง! ปั่นเรตติ้งให้หน่อย!
หนูรักแรก : เรื่องนี้สนุกด้วย สาฯ รักหล่อโฮกมากกก ฮือออ นี่ว่าหล่อกว่าตัวจริงที่เราเจอกันวันนั้นอีกนะ
หนูรักแรก : ไม่ใช่แค่เหมือนนะที่หล่อ พี่ลิสสาก็สวยยย สวยแบบโคตรสวย ผู้หญิงอะไร สวยซะรักหลงรักแล้วเนี่ยยย
หนูรักแรก : พระ-นางสวยหล่อแบบนี้ บทก็น้ำเน่าแบบโคตรทันสมัย ปิ๊งที่รักเปิดทีวีช่อง 37 ด่วนเลยยย
หนูรักแรก : เร็ว! เดี๋ยวนี้เลย! เบรกสองจะมาแล้ววว
หนูรักแรก : เปิดทีวีเท่านั้นนะปิ๊ง รักไม่แน่ใจว่าถ้าดูออนไลน์จะนับเรตติ้งด้วยรึเปล่าอ่ะ
“ทำไมเงียบแบบนี้เนี่ย หรือว่ากำลังเลือกสติ๊กเกอร์อยู่?”
ลิปสาขมวดคิ้ว ปลายนิ้วยังรัวตัวอักษรอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เธอกำลังพิมพ์ว่า ‘ปิ๊ง อย่าเงียบ’ แต่ยังไม่ทันกดส่ง เสียงแจ้งเตือนดัง ‘ติ๊ง’ พร้อมป็อปอัพจากอีกแอพพลิเคชั่นสำหรับการสนทนาก็เด้งขึ้นบนขอบหน้าจอด้านบนสุด
Preeyavaty : โอ๊ยยย รักแรกกก เป็นไงมั่งๆ
Preeyavaty : หลังรักแรกตอบไปอย่างที่เราคุยกัน เหมือนว่าไงมั่งงง
Preeyavaty : นี่ปิ๊งค่ดเซ็ง ไลน์เป็นไรไม่รู้อ่ะ พอคุยกะรักแรกตะกี้ก็เข้าไม่ได้เลยอ่ะ T^T
ข้อความจากแอพฯ Messenger ที่เด้งรัวๆ ทำเอาหญิงสาวเย็นยะเยือกไปทั้งตัว ต่างกับหัวใจที่เต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง
ถะ…ถ้าปรียาวตีเข้าไลน์ไม่ได้ งั้นทำไมข้อความที่เธอส่งไปถึงขึ้น Read!
ลิปสากลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ สมองที่สับสนวุ่นวายพยายามคิดในแง่ดีว่าไลน์ของเพื่อนอาจจะค้างอยู่ที่หน้าแชตจนขึ้น Read ทั้งหมด
นั่นเป็นเหตุผลที่ดีว่าทำไมปรียาวตีถึงได้อ่านแล้วไม่ตอบ
ฟึ่บ~
ร่างเพรียวแทบสะดุ้งกับเสียงแจ้งเตือนสั้นๆ นั่น ดวงตากลมไหวระริกก้มมองหน้าแชตไลน์ที่ยังส่งค้างอยู่แล้วแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความอับอายยามเลื่อนสายตามองชื่อคู่สนทนาที่เธอละเลยไป
Asawa.Muen
ไม่เท่านั้น เสียงแจ้งเตือนครั้งล่าสุดยังเป็นของคนที่อ่านแล้วไม่ตอบมานาน
Asawa.Muen : ผมว่าเธอน่าจะส่งผิดแชตนะ แต่…
Asawa.Muen : กลหัวใจสนุกจริงๆ นั่นแหละ
Asawa.Muen : …และฉากเมื่อกี้คุณยะก็น่ารักมากจนอิจฉาคุณญาเลยเนอะ 😛
และก่อนที่ ‘คุณยะตัวจริง’ จะพิมพ์อะไรที่ทำให้เธออยากกลั้นใจตายด้วยความอับอายตามมาอีก ปลายนิ้วที่สั่นตามอัตราการเต้นของหัวใจก็รัวข้อความกลับไป
Lipsaa : ขอโทษค่ะ! เราส่งผิดแชต!
