ทดลองอ่าน วิวาห์ส่วนบุคคล บทที่ 8 – บทที่ 9 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

LOVE

ทดลองอ่าน วิวาห์ส่วนบุคคล บทที่ 8 – บทที่ 9

หน้าที่แล้ว1 of 2

บทที่ 8 ดอกไม้เจ้าสาวกับการเดิมพัน

เวลาที่ย้อนกลับไปคิดถึงวันงานฉลองมงคลสมรสแห่งปีของหฤทชนันกับสามีคนดังทีไร ลิปสาจะอดรู้สึกผิดกับน้องรหัสไม่ได้ทุกที เพราะหลังจากได้ถ่ายรูปคู่กับพระเอกคนโปรด สมองของหญิงสาวก็แทบไม่รับรู้อะไรเลย มัวแต่จดจ่ออยู่กับภาพรอยยิ้มของเขา คำพูดของเขา และสัมผัสแผ่วเบาสั้นๆ นั้น จนละเลยพิธีการบนเวทีที่เหลือจากนั้นไปจนหมด มารู้ตัวอีกที…ก็ตอนถึงช่วงเวลาสำคัญที่สาวโสดทั้งหลายรอคอย

การโยนดอกไม้เจ้าสาว

ว่ากันว่าใครที่ได้ช่อดอกไม้จากเจ้าสาวจะได้เป็นเจ้าสาวผู้เข้าสู่ประตูวิวาห์คนถัดไป จากข่าววิวาห์ของดาราดังหลายๆ คู่มีนักแสดงหญิงคนหนึ่งที่ได้รับช่อดอกไม้เจ้าสาวเกือบทุกงาน สถิติรวมถ้าไม่ใช่สิบช่อก็คงไม่ทิ้งห่างกันนัก แต่ปัจจุบันนอกจากหล่อนจะยังไม่ได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไปแล้ว ยังเลิกรากับแฟนหนุ่มหลายต่อหลายคนหลังจากได้รับดอกไม้ช่อแรก

ดังนั้นลิปสาจึงไม่อินกับความเชื่อที่ว่านั้นนักและเก้อเขินที่จะไปร่วมวงแย่งชิงช่อดอกการ์ดีเนียสีขาวกลิ่นหอมในมือของน้องรหัสด้วย ทว่าสุดท้ายทั้งเธอและปรียาวตีก็ถูกเพื่อนสาวโสดทั้งหลายในโต๊ะฉุดกระชาก รวมถึงสายตาจ้องเขม็งของเจ้าสาวบนเวทีกดดันให้เข้าร่วมการแย่งชิงดอกไม้ครั้งนี้จนได้

อาจเพราะเธอยังโสด นอกจากสามีมโนก็ไม่มีคนรักที่คบหากันจนถึงขั้นจะจูงมือเข้าสู่ประตูวิวาห์ อายุก็ยังน้อย ยังไม่คิดเรื่องสร้างครอบครัว รวมถึงนิสัยเขินอายไม่ชอบเป็นจุดสนใจ ดังนั้นเมื่อรู้ดีว่าในงานแต่งงานที่พรั่งพร้อมไปด้วยคนดังหลากหลายสาขาอาชีพและสื่อมวลชน คนที่ได้ดอกไม้เจ้าสาวซึ่งปกติต้องถูกต้อนขึ้นเวทีไปสัมภาษณ์ความรู้สึกอยู่แล้วคงถูกจับตามองยิ่งกว่างานแต่งครั้งไหนๆ เมื่อประกอบกับใจที่ไม่ได้ปรารถนาช่อดอกไม้นี้มาตั้งแต่แรก ลิปสาจึงเลือกจะไปต่อท้ายอยู่ด้านหลังของกลุ่มสาวโสดที่อยากแต่งงานทั้งหลาย

และกว่าครึ่งนั้นคือดาราสาวสวยทั้งรุ่นใหญ่รุ่นเล็กที่เธอเคยเห็นผ่านสื่อต่างๆ

ก็เหมือนกับงานแต่งอื่นๆ ที่เคยเห็น หฤทชนันซึ่งเอวถูกโอบกอดโดยเจ้าบ่าวหันหลังให้กับห้องจัดเลี้ยง สองแขนชูช่อดอกการ์ดีเนียไว้เหนือศีรษะ ทำท่าจะโยนหลอกๆ ให้บรรดาหญิงสาวทั้งหลายใจหายใจคว่ำ บ้างขยับตัวตามทิศทางของมือเจ้าสาว บ้างกระโดดบนรองเท้าส้นสูงหลายนิ้วของตัวเองอย่างไม่กลัวล้ม ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดวี้ดว้ายกันไปตามประสา กระทั่งแขกเหรื่อที่ไม่ได้เข้ามาร่วมวงด้วยยังส่งเสียงเชียร์ให้คนรู้จักของตัวเองราวกับเป็นการแข่งขันระดับประเทศ

โยนหลอกๆ อยู่หลายครั้งจนใกล้จะโดนด่า หฤทชนันก็ผินหน้ากลับมาหัวเราะเสียงใส ก่อนที่จะอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครตั้งตัวออกแรงโยนช่อการ์ดีเนียในมือให้ลอยลิ่วลงมาเหนือกลุ่มหญิงสาวซึ่งอยากเป็นเจ้าสาวคนถัดไป

