บทที่ 5 พฤติกรรมอย่างลูกนก
ตอนที่จ้าวฉงอีกลับมาถึงตำบลตงหลีพร้อมเรื่องหนักอกหนักใจ บนท้องฟ้ายังไม่ปรากฏแสงสีขาว ภายในบ้านสกุลซูