เรื่องราวที่คาดคิดไม่ถึง ดูเหมือนจะเริ่มต้นขึ้นเช่นนี้
คืนนั้นหญิงสาวปะชุนรูขาดบนเสื้อคลุมให้เขาด้วยฝีเข็มเป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อนึกถึงว่าเขามาที่นี่โดยไม่มีใครเชื้อเชิญ ทั้งกินทั้งดื่มแล้วยังให้ผู้อื่นปะชุนเสื้อผ้าให้อีก เช่นนี้ย่อมไม่ถูกต้อง วันหน้าเขาจะเริ่มไปเยือนร้านของเล่นเด็กทุกแห่งในเมืองหลวง เสาะหาของเล่นที่ได้ใช้สมองและพัฒนาทักษะการใช้มือ ส่งไปให้ที่บ้านเก่าในเรือนหมู่
สิ่งของย่อมนำมาให้โม่เอ๋อร์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางผู้เป็นพี่สาวก็จะยิ่งไม่มีทางปฏิเสธ เพราะเขารู้ว่านางชอบเห็นดรุณีน้อยยิ้มแย้มเบิกบาน
ปรากฏว่าหลังจากที่เขาเพิ่งส่งของเล่นที่ซื้อมาจากร้านไปได้ไม่นาน เขาก็ได้รับรองเท้ายาวคู่หนึ่งเป็นการตอบแทนจากนาง
มิน่าเล่า วันนั้นที่เขาไปรอกินโจ๊ก เห็นนางมองดูเท้าของเขาอยู่หลายครา ที่แท้ก็กำลังกะขนาดเท้าของเขาอยู่
แบบของรองเท้ายาวที่นางปักให้เขาเรียบง่ายและทะมัดทะแมง พื้นรองเท้ายาวตัดเย็บขึ้นอย่างหนา บุด้วยพื้นขนสัตว์หนาๆ อีกชั้น ตอนนั้นเขาได้รับคำสั่งให้ไปทำงานทางเหนือ แม้ว่าเมืองหลวงฤดูใบไม้ผลิจะมาเยือน นานาบุปผาล้วนบานสะพรั่ง แต่พื้นที่ทางเหนือที่หนาวเย็นแห้งแล้งมาตลอดยังคงพบเห็นทะเลสาบที่จับตัวเป็นน้ำแข็งและเกล็ดหิมะส่องประกาย เขาสวมรองเท้ายาวที่นางตัดเย็บให้ แล้วก็ทราบทันใดว่ารองเท้ายาวที่ตัดเย็บขึ้นจากความเอาใส่ใจและใช้ความทุ่มเทคู่นี้ สามารถทำให้คนรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนพื้นหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ ในขณะที่กำลังเดินอยู่บนพื้นหิมะ
จากทางเหนือกลับมายังเมืองหลวง ระหว่างทางเขารวบรวมของเล่นที่สามารถนำกลับไปฝากดรุณีน้อย เพื่อให้เป็นของตอบแทนตามมารยาท
เมื่อไปมาหาสู่กันย่อมต้องมีสัมพันธไมตรี นางเป็นคนรับของฝากแทนน้องสาว แล้วก็หันกลับไปจัดตะกร้าขนมแป้งนึ่งพุทราเชื่อมมอบให้เขา
จากนั้นวันหนึ่ง ขณะที่เขาไปทำงานเช่นเดิม เขาก็เจอปิ่นไม้ลายดอกเหมยซึ่งมีการแกะสลักอย่างประณีตงดงามที่แผงขายแห่งหนึ่งในตลาดนัด เพราะว่าทำจากไม้เพียงอย่างเดียว ไม่ได้ฝังหยกประดับมุก จึงมีราคาค่างวดไม่สูงมาก แต่ว่ามันทำให้เขานึกถึงนาง
เขาจึงซื้อปิ่นไม้ลายดอกเหมยอันนั้นกลับไปให้นาง นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาซื้อของให้นาง ไม่ใช่ซื้อเพื่อทำให้น้องสาวของนางดีใจ ไม่ใช่ซื้อเพื่อตอบแทนตามมารยาท เพียงรู้สึกว่าปิ่นไม้อันนั้นเหมาะสมกับนาง
การกระทำระหว่างบุรุษสตรีเช่นนี้ช่างขาดความรอบคอบจริงๆ แต่นางไม่ได้พูดอะไรมาก ราวกับว่านางเข้าใจความคิดของเขา
ยามที่นางรับปิ่นจากเขา ใบหน้ารูปไข่สีขาวกลายเป็นสีแดงระเรื่อ ข้างแก้มสดใสราวกลีบดอกไม้ ดวงตาที่อ่อนโยนเอ่อน้ำสั่นไหวเป็นประกาย ราวกับกำลังซุกซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ น้ำที่แวววาวเป็นประกายทำให้เขามึนงง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถามให้กระจ่างอย่างไร
เมื่อถึงเวลาที่เขาจะออกจากเมืองหลวงไปอีกครั้ง เขาก็ได้รับเสื้อฤดูร้อนที่นางตัดเย็บเองกับมือสามตัว
เสื้อฤดูร้อนที่มีเนื้อผ้าบางสบายและระบายอากาศ เข็มขัดหนังอ่อนหยุ่นเอามาพันไว้รอบเอว ผูกเชือกซ้ำอีกที กลายเป็นชุดที่สะดวกต่อการทำกิจกรรมต่างๆ ในฤดูร้อน กระเป๋าเล็กที่มีอยู่บนเสื้อสามารถใช้สอยได้สารพัด เขาที่วิ่งวุ่นเดินทางไปทั่วออกตกเหนือใต้ ล้วนใช้เสื้อฤดูร้อนสามตัวของนางในการปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จตลอดทั้งฤดูร้อนอันแห้งแล้ง
ภายหลัง คิมหันต์ล่วงเข้าเหมันต์ เหมันต์ลับวสันต์เยือน ฤดูกาลหมุนเวียนเปลี่ยนไปทีละฤดู
หากว่าเขาอยู่ในเมืองหลวง ก็จะแวะไปเยี่ยมเยือนที่บ้านเก่า หากเขาไม่อยู่ ก็ไม่ลืมที่จะฝากฝังคนในบ้านเก่าให้ศิษย์น้องและพี่น้องชาวหน่วยประตูหกบานช่วยดูแล
หนึ่งปีผ่านไป แล้วก็ผ่านพ้นไปอีกปี เวลาห้าปีช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ราวกับหงสาที่เหยียบโคลนหิมะแต่ไม่ทิ้งร่องรอยใด แผงร้านขายโจ๊กที่หญิงสาวเปิดในที่สุดก็มีเหล่าลูกค้าชราเพิ่มขึ้นมากลุ่มหนึ่ง เช่นนั้นนางจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะไม่มีลูกค้าเข้าร้าน
ชีวิตผ่านไปอย่างสงบสุข นางเลี้ยงดูน้องสาวตัวเองจนมีผิวขาวสดใส สาวน้อยที่คร้านจะกล่าววาจาแต่มีไหวพริบต่อสิ่งต่างๆ ดีเป็นพิเศษมีรูปร่างเติบโตขึ้นอย่างมาก กลับเป็นพี่สาวอย่างนางที่ยังคงแบบบางร่างน้อย เป็นหญิงงามที่ผ่ายผอม ความสูงเทียบกับน้องสาวของตนเองไม่ติด