ด้วยความที่ลิปสาอยู่ด้านท้ายของกลุ่ม เว้นระยะห่างจากสาวสวยทั้งหลายพอสมควร เธอจึงได้เห็นดอกไม้ช่อสวยซึ่งดูแล้วราคาคงหลายหลักถูกหลายมือแตะผ่านคล้ายอยากดึงไว้เป็นเจ้าของ หลายครั้งอยู่เหมือนกันที่เกือบจะได้ ‘ว่าที่เจ้าสาวคนใหม่’ แต่แล้วการ์ดีเนียช่อนั้นก็ถูกมืออื่นผลักไสแย่งชิงหลุดลอยไปเรื่อย มันกระเด็นกระดอนผ่านมือมานับสิบเหมือนถูกคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง

หญิงสาวไม่รู้ว่าเจ้าดอกไม้ช่อสวยซึ่งเคยได้รับการทะนุถนอมในมือเจ้าสาวนั้นได้รับความกระทบกระเทือนมากมายเพียงไรในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ รู้อีกทีก็คือมีการ์ดีเนียดอกหนึ่งทนทานความรุนแรงชอกช้ำนั้นไม่ไหว ตัดสินใจโบกมือลาเพื่อนพ้องที่ร่วมมัดช่อกันมาตั้งแต่เมื่อคืน ปลิดปลิวลอยมาตามอากาศ

และตกอยู่ในมือของเธอผู้ที่กำลังเอาแขนลงเพราะยื่นรอจนเมื่อยจัด

ลิปสากะพริบตาปริบๆ มองการ์ดีเนียสีขาวที่มีรอยช้ำในมือ ก่อนเสียงฮือฮาจะดังขึ้นเมื่อช่อดอกไม้ที่ถูกแย่งชิงนั้นไปหยุดอยู่ในมือของหญิงสาวคนหนึ่งจากบรรดาสาวสวยทั้งหลาย เจ้าหล่อนทำหน้าเหวอเหมือนไม่คาดคิด พอได้สติก็หันไปสบตากับใครคนหนึ่งแล้วร้องกรี๊ดออกมาดังๆ ก่อนจะถูกเชิญขึ้นเวทีไปสัมภาษณ์ความรู้สึก

เหล่าสาวโสดผู้เข้าสู่สมรภูมิแย่งชิงดอกไม้เจ้าสาวเมื่อครู่นั้น บางคนโห่ร้องด้วยความเซ็ง บางคนตะโกนแซวว่าที่เจ้าสาวคนใหม่ ก่อนจะพากันเดินกลับไปยังโต๊ะของตัวเอง

ลิปสาก็เช่นกัน

แม้จะยังมึนๆ อึนๆ ทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง แต่รีไรเตอร์สาวที่ในมือยังถือการ์ดีเนียหนึ่งดอกก็ก้าวเท้าตามปรียาวตีกลับโต๊ะ ในหูอื้ออึงจนฟังไม่ได้ศัพท์ว่าสาวสวยบนเวทีหรือใครพูดอะไรยังไงบ้าง

ดอกไม้เจ้าสาว

เธอทวนคำอยู่ในใจ

“หืม? นี่รักก็ได้มาเหมือนกันเหรอเนี่ย”

เสียงใครสักคนในโต๊ะดังขึ้น เรียกสายตาของเพื่อนร่วมโต๊ะที่เหลือให้หันมามองดอกไม้สีขาวตัดกับก้านสีเขียวสดในมือเธอ

“ถึงจะไม่ได้มาทั้งช่อ แต่ก็ถือว่าได้ดอกไม้เจ้าสาวมาเหมือนกันนะเนี่ย แล้วแบบนี้…” สายตาหลายคู่เหล่มองเธอ คนพูดทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่ม เอ่ยต่อว่า “จะได้ไปงานแต่งแกเป็นคนถัดไปป้ะวะ”

“ฮึ บ้า” ลิปสาแค่นหัวเราะ รีบปรับอารมณ์ความรู้สึกและโต้ตอบไปตามสัญชาตญาณมากกว่าสติสั่งการ “เจ้าบ่าวยังหาไม่ได้เลยจะให้แต่งกับแมวที่ไหนยะ อ้อ! แต่ถ้าเป็นเหมือนสุดที่รักล่ะก็…ฉันจะเซย์เยสแบบไม่ลังเลเลยนะ แอร๊ยยย”

พอคำพูดหลุดพ้นริมฝีปากคนทั้งโต๊ะที่เป็นเพื่อนร่วมสาขาและชั้นปีซึ่งรู้จักและรู้ซึ้งถึงความติ่งของเธอเป็นอย่างดีก็พากันส่งเสียงโห่ด้วยความเซ็ง มีแค่ปรียาวตีที่หันมามองเธอด้วยสายตาชนิดหนึ่ง

และมันทำให้ลิปสานึกขึ้นได้ว่าเธอเพิ่งเจอกับเหมือนสุดที่รักของเธอไปเมื่อครู่นี้เอง

ด้วยสัญชาตญาณเร้นลับ หญิงสาวแอบกวาดตามองหาสามีมโนของตัวเองอย่างรวดเร็วแบบไม่ได้คาดหวังอะไรนัก เพราะแขกในงานนี้มีเป็นพัน โอกาสที่เธอจะเจอเขาโดยไม่มีหฤทชนันสนับสนุนอย่างเมื่อครู่มีอยู่ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ทว่าหัวใจที่เต้นรัวอยู่ก่อนแล้วก็เร่งจังหวะเพิ่มมากขึ้นจนในหูได้ยินแต่เสียงโครมครามในอก

เพราะเธอดันหันไปเห็นเขาเข้าพอดี!

