ดีที่ท่าทีเขายังเหมือนเดิม เขากล่าวว่า “ลาภปากข้ายังดี ได้กินไปแล้ว” เขาเล่าเรื่องที่ศิษย์น้องมู่ไคเวยแอบเก็บขนมแป้งนึ่งพุทราเชื่อมไว้กับตัว แล้วค่อยเอา ‘ของโจร’ ออกมาส่งมอบ “บางครั้งมีเหตุด่วน ไม่ได้กินอาหารให้ตรงเวลาหรือกินให้เต็มอิ่ม อาหารแห้งกินไปเรื่อยๆ ก็กินไม่ลง มีขนมแป้งนึ่งพุทราเชื่อมที่ช่วยบรรเทาความหิวโหยในท้องได้ แก้อยากก็ได้ ช่วยได้อย่างมากเวลาที่ออกไปทำงาน”
นางให้โม่เอ๋อร์นำขนมแป้งนึ่งมาให้ เดิมไม่ได้คิดอะไรมาก ยิ่งนึกไม่ถึงว่าเขาจะบอกนางว่า…ช่วยได้อย่างมาก?
ไม่แน่ใจว่าเขาพูดความจริง หรือว่าแค่ล้อนางเล่น เจียงหุยเสวี่ยไม่ปล่อยให้ใจตื่นเต้นยินดีจนเกินไป เพียงพยักหน้าและยิ้มบางๆ “ท่านเมิ่งชอบก็ดีแล้ว”
เขาจึงพยักหน้า ยกชาขึ้นดื่ม ในชามีกลิ่นหอมของพุทราจีน พุทราจีนมีรสหวานและเป็นอาหารธาตุอุ่น มีฤทธิ์ช่วยในการผ่อนคลาย แม่นางผู้นี้จะทำอะไรล้วนให้ความใส่ใจ ชาที่ยกมาให้ในเวลาดึกดื่นต้องไม่ใช่ชาที่ทำให้ตื่นตัว แต่เป็นชาที่ช่วยขับกล่อมประสาท
เขานั่งทิ้งหลังตามสบาย ระบายลมหายใจออกช้าๆ แล้วเอ่ยขึ้น “หลังทำงานเสร็จ ข้าลงจากภูเขาซวงอิงที่ชายแดนตะวันตกมา ระหว่างทางกลับเมืองหลวงก็พบช่างไม้ชราท่านหนึ่งนำของเล่นไม้ที่เขาทำเองมาเร่ขาย มีของหลายชิ้นที่ต้องใช้ความคิดนานพอควรถึงจะแก้ได้ ข้าเห็นแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจ จึงซื้อมาชิ้นหนึ่ง” พลางมองไปทางดรุณีน้อยที่กำลังเล่นสิบสองห่วงแล้วทำเสียงดังกุกกัก
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ เมิ่งอวิ๋นเจิงก็ถอนสายตากลับมา “แม่นางเจียงเป็นอะไรไปหรือ”
“อ๊ะ? เอ่อ…เปล่า” ได้ยินคำว่าภูเขาซวงอิง ชีพจรนางก็เต้นถี่รัว สีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย ต้องใช้เรี่ยวแรงมากมายกว่าจะทำใจให้สงบได้ “ภูเขาซวงอิงที่ท่านเมิ่งพูดถึง…ข้าเคยได้ยินมาก่อน เหมือนจะเป็นรังโจร ไม่มีใครกล้าไปที่นั่น”
เมิ่งอวิ๋นเจิงเข้าใจในฉับพลัน “ใช่แล้ว เจ้าเป็นคนแถบชายแดนตะวันตก ย่อมเคยได้ยินเรื่องภูเขาซวงอิงที่เป็นรังโจร” มิน่าเล่าจึงตกใจจนหน้าถอดสี เขาทำเสียงให้ฟังดูอ่อนโยนขึ้น “รังโจรที่ภูเขาซวงอิงถูกกวาดล้างไปเมื่อครึ่งปีก่อน ตอนนี้ที่นั่นสงบสุขเป็นอย่างมาก ขึ้นไปบนภูเขาซวงอิงอีกครั้งในครานี้ก็เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าโจรรังนั้นไม่ได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาใหม่”
“แล้ว…แล้วหลังจากที่กำจัดโจรไปหมดแล้ว ท่านเมิ่งจะขึ้นไปตรวจตราเป็นระยะหรือ”
“ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วที่ข้าขึ้นไปถึงยอดผาอิงจุ่ย ไม่พบพยานหลักฐานใดๆ ทั้งสิ้น แต่ที่น่าแปลกคือ แม้แต่นกหรือสัตว์ป่าก็ไม่พบเห็นเลยสักตัว” เขาพูดปนหัวเราะ
นั่นเป็นเพราะยังมีทางลาดเขาที่เป็นไหเพาะหนอนกู่ตามธรรมชาติ มีหนอนกู่และสัตว์มีพิษอยู่อาศัยมากมายปานนั้น วิหคหรือสัตว์ใดจะกล้าย่างกราย เจียงหุยเสวี่ยได้แต่ลอบทอดถอนในใจ แต่เมื่อได้ยินเขาบอกว่าไม่พบเห็นเงาคนใดๆ บนภูเขาซวงอิง หัวใจก็รู้สึกสงบลง
วันที่แบกโม่เอ๋อร์กระโดดลงมา มีหลายเรื่องที่ทั้งชัดเจนและทั้งคลุมเครือ ที่ชัดเจนก็คือการตัดสินใจแน่วแน่ว่าอย่างไรก็จะกระโดดแม้ว่าจะต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ที่คลุมเครือก็คือฉากและภาพเหตุการณ์ที่ยังติดอยู่ในหัวสมอง
เจ้าสำนักเหยี่ยนเหมิน…และสตรีที่เป็นผู้ส่งเสริมความชั่วร้ายให้กับเขา…ชายหญิงที่ชวนให้ผู้คนรังเกียจคู่นั้น พวกเขาล้วนล้มลงแล้ว นางเห็นมากับตา พวกเขาล้วนล้มลงแล้ว ชายผู้นั้นถึงกับเลือดไหลออกทางทวารทั้งเจ็ด เขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้ และเมื่อเขาตายแล้ว เช่นนั้นหญิงผู้นั้นก็จะไร้ที่พึ่งพิง ไม่อาจกระทำเรื่องใดได้ และบางที…แม้แต่สตรีผู้นั้นก็อาจจะตายไปแล้ว ภูเขาซวงอิงถึงได้เงียบสงบ ไม่มีอะไรผิดปกติ
ตอนนี้เมิ่งอวิ๋นเจิงเห็นนางดูเลื่อนลอย ขณะกำลังจะเอ่ยปากถาม เด็กสาวที่ขดตัวเล่นอย่างเอาจริงเอาจังที่มุมห้องพลันส่งเสียงหัวเราะอย่างสุขใจ ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองหันไปมองพร้อมกัน
“พี่สาว พี่สาว…” โม่เอ๋อร์โบกสิบสองห่วงในมือไปมา ห่วงทั้งหมดล้วนปลดแก้ออกและเลื่อนไปยังอีกด้านตามลำดับ
ดรุณีน้อยเชิดคางเรียวงามขึ้นสูง ใบหน้าเป็นสีแดงเพราะความตื่นเต้น ยามมองพี่สาว สองตาเป็นประกายวิบวับ ยามมองไปทางเมิ่งอวิ๋นเจิง สายตาส่อแววสบประมาท และลำพองใจเป็นอย่างยิ่ง