สำนักเหยี่ยนเหมินแห่งเผ่าชิง
พิษมาจากชนกลุ่มน้อยเผ่าหนึ่งที่อยู่นอกชายแดนตะวันตก เป็นทั้งชนเผ่าและเป็นสำนักที่มีร่องรอยเร้นลับบางอย่างซ่อนไว้
หลายชนเผ่าเลี้ยงสัตว์ในชายแดนตะวันตกที่คุ้นเคยกับเขาดีคอยเป็นหูเป็นตาให้ เมื่อข่าวคราวถ่ายทอดมาถึง เขาจึงแกะรอยตามมาถึงภูเขาซวงอิงที่อยู่นอกชายแดน แต่ว่าร่องรอยกลับมาขาดหายไปที่ตรงนี้
แม้ว่าจะกวาดล้างโจรหมดทั้งภูเขาแล้ว ก็ยังไม่อาจล้วงหาข้อมูลใดๆ ออกมาได้
ในสายตาของคนอื่น กองโจรที่นี่เกิดจากการรวมกลุ่มได้สำเร็จของคนในท้องถิ่นผสมกับคนจากแต่ละชนเผ่า แต่เรื่องที่เมิ่งอวิ๋นเจิงต้องการสืบหากลับไม่มีความคืบหน้า ทำให้เขายิ่งสงสัย ราวกับว่ามีใครมาปิดม่านกั้นดวงตาเอาไว้ เบื้องหลังของโจรโฉดกลุ่มนี้ยังมีขุมกำลังอีกกลุ่มหนึ่ง ฝ่ายนั้นหลบซ่อนอย่างมิดชิดมากเสียจนต่อให้จับผู้รอดชีวิตที่ถูกจับกุมมาทรมานเค้นหาความจริง ก็ไม่มีใครยอมบอก
หลังบุกโจมตีผาซวงอิงในวันนั้น เขาก็เดินตามเส้นทางดังเช่นที่วันนี้เดินขึ้นมา และให้คนของนายกองหลี่กับทุกชนเผ่าที่ล่วงหน้ามาช่วยสืบค้นอย่างละเอียดตลอดเส้นทาง
เส้นทางที่ทอดขึ้นไปบนยอดเขาเรียกได้ว่าเลี้ยวลดคดเคี้ยว ทางที่วนขึ้นไปถึงด้านบนนั้นก็ปกติธรรมดาไม่มีสิ่งใดที่ดูน่าแปลก บางครั้งก็พบทางแยกคู่ขนาน บางทีก็พบทางสามแพร่ง ทำให้พวกเขาทั้งขบวนยิ่งสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงทั้งกายและใจ
วันนั้นเขาค้นพบห้องในถ้ำที่ขุดเจาะไว้อย่างมิดชิดมากๆ แห่งหนึ่งบนภูเขาซวงอิงที่มีเส้นทางสลับซับซ้อน
การตกแต่งห้องในถ้ำนั้นเลิศหรูมาก มีฉากที่ทำจากหยกแกะสลัก เตียงยาวที่ทำจากไม้หนานมู่ลายทอง ชั้นเยี่ยม สิ่งที่ห้อยระย้าลงมาเป็นชั้นๆ และมีสีสันงดงามตระการตาก็คือผ้าไหมแท้ ตามด้วยกระถางธูปที่ทำจากงาช้าง ม่านร้อยจากไข่มุก สิ่งของสวยงามหรูหรานานาชนิดปรากฏแก่สายตา รู้สึกว่าของเล่นชิ้นที่ดีที่สุดบนภูเขาซวงอิงล้วนมาเก็บอยู่ที่ห้องถ้ำแห่งนี้
เขาให้ความสนใจกับห้องในถ้ำแห่งนี้เป็นพิเศษ เพราะเมื่อสังเกตดูท่ามกลางความไม่เป็นระเบียบนี้อาจเป็นไปได้ว่าเคยมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นมาก่อน
ก่อนหน้าที่จะมีความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้น เคยมีคนสี่คนอยู่ในห้องถ้ำแห่งนี้มาก่อน
โดยมีคนสองคนหนีออกไปก่อน โดยที่คนหนึ่งพยุงอีกคนหนึ่งไว้
และอีกสองคนที่เหลือก็เป็นคนหนึ่งแบกอีกคนเช่นเดียวกัน
ทั้งสี่คนแบ่งออกเป็นสองคู่ ทั้งสองฝ่ายต่างหนีมุ่งขึ้นไปยังยอดผาอิงจุ่ย
จากนั้นคนทั้งสองคู่ต่างก็ให้คนหนึ่งขี่หลังอีกคน และกระโดดจากหน้าผาลงไปข้างล่าง
ร่องรอยทั้งหมดจึงหายไปเมื่อมาถึงตรงนี้ เขาขบคิดไม่ตกจริงๆ ค้างคาอยู่ในหัวและในใจไปนานหลายเดือน
ระหว่างสี่คนนั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่
เตียงยาวในห้องถ้ำมีรอยเลือด จะเป็นการต่อสู้กันเอง หรือว่ามีใครต้องเอาตัวเข้าเสี่ยงเพื่อแลกกับการหนีเอาตัวรอด
เลือกที่จะกระโดดลงมาจากผาอิงจุ่ยนั้นจำเป็นต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก แต่สี่คนนี้ต่างไม่หวั่นกลัว ยินยอมที่จะกระโดดลงสายน้ำเชี่ยวที่อยู่ห่างลงไปเป็นหมื่นจั้งแทนที่จะยอมติดอยู่ในร่างแหแห่งความยุติธรรม พวกเขาจะไปยังที่ใดได้
‘แม่นางหมดสิ้นหนทางหนี สุดท้ายจึงพาน้องสาวกระโดดลงมาในแม่น้ำเชี่ยว เพื่อที่จะได้หนีลงมาตามสายน้ำใช่หรือไม่’
วันนั้นม้าของเขาลากหญิงสาวสองคนขึ้นมาจากแม่น้ำใต้ภูเขาซวงอิง ตอนนั้นไม่ได้ถามให้ละเอียด พอย้อนนึกดูแล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบมาพากล
‘ใต้เท้า…ช่วยด้วย…’
ผมยาวปรกใบหน้า ทั่วทั้งร่างเปียกปอน เด็กหญิงที่แม่นางคนนั้นกอดไว้ในอ้อมอกเสื้อผ้าปกปิดร่างกายไม่มิด ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหน็บหนาวหรือหวาดกลัว แต่เสียงฟันสั่นกระทบกันดังอย่างชัดเจนในหูเขา
แม่นางใหญ่น้อยสองคนนั้นคงกระโดดลงมาจากผาอิงจุ่ยกระมัง
วิ่งหนีขึ้นไปด้านบนตลอดทาง สุดท้ายก็กระโดดลงมา ในห้องถ้ำแห่งนั้นที่แท้เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ บุคคลที่เป็นตัวการทำให้พวกนางทั้งสองละทิ้งทุกสิ่งและนำชีวิตมาเดิมพันเช่นนี้ คือผู้ใดกันแน่
พวกนางสองพี่น้องโชคดีที่ยังรอดมาได้ ชนะเดิมพันแล้ว แต่ว่าคนอีกกลุ่มที่กระโดดลงจากผาเล่า ขึ้นฝั่งเองได้แล้ว? หรือว่าจมลงไปในน้ำเชี่ยวแล้วกระแสน้ำพัดพาให้ศพลอยไปไกล?
ลมและหิมะบนหน้าผาหอบเอาร่องรอยที่หลงเหลือจากกลางฤดูร้อนไปจนหมดเกลี้ยง สิ่งที่เขาพอจะใช้แกะรอยได้ในเวลานี้มีไม่มาก ทำได้เพียงทบทวนความจำซ้ำแล้วซ้ำอีกให้แน่ใจ ว่าภูเขาแห่งนี้ใช่ไร้วี่แววของผู้คนจริงหรือไม่
“โครก…”
พอได้ยินเสียงนี้ ตอนแรกเขาก็ไม่ได้มีท่าทีตอบสนองใด แต่เมื่อท้องที่แข็งแกร่งดุจแผ่นเหล็กเริ่มสั่นสะท้านเบาๆ และส่งเสียงที่ดังกว่าเดิม เขาค่อยเรียกสติคืนมาได้ นั่นคือเสียงท้องที่หิวโหยร้องดังโครกคราก