หญิงสาวกัดริมฝีปาก หลุบตามองการ์ดีเนียในมือซึ่งกำลังถูกบีบปลายก้านแน่นด้วยความตื่นเต้น

ถ้า…ถ้าเธอไม่ได้คิดไปเองล่ะก็ เมื่อกี้นี้ไม่ใช่แค่หันไป ‘เห็น’ เขา แต่เธอได้ ‘สบตา’ กับมนายุด้วย!

พี่รหัสเจ้าสาวเอียงหน้าไปซบบ่าของเพื่อนรักซึ่งนั่งข้างกัน พึมพำทั้งที่ใบหน้าแต้มสีระเรื่อ ดวงตาเหม่อลอยสับสน

“มโน ฉันต้องมโนไปเองแน่ๆ”

ไม่มีทาง…มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เขาจะหันมาสบตาเธอประหนึ่งฉากในละครแบบนั้น!

ไลน์~

เสียงแจ้งเตือนสั้นๆ จากแอพพลิเคชั่นชื่อดังทำให้คนที่ซบบ่าเพื่อนเหลือบตาไปมองกระเป๋าคลัตช์ของตัวเอง ลางสังหรณ์ซึ่งเปี่ยมล้นด้วยแรงมโนทำให้เธอเอื้อมมือสั่นๆ ตามสัญญาณชีพจรระรัวแรงไปเปิดกระเป๋าและคว้าโทรศัพท์ออกมา ในใจแอบลุ้นว่าเขาจะใช่คนที่เธอคิดถึงอยู่รึเปล่า

คนที่…

 

Ch37Thailand

คืนนี้เวลา 23.10 น. มาลุ้นกันต่อว่าใครจะเป็นผู้ชนะในรายการ The Die-Hard Fan ที่มีคำสัญญาหนึ่งข้อของ ‘เจ้าคุณ’ เป็นรางวัล!

 

ลูกโป่งแห่งความหวังซึ่งพองตัวขึ้นด้วยความฟิน ขับเคลื่อนตัวให้ลอยละล่องด้วยแรงมโน พลันถูกเข็มแหลมคมที่ชื่อว่า ‘ความจริง’ เจาะจนแตกดังโพละ แห้งเหี่ยวกลางอากาศและค่อยๆ ร่วงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว

ลิปสาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทิ้งหัวพิงเพื่อนอีกครั้ง

“เฮ้อ! ทำไมต้องมาโปรโมตรายการอะไรตอนนี้เนี่ย! รู้งี้ไม่น่าโหลด’ติ๊กเกอร์มาจนต้องมีไลน์ช่องแบบนี้เลย!” หญิงสาวเข่นเขี้ยวอย่างอดไม่อยู่ ดวงตาเหลือบไปยังทิศทางที่เห็นสามีมโนยืนอยู่เมื่อครู่อีกครั้งอย่างหงอยๆ และยิ่งหงอยเหงาจนแห้งเหี่ยวไม่ต่างจากลูกโป่งสีชมพูในจินตนาการของตัวเอง เพราะตอนนี้บริเวณนั้นไม่มีเงาร่างสูงโดดเด่นของมนายุยืนอยู่อีกต่อไป

เซ็ง! บอกได้ประโยคเดียวว่าเซ็ง! หนัก! มากกก!

 

เพราะไม่อยากให้หฤทชนันต้องลำบากใจหากใครรู้ว่าน้องรหัสคนดีแอบเล่นเส้นให้เธอได้พบเจอกับพระเอกคนโปรด จนคนอื่นๆ อาจไปขอร้องให้หฤทชนันช่วยจัดการให้ตัวเองบ้าง ดังนั้นลิปสากับปรียาวตีจึงตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วว่าตอนอยู่ในงานเลี้ยงจะไม่ปริปากพูดเรื่องที่พวกเธอได้ถ่ายรูปคู่กับมนายุและอาตมัน แต่จะลงรูปและไปปล่อยความฟินกันในโซเชียลมีเดียหลังจบงานเลี้ยง ทำเสมือนว่าบังเอิญดวงดีได้เจอและได้ถ่ายรูปกับพวกเขาโดยไม่มีเส้นสายใดๆ

ใช่ ไม่ใช่แค่พระเอกหน้าหวานคนโปรดที่เธอขอถ่ายรูปด้วย เพราะอย่างไรเสียอาตมันก็เป็นถึงอดีตพระเอกชื่อดังและปัจจุบันยังคงเป็นนักแสดงมากฝีมือ แม้หัวใจจะเต้นระรัวจนสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกตอนอยู่กับมนายุ แต่สติบางส่วนยังสั่งให้เธอและเพื่อนขอถ่ายรูปกับผู้จัดการส่วนตัวของชายหนุ่มมาด้วย

ตลอดระยะเวลาในงานฉลองมงคลสมรสของน้องรหัสลิปสาควบคุมตัวเองอย่างหนักไม่ให้เผลอปริปากระบายความฟินออกมา ซึ่งโชคดีว่าตอนนั้นสมองเธอยังมึนๆ เบลอๆ กับโมเมนต์ที่บังเอิญเก็บเกี่ยวมาได้ ไหนจะการ์ดีเนียหนึ่งดอกจากช่อดอกไม้เจ้าสาวที่ทำให้ถูกรุมแซวอีก สุดท้ายหญิงสาวยังจึงสามารถรักษาความลับมาได้กระทั่งกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ

และสิ่งแรกที่เธอทำหลังจากขึ้นมาถึงห้องพักส่วนตัวไม่ใช่ถอดขนตาปลอม ล้างเครื่องสำอาง หรืออะไรทั้งสิ้น แต่เป็นการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมอัพรูปคู่ลงสู่แอพพลิเคชั่นยอดฮิตที่เชื่อมต่อกับบัญชีสังคมออนไลน์อื่นๆ

เดี๋ยว…

ขณะกำลังจะก๊อปปี้แคปชั่นที่พิมพ์ใส่โน้ตไว้ล่วงหน้าลงอินสตาแกรมมือเรียวก็ชะงัก นิ่งคิดถึงความเหมาะสมและมารยาทอันดีงาม

เธอไปงานแต่งงานของหฤทชนันซึ่งเป็นน้องรหัสคนสนิท ยังไม่ทันจะลงรูปแสดงความยินดีกับบ่าวสาว แต่จะลงรูปหวีดผู้เนี่ยนะ?

อี๋ มารยาทแย่มากอ่ะ!

ลิปสาสะบัดหน้า กลับสู่โฟลเดอร์รูปถ่ายเพื่อหารูปบ่าวสาวมาอัพข้อความแสดงความยินดีให้ทั้งคู่ก่อน ทว่านอกจากภาพถ่ายบรรยากาศภายในงาน ภาพบ่าวสาวที่ถ่ายจากมุมไกลๆ แล้วก็มีเพียงรูปเซลฟี่ของเธอกับหฤทชนัน ไม่มีภาพระหว่างเธอกับคู่บ่าวสาวเลย เพราะจำนวนแขกเหรื่อมากมายนับพันคนทำให้ตอนถ่ายรูปตรงแบ็กดร็อปหน้างานเป็นไปด้วยความรวดเร็วจนเธอไม่ทันยื่นมือถือให้ช่างภาพตรงนั้น ถ้าอยากได้ภาพร่วมกับบ่าวสาวจริงๆ คงต้องรอหฤทชนันส่งมาให้หลังช่างภาพส่งรูปในงานทั้งหมดให้บ่าวสาว

“โอ๊ยยย รักแรกพบนะรักแรกพบ ทำไมแกเป็นคนแบบนี้เนี่ย ไปงานแต่งเขาทั้งทีกลับมีรูปคู่กับผู้ชาย รูปกับบ่าวสาวไม่มีเฉย” หญิงสาวส่ายหัวอย่างนึกระอานิสัยตัวเองที่มักจะโฟกัสแต่สิ่งที่ตนสนใจเป็นหลัก ดังนั้นช่วงที่หฤทชนันลากตัวเธอไปและเป็นโอกาสดีที่จะได้เซลฟี่กับบ่าวสาว เธอก็มัวแต่สนใจมนายุจนน้องรหัสกับสามีต้องไปเตรียมตัวขึ้นเวทีและไม่ได้เจอกันอีกจนจบงาน

“รู้งี้อยู่อาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็ดี จะได้ขอถ่ายรูปกับบ่าวสาวมา” เธอพึมพำไปงั้น เพราะรู้ดีว่าหากย้อนเวลากลับไปได้ก็คงไม่อยู่ร่วมงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ต่อทั้งๆ ที่น้องรหัสเอ่ยชวนแล้วและมีโอกาสจะได้เจอกับศิลปินดาราในระยะประชิดมากกว่าในงานเลี้ยงตอนหัวค่ำ ทว่าด้วยนิสัยของเธอกับปรียาวตีก็เลือกจะทิ้งโอกาสอันดีงามนั้นแล้วขอตัวกลับบ้าน

เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ลิปสาจึงเลือกภาพตรงหน้างานที่มีรูปพรีเว็ดดิ้งบ่าวสาววางซึ่งเธอถ่ายเก็บมาและภาพเซลฟี่คู่กับหฤทชนันอัพลงอินสตาแกรมก่อนเป็นชุดแรก หลังจากทิ้งเวลาไปอาบน้ำสระผมที่แข็งโป๊กเพราะสเปรย์ที่ใช้เซ็ตผมถึงค่อยลงรูปคู่กับมนายุ รวมถึงภาพดอกการ์ดีเนียซึ่งได้มาอย่างงงๆ ว่า

 

‘lipsaa.asawa สิ่งที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในงานจนแทบกรี๊ดดดออกมาดังๆ ก็คือการได้เจอซะมี (มโน) สุดที่ร้ากกก เขาว่าเนื้อคู่มักจะหน้าตาคล้ายๆ กันนี่คงจริง ‘หน้ากลม’ เหมือนกันเล้ย ขนาดวันนี้แต่งหน้าจัดเต็มยังสวยน้อยกว่าสาฯ มโนเลยจย้าาา ว่ากันว่าคนที่ได้ดอกไม้เจ้าสาวจะได้เป็นเจ้าสาวคนถัดไป ถึงนี่จะได้มาแค่ดอกเดียวแต่บอกก่อนเลยว่า…เจอว่าที่เจ้าบ่าวแล้วน้าาา #bhopsiamxharitchananwedding’

 

เดี๋ยว

กระทั่งอัพรูปจนแชร์สู่บัญชีเฟซบุ๊กแล้วนั่นแหละ ลิปสาถึงคิดอะไรขึ้นมาได้

เธอติดแฮชแท็กงานแต่งงานของหฤทชนันในแคปชั่น ทั้งยังไม่ได้ตั้งค่าไพรเวตอินสตาแกรม นั่นหมายความว่าใครก็ตามที่เข้ามาส่องแฮชแท็กนี้จะมีโอกาสได้เห็นรูปพร้อมแคปชั่นของเธอ

ด้วยความสัตย์จริง ก่อนจะได้รู้จักมนายุแบบที่ไม่ใช่การรู้จักฝ่ายเดียว ลิปสาไม่เคยมีปัญหากับการแสดงความติ่งให้ทุกคนบนโลกนี้ได้รู้ แต่เมื่อได้รู้จักแบบที่เขาก็น่าจะรู้จักและจดจำเธอได้บ้าง ยางอายที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ดันเคลือบขึ้นมาบนผิวหน้าซะงั้น

แม้ความเป็นไปได้จะต่ำมาก แต่ถ้าหากเจ้าตัวบังเอิญมาเจอรูปนี้เข้าท่ามกลางรูปนับพันในแฮชแท็ก เธอคงจะต้องอับอายจนหนีออกนอกประเทศแน่ๆ

“แก้แคปชั่นหน่อยดีกว่า”

เพื่อความปลอดภัยของหนังหน้าเธอ ลิปสาตัดสินใจกดแก้ไขแคปชั่นใหม่อีกครั้ง เหลือแค่การแสดงอาการติ่งแต่พองามเท่านั้น

 

‘lipsaa.asawa สิ่งที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในงานจนแทบกรี๊ดดดออกมาดังๆ ก็คือการได้เจอคุณคนนี้ นี่ขนาดวันนี้แต่งหน้าจัดเต็มยังสวยน้อยกว่าเลยจย้าาา แล้วที่ว่ากันว่าคนที่ได้ดอกไม้เจ้าสาวจะได้เป็นเจ้าสาวคนถัดไป ถึงนี่จะได้มาแค่ดอกเดียวแต่บอกก่อนเลยว่า…เจอว่าที่เจ้าบ่าวแล้วน้าาา -.- #bhopsiamxharitchananwedding’

 

“อืม แบบนี้น่าจะโอเคแล้วมั้ง”

ขณะกำลังจะกดเซฟใหม่หญิงสาวพลันนึกขึ้นมาได้ว่าหลังถ่ายรูปเสร็จคนในรูปที่สวยกว่าเธอได้พูดอะไรบางอย่างเอาไว้

‘ถ้าลงไอจีแล้วอย่าลืมแท็กมานะฮะ’

แท็ก…เขา…?

หัวใจหญิงสาวเต้นแรงโลดขึ้นมาอีกครั้ง ลิปสากัดริมฝีปาก ตัดสินใจกดแท็กชื่อในรูปแทนการแท็กชื่อเขาในแคปชั่นตรงๆ เพราะเคยได้ยินว่าสำหรับเหล่าดาราเซเลบที่มีคนแท็กหาเยอะนั้น การแท็กชื่อในรูปมีเปอร์เซ็นต์ในการเห็นสูงกว่า

ก็ไม่รู้จริงเท็จประการใด แต่ลิปสาก็เลือกจะแท็กไอจี ‘manayu.asawa’ ตรงรูปของชายหนุ่ม

“ถ้าเห็นก็คือเห็น ไม่เห็นก็…โอ๊ยยย ช่างมันละกัน!”

 

คงเป็นเพราะว่าคืนนี้เธอเจอเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตอย่างการได้ถ่ายรูปคู่ดีๆ กับมนายุแบบใกล้ชิด ดังนั้นแม้จะปิดไฟไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วลิปสาก็ยังนอนไม่หลับ ได้แต่พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง สุดท้ายก็คว้ามือถือขึ้นมาเล่นแก้เบื่อในความมืด

ไลน์~

เสียงแจ้งเตือนที่คุ้นเคยทำให้หญิงสาวเหลือบตาขึ้นมองป็อปอัพบนสุด ก่อนจะรีบเด้งตัวขึ้นมานั่งพร้อมหัวใจเต้นระรัว ปลายนิ้วสไลด์เข้าสู่แชตก่อนหน้าสติจะยั้งได้ทัน

 

Asawa.Muen : แท็กรูปมารึยังเนี่ย ยังไม่เห็นเลย

 