ไม่เพียงเท่านั้นหญิงสาวยังรีบเข้าหน้าตั้งค่าไปปิดแจ้งเตือนเฉพาะไลน์ของสามีมโนทันที ราวกับว่าทำแบบนั้นจะลบล้างข้อความทั้งหมดที่เธอพิมพ์ลงไปอย่าง ‘โคตรติ่ง’ และความอับอายทั้งหมดลงได้
ขณะที่อีกด้านหนึ่งนั้นชายหนุ่มผู้ได้รับข้อความมากมายจากการส่งผิดก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ดวงตาพราวระยับด้วยความขบขัน
มนายุส่ายหัว พิมพ์ตอบกลับไปอย่างที่ใจคิด
Asawa.Muen : ผมก็ว่างั้น 🙂
เขาพลันนึกไปถึงสเตตัสไลน์ที่เห็นในหน้าโพรไฟล์ของเธอ อารมณ์อยากแหย่เล่นปะทุขึ้นในอก จนอดไม่ได้ที่จะพิมพ์กลับไปอีกครั้งว่า
Asawa.Muen : ว่าแต่…ปรารถนาที่จะได้จริงๆ เหรอ 😛
หลังส่งข้อความไปแล้วมนายุก็ยังจ้องหน้าแชตอยู่แบบนั้นราวกับกำลังลุ้นว่าคู่สนทนาจะตอบว่าอย่างไร แต่จนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ไม่แม้แต่จะอ่านข้อความ
หัวคิ้วของพระเอกหนุ่มขมวดมุ่น
นี่ไม่ใช่ว่าอายจนบล็อกกันไปแล้วหรอกนะ
ขณะที่กำลังนึกสงสัยปนหงุดหงิดเสียงเพลงไตเติ้ลพร้อมภาพคีย์ซีนของกลหัวใจบนหน้าจอก็เรียกให้มนายุหันกลับไปสนใจละครของตัวเอง ชายหนุ่มพ่นลมหายใจ ตัดสินใจปล่อยวางเพื่อชื่นชมผลงานตัวเองจะได้ไม่เสียชื่อ ‘แฟนคลับอันดับหนึ่งของเหมือน มนายุ’ ตามที่บรรดาแฟนคลับตัวจริงแซว ค่าที่เวลาละครออนแอร์ทีไร…คนที่อินกว่าใครเพื่อนจนต้องทวีตหวีดรัวๆ ทั้งเขินพระเอกและด่าพระเอก เข้าข้างนางเอก โกรธนางเอกก็คือเขาเอง
โดยไม่รู้เลยว่าหลังหญิงสาวพยายามข่มใจไม่ให้เข้าไปอ่านอยู่ได้ไม่กี่นาที ลิปสาก็ทนความรู้สึกยุบยิบในหัวใจซึ่งเกิดจากความอยากรู้อยากเห็นไว้ไม่ไหว แล้วเข้าแชตสนทนาที่ค้างเอาไว้เพื่ออ่านข้อความที่พระเอกคนโปรดทิ้งเอาไว้ได้ทำให้อาการชาปนกระดากอายลามไปทั่วตัวเธออีกครั้งเมื่อลิปสานึกออกว่าตัวเองตั้งสเตตัสไลน์ไว้ว่าอย่างไร
‘มนายุ’ = เป็นที่น่าปรารถนา ‘ลิปสา’ = ปรารถนาที่จะได้ มนายุ+ลิปสา = #ปรารถนาที่จะได้เหมือนค่ะ ♥
เจ้าของชื่อที่มีความหมายว่า ‘ปรารถนาที่จะได้’ สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ มือสั่นเทายกขึ้นกดแก้ไขสเตตัสยาวเหยียดที่แสดงความติ่งออกมาอย่างบ้าคลั่งโดยไม่เคยคิดจะเกรงใจใครมาหลายเดือน กดลบข้อความเก่าทิ้งทั้งๆ ที่สมองยังว่างเปล่า คิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าเธอจะตั้งสเตตัสใหม่ว่าอะไร
อย่างเดียวที่รู้คือต้องรีบเอาข้อความที่เธอไม่เคยอายจนกระทั่งคนที่ชื่อมีความหมายว่า ‘เป็นที่น่าปรารถนา’ คนนั้นเข้ามาเห็นจนหยิบยกขึ้นมาแซวให้ได้เขินอายออก พอทำทุกอย่างเรียบร้อยก็รีบโถมตัวไปคว้า ‘คุณอ้อมกอด’ ตุ๊กตาหมีซึ่งตอนได้รับมาครั้งแรกมีขนสีขาวสะอาดนุ่ม ทว่าวันเวลาเกือบยี่สิบปีทำให้หมีซึ่งในอดีตตัวโตกว่าเธอมอมแมมและขาดวิ่นอยู่หลายจุดเข้ามากอด กดหน้ากรี๊ดกับพุงนุ่มเบาๆ
สวรรค์! ถ้ารู้ว่าจะมีวันนี้ที่มนายุตัวจริงมาเห็นสเตตัสสุดเพ้อนี่ จ้างให้เธอก็ไม่มีวันพิมพ์มันลงไปแน่ๆ!