เมื่อเอ่ยถึงโจวเวินหรานผู้บัญชาการหน่วยเทียนฉีผู้นั้น จ้าวหนานชิวก็ชิงชังจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ท่านแม่ทัพของนางมีความสามารถในการศึกโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ อีกทั้งยังเอาชนะใจราษฎรได้อย่างล้นหลาม ผู้ใดไม่รู้จักจ้าวฉงอีแม่ทัพหญิงผู้เลื่องชื่อลือนามแห่งแคว้นซย่าจิ่งบ้าง ต่อให้ท่านแม่ทัพของนางขัดราชโองการหลบหนีการแต่งงาน เดิมทีในราชสำนักก็ไม่มีใครยอมเสี่ยงถูกคนประณามเพื่อมาจับกุมขุนนางผู้มีความชอบ แต่เจ้าโจวเวินหรานนั่นชื่อเสียงฉาวโฉ่ไม่กลัวเรื่องนี้อยู่แล้ว ถึงได้กัดไม่ปล่อยมาตลอดทาง
“คนเขาก็ทำงานตามราชโองการ” จ้าวฉงอีแทะพุทราแล้วกล่าวอย่างยุติธรรมประโยคหนึ่ง เห็นจ้าวหนานชิวมองตนเองด้วยสีหน้าประหลาดใจจึงกระแอมเบาๆ “อ้อ ได้ยินว่าผู้บัญชาการโจวผู้นั้นหน้าตาหล่อเหลายิ่งนัก มีรูปโฉมดุจพานอัน เลยทีเดียว”
จ้าวหนานชิวเบะปาก “หน้าตาดีเพียงใดก็ไม่อาจลบล้างความจริงที่ว่าเขาเป็นพวกเดนสุนัขที่ลงมือโหดเหี้ยม ไม่เคยฟังเหตุผลและไว้หน้าใครไปได้หรอก”
“พูดเช่นนี้ก็เกินไปหน่อยนะ…”
“ท่านแต่งตัวเช่นนี้ก็แล้ว ผู้บัญชาการนั่นยังทำเหมือนได้กลิ่นเลยไล่ตามมาตลอดทางได้ เขาไม่ใช่สุนัข แล้วใครเป็นสุนัข” จ้าวหนานชิวกัดฟันกรอดๆ อย่างดุร้ายราวกับระบายโทสะ
“ที่ข้าแต่งตัวเช่นนี้…ดูไม่ดีหรือ” จ้าวฉงอีรู้สึกแปลกใจ
จ้าวหนานชิวส่ายศีรษะ สีหน้าโศกเศร้าระคนชิงชังเป็นอย่างยิ่ง
จ้าวฉงอีเห็นดังนั้นก็ลูบคลำเครื่องประดับทรงบุปผาตกแต่งด้วยไข่มุกบนศีรษะอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก แล้วยังลองดึงชายกระโปรงพลิ้วไหว
“ข้าแต่งตัวตามอย่างแม่นางน้อยสกุลซุนเลยนะ ข้าเห็นคุณหนูซุนผู้นั้นแต่งตัวเช่นนี้แล้วรู้สึกว่าดูดีอย่างยิ่ง”
คุณหนูซุนมีนามว่าซุนอี๋เวย เป็นบุตรสาวคนเล็กของแม่ทัพซุนผู้เป็นสหายร่วมกองทัพ ถึงแม้แม่ทัพซุนจะรูปร่างหน้าตาห้าใหญ่สามหนา แต่คุณหนูซุนผู้นี้กลับมีหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ทั้งยังดีดพิณปักผ้าเป็นอีก รูปโฉมงดงามโดดเด่นสมคำเล่าลือ ก่อนหน้านี้ไม่นานมีการดูรายชื่อหาบุตรเขยยังได้ผูกวาสนาครองคู่กับบัณฑิตทั่นฮวา ทำให้ผู้คนอิจฉาตาร้อนโดยแท้เชียว
ผู้อื่นจะอิจฉาหรือไม่จ้าวฉงอีไม่ทราบ แต่นางอิจฉาคุณหนูซุนผู้นี้ไม่น้อย
“นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าหน้าตาดีหรือไม่!” จ้าวหนานชิวเคืองโกรธ
“ไม่ใช่หรือ ข้าตั้งใจแต่งตัวมากๆ แล้วนะ” จ้าวฉงอีเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
จ้าวหนานชิวย่อมทนดูท่านแม่ทัพของนางอยู่ในสภาพ ‘ดูถูกตนเอง’ เช่นนี้ไม่ได้ จ้าวฉงอีเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ ทุกศึกล้วนไร้พ่าย ยามอยู่ในสนามรบแค่ศัตรูได้ยินชื่อก็กลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ จะให้แต่งกายฝืนธรรมชาติเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!
ขณะจ้าวหนานชิวกำลังจะอธิบายกับท่านแม่ทัพให้รู้เรื่อง จู่ๆ นางก็หยุดชะงักแล้วเงี่ยหูตั้งใจฟังครู่หนึ่ง จากนั้นสีหน้าพลันเคร่งเครียดขึ้นมา
“ท่านแม่ทัพ มีคนมา รีบไปเร็ว!” นางกล่าวพลางลากจ้าวฉงอีวิ่งหนีไป
เห็นจ้าวหนานชิวมีท่าทางดั่งวิหคตื่นธนู จ้าวฉงอีก็ถอนหายใจแล้วตบไหล่ของอีกฝ่าย “ไม่ต้องกลัว ไม่มีเสียงกีบเท้าม้า เสียงฝีเท้ายังกระจัดกระจาย ไม่ใช่คนจากหน่วยเทียนฉี” ถึงจะกล่าวเช่นนี้ ทว่านางก็ยังยกมือขึ้นสวมผ้าคลุมหน้า แม้ว่าเวลานี้ฝ่าบาทยังไม่ติดประกาศภาพของนางพร้อมพระราชทานเงินรางวัล แต่ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เล่า…
พอได้ยินว่าไม่ใช่หมาในจากหน่วยเทียนฉีที่กัดพวกนางไม่ปล่อยมาตลอดทางฝูงนั้น จ้าวหนานชิวก็สงบนิ่งลงในพริบตา หันกลับไปปีนต้นไม้เด็ดพุทราต่อ นางยังคิดจะเด็ดพุทราจำนวนหนึ่งไปกินระหว่างทางด้วย
ไม่นานนักก็เห็นปลายทางของเส้นทางบนเขามีคนกลุ่มหนึ่งเดินตรงมา มองคร่าวๆ แล้วคงมียี่สิบกว่าคน ในนั้นมีเจ้าหน้าที่ที่ว่าการห้าหกคน ผู้เดินนำหน้ากลับเป็นชายหนุ่มแต่งกายเช่นบัณฑิตในชุดคลุมยาวสีฟ้านวล