คนส่งจะเป็นใครได้ ถ้าไม่ใช่ผู้ชายที่ทำให้หัวใจเธอทำงานหนักมาตลอดทั้งคืน

ถ้าสติของเธอกลับมาได้ทันเวลา ลิปสาจะไม่มีทางกดเข้าหน้าแชตให้มันขึ้นว่า ‘Read’ ทันทีแบบนี้เด็ดขาด แต่อย่างที่บอกว่ามือเธอไปไวกว่าสมอง ดังนั้นหลังนิ่งงันหัวใจเต้นแรงกับข้อความจากคู่สนทนาอยู่เกือบหนึ่งนาที อีกฝ่ายก็ส่งมาอีกข้อความว่า

 

Asawa.Muen : อ้าว เอาอีกแล้ว จะอ่านแล้วไม่ตอบอีกแล้วเหรอเนี่ย

 

ลิปสากัดริมฝีปาก มองข้อความบนจออย่างเหม่อลอย

“หรือว่านี่คือความฝันวะ แบบว่าหลับแล้วฝันดี๊ฝันดีงี้ ไม่งั้นคนอย่างเหมือนเนี่ยนะจะทักมาอีก”

ข้อสงสัยดังกล่าวเรียกร้องให้หญิงสาวพิสูจน์ว่าเป็น ‘ความจริง’ หรือ ‘ความฝัน’ ด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด นั่นก็คือตบหน้าตัวเองดังฉาดใหญ่ และความเจ็บบนผิวหน้านุ่มนิ่มพิสูจน์ให้เธอได้รู้…ว่ามันคือความจริง!

เอาเถอะ ไม่ว่ามนายุจะทักเธอมาด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่มันไม่มีเหตุผลที่เธอจะปล่อยโอกาสได้คุยกับพระเอกคนโปรดให้ลอยหายไปอีกครั้ง เชื่อได้เลยว่าถ้าครั้งนี้เธอยัง ‘อ่านแล้วไม่ตอบ’ อีก มันจะไม่มีโอกาสครั้งที่สามแน่ๆ!

 

Lipsaa : แท็กไปแล้วนี่คะ

Asawa.Muen : ไหน ไม่เห็นมีเลย

Lipsaa : เราแท็กไปแล้วจริงๆ นะ

Asawa.Muen : เหรอ ผมไม่เห็นนะ

 

“จะไม่มีได้ยังไง ก็แท็กไปแล้วชัดๆ”

หญิงสาวพึมพำอย่างนึกหงุดหงิด กดเข้าแอพพลิเคชั่นอินสตาแกรม แตะหน้าจอตรงรูปคู่เธอกับเขาจนเห็นแท็กชื่อ manayu.asawa ขึ้นมาก็รีบแคปหน้าจอส่งกลับไป

 

Lipsaa : เนี่ย เห็นมั้ยอ่ะ แท็กแล้วจริงๆ

 

คู่สนทนาเงียบไปอึดใจก็ตอบกลับมาสั้นๆ

 

Asawa.Muen : อือ แท็กมาแล้วจริงๆ ด้วยแฮะ ว่าแต่…

 

“ว่าแต่…?”

คิ้วสวยเลิกขึ้นสูง สายตาเพ่งมองข้อความที่ถูกพิมพ์ทิ้งท้ายไว้ให้สงสัยนั้นพลางคาดเดาอยู่เงียบๆ ว่ามันคือ ‘ว่าแต่…’ อะไร

 

Asawa.Muen : ดอกไม้เจ้าสาวสวยดีนะ 🙂

 

“…”

 

เขาเดิมพันเอาไว้…

ดวงตาคู่โตหรี่มองรูปภาพที่ถูกแคปมาจากอินสตาแกรมอีกทีพลางอมยิ้มจางๆ

เขาพนันกับตัวเองเอาไว้ว่าถ้าหากเธอได้รับดอกไม้เจ้าสาว ซึ่งถ้าพิจารณาจากจำนวนสาวๆ ที่ออกไปรอรับนั้นความเป็นไปได้ค่อนข้างต่ำ แต่…ถ้าเธอรับได้จริงๆ เขาจะสานต่อบทสนทนาที่ถูกทิ้งร้างไว้โดยไม่มีการตอบกลับมานั้นอีกครั้ง

มนายุปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจากคำทำนายที่เขาไม่เชื่อถือนัก แต่มารดาเชื่อมั่นสุดหัวใจ การบังเอิญพบกันในครั้งแรกที่เธอช่วยชีวิตเขาไว้ บทสนทนาซึ่งแรกเริ่มไม่มีอะไร กระทั่งหญิงสาว ‘โก๊ะ’ ส่งข้อความผิดแชตจนทำให้เขาจำเธอได้ขึ้นใจ หลายครั้งที่บังเอิญนึกถึงก็จะอดขำออกมาไม่ได้ทุกที ตลอดจนการได้พบกันอีกครั้งในวันนี้…ทำให้เขาเริ่มสนใจเธอขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และส่วนหนึ่งของหัวใจก็เผลอไหววูบไปกับคำทำนายที่ถูกกรอกหูมาตลอดหลายเดือน

ว่าเธอคือเจ้าสาวของเขา…เจ้าสาวสะเดาะเคราะห์ผู้จะพาเขาผ่านเบญจเพสไปได้อย่างปลอดภัย

แม้ว่าเขาจะเริ่มให้ความสนใจเธอมากกว่าแฟนคลับทั่วไปหรือคนที่บังเอิญเจอกัน แต่อะไรหลายๆ อย่างทำให้มนายุไม่อาจเดินหน้าสานสัมพันธ์อย่างเต็มที่ ส่วนหนึ่งเพราะความตะขิดตะขวงใจในคำทำนายซึ่งมารดาเชื่อมั่นจนคล้ายๆ จะกดดันเขาอยู่กลายๆ นั่น ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจจะปล่อยทุกอย่างให้ผ่านไป แต่โดยลึกๆ เขาก็เชื่อในประโยคที่ว่า

‘คู่แล้วไม่แคล้วกัน’

ถ้าเธอคือคู่ของเขาจริงๆ ไม่ช้าไม่นานโชคชะตาคงเหวี่ยงให้ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง

แล้ววินาทีแรกที่หันไปเจอเธอในงานฉลองมงคลสมรสคืนนี้ก็ทำให้เขาเผลอใจหวั่นไหวขึ้นมาชั่วขณะ จนกระทั่งแอบเดิมพันกับตัวเองในใจตอนเห็นเธอเดินออกไปออหน้าเวทีว่าถ้าเธอได้ดอกไม้เจ้าสาวมา…เขาจะลองเชื่อในความบังเอิญนั้นและคุยกับเธอดูอีกครั้ง

ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี บางทีวันหนึ่งข้างหน้าเธออาจจะกลายมาเป็นเจ้าสาวของเขาจริงๆ โดยที่ไม่เกี่ยวกับดวงชะตาบีบบังคับ

พระเอกหนุ่มไม่แน่ใจว่าผิดหวังหรือโล่งอกกันแน่ยามเห็นว่าผู้ที่ครอบครองดอกไม้เจ้าสาวไม่ใช่เธอ แต่เป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ทว่าขณะที่เขาถอนหายใจออกมา หางตากลับเหลือบไปเห็นกลีบดอกสีขาวละมุนแต้มรอยช้ำในมือขวาของเธอ แล้วรอยยิ้มจางก็ผุดขึ้นบนใบหน้าอย่างไม่รู้ตัว

ปลายนิ้วเรียวยาวแตะรูปซึ่งถูกส่งมาอีกครั้ง ส่ายหัวอย่างนึกขำ

อันที่จริงมนายุเห็นรูปที่เธอแท็กมาแต่แรกแล้ว

เห็น…ตั้งแต่ข้อความยังไม่ถูกแก้ไขด้วยซ้ำ

ถ้าจำไม่ผิด…อืม ดูเหมือนจะมีเรียกเขาว่า… ‘สาฯ มโน’ อะไรทำนองนั้นด้วยแฮะ

จากปฏิกิริยาท่าทางของเธอที่ได้เจอกันวันนี้ จากที่เธอเคยโป๊ะตอนส่งผิดแชตครั้งก่อนนั้น และจากแคปชั่นก่อนถูกแก้ไขทำให้ชายหนุ่มมั่นใจเลยว่าว่าที่เจ้าสาวสะเดาะเคราะห์คนนี้เป็นแฟนคลับของเขาจริงๆ

ชั่ววูบหนึ่งมนายุเผลอตั้งคำถามในใจ

ว่าแต่เธอจะติ่งเขามากพอจะยอมแต่งงานด้วยง่ายๆ รึเปล่านะ

“ไม่สิ ไม่ควรคิดถึงขั้นนั้นมั้ยไอ้เหมือน” พระเอกหนุ่มพึมพำ โคลงศีรษะขับไล่ความคิดที่แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดคงมีส่วนผลักดันให้มันผุดขึ้นมา หันเหความสนใจไปยังข้อความที่ถูกพิมพ์ทิ้งไว้

 

Asawa.Muen : ‘เจ้าบ่าว’ ที่ว่าเจอแล้วนี่ หมายถึง ‘ผม’ รึเปล่า 😛

 

“อืม น่าจะไม่เวิร์กแฮะ”

จากที่เจอกันวันนี้เขาพอดูออกว่าเธอค่อนข้างขี้อายพอตัว ดูอย่างคราวก่อนหลังโก๊ะปล่อยไก่ออกมาก็อ่านแล้วไม่ตอบ เมินแชตเขาไปเลย ถ้าวันนี้ยังแซวไปแบบนี้อีก ดูท่าแฟนคลับคนนี้คงเผ่นหนีอีกตามเคย ดังนั้นเขาเลยลบข้อความเก่าทิ้งแล้วเปลี่ยนเป็นพูดถึงดอกไม้เจ้าสาว สื่อถึงเรื่องเจ้าบ่าวเป็นนัยๆ แทน

และดูเหมือนเธอจะเข้าใจ เพราะหลังขึ้นว่าข้อความถูกอ่านอยู่เกือบสองนาทีหญิงสาวก็พิมพ์ตอบกลับมาสั้นๆ แล้วขอตัวไปนอนพร้อมอวยพรให้เขานอนหลับฝันดีเช่นกัน ซึ่งไม่รอให้เขาตอบกลับ…มนายุคาดเดาว่าเธอคงจะหนีไปนอนทันที

หรือไม่ก็ยังอยู่แหละ แค่ไม่เข้ามาอ่านข้อความเท่านั้น

พระเอกหนุ่มส่ายหัว อดไม่ได้ที่จะกลับไปดูรูปที่ถูกแท็กมาอีกครั้ง และครั้งนี้ก่อนจะเลื่อนปิดไปหางตากลับเห็นอะไรบางอย่างซึ่งตอนแรกเขาไม่ได้สังเกต หัวใจเริ่มเต้นกระหน่ำในจังหวะหนักหน่วงขึ้นยามใช้ปลายนิ้วขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น และยิ่งโหมรัวราวกลองทัพเมื่อเห็นชัดเจน…

ว่ามือซ้ายของเขาซึ่งวางบนไหล่เปลือยเปล่าของเธอ กำไลหยกขาวซึ่งไม่เคยเปลี่ยนสีมาก่อนเลยสักครั้งกระทั่งตอนนี้ที่ยกข้อมือขึ้นดู…ในรูปที่ถ่ายคู่กับเธอมันเปลี่ยนเป็นสีม่วง!

มนายุละสายตาจากโทรศัพท์ไปยังกำไลหยกซึ่งยังคงเป็นสีขาวนวลไม่มีแม้แต่ร่องรอยแห่งการเปลี่ยนสี พึมพำด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

“นี่เปลี่ยนสีได้จริงๆ หรือว่าเป็นที่แสงวะน่ะ”

แต่…แสงอะไรล่ะที่จะเปลี่ยนหยกสีขาวให้กลายเป็นสีม่วงได้

ชายหนุ่มกะพริบตา ลดแขนลงด้วยสีหน้ามึนงง

ทางเดียวที่จะสามารถพิสูจน์ความจริงข้อนี้ได้ คือเขาต้องหาทางไปพบกับเธออีกครั้งแล้วเฝ้าดูว่ากำไลมันเปลี่ยนสีได้จริงๆ หรือนี่เป็นแค่เหตุบังเอิญ

 

แม้มนายุจะไม่ได้เชื่อเรื่องดวงชะตาแบบบ้าคลั่งเหมือนคุณมัทนา แต่เขาก็เถียงไม่ออกว่าหลังจากได้เจอกับ ‘หนูรักแรก’ คนนั้น อุบัติเหตุที่กล้ำกรายชีวิตเขามาหลายเดือนก็แผ่วเบาเจือจางลงไปมาก ยิ่งหลังจากเจอกับเธอในงานแต่งงานของภพสยามพร้อมหลักฐานว่าเธอคือ ‘คนที่ใช่’ ด้วยกำไลข้อมือเปลี่ยนสีในรูปถ่ายซึ่งถูกแท็กมา เขาก็อยู่รอดปลอดภัยดีทุกประการมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว

ตัวเขาเองมองว่าอาจจะเพราะการประสบอุบัติเหตุเฉียดตายเมื่อสองเดือนก่อนเป็นการฟาดเคราะห์ไปแล้ว แต่มารดากลับยังปักใจเชื่ออย่างหนักแน่นว่าเป็นเพราะลิปสาที่เข้ามาเปลี่ยนดวงชะตาของเขาให้ดีขึ้น ทว่าเกือบหนึ่งเดือนมานี้ความกระตือรือร้นเร่งเร้าให้เขารีบแต่งงานสะเดาะเคราะห์ของแม่ไม่ได้เข้มข้นเหมือนช่วงแรก คงเพราะท่านเองเห็นว่าช่วงนี้เขาอยู่ดีมีสุขจนเริ่มคลายกังวล และตัวเขาเองก็เลือกจะเก็บเรื่องที่กำไลเปลี่ยนสีตอนเจอลิปสาเอาไว้ไม่ได้บอกให้ท่านรับรู้เพราะกลัวแม่จะคิดจริงจังไปกันใหญ่

แม้จะรู้สึกว่าลิปสาเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจและเธอมีแนวโน้มจะเป็นผู้หญิงที่สามารถกอบกู้ด้วยชะตาชีวิตเขาได้ แต่มนายุก็ไม่อยากเร่งรีบขอคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานแต่งงานตามคำทำนายของหมอดู ชายหนุ่มวางแผนว่าจะลองคุยกับเธอไปเรื่อยๆ ดูก่อน ถ้าสมมติว่าคลิกกันขึ้นมาจริงๆ ในอนาคตข้างหน้าเธออาจจะกลายเป็นเจ้าสาวตัวจริงของเขาขึ้นมาก็ได้

ไม่เห็นต้องรีบร้อนอะไร

ด้วยอายุและอาชีพมนายุไม่มีทางเห็นด้วยกับมารดาเรื่องการแต่งงานสะเดาะเคราะห์ ว่ากันตรงๆ เขายอมเสี่ยงเจอโชคร้ายหรือเจออุบัติเหตุบ้างดีกว่ารีบแต่งงานด้วยเหตุผลค่อนข้างไร้สาระและไม่มีอะไรยืนยันได้ว่ามันจะเกิดขึ้นจริง

ใช่ มนายุคิดแบบนั้นมาตลอด กระทั่งได้รับโทรศัพท์จากมารดาในช่วงพักกองของสายวันหนึ่ง

น้ำเสียงร้อนรนเจือสะอื้นของคุณมัทนาได้ละลายรอยยิ้มบนใบหน้าและความเชื่อมั่นทั้งหมดของพระเอกหนุ่มไปจนสิ้น

“เหมือน…ฮึก…เหมือน ป๊าประสบอุบัติเหตุ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล!”

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in LOVE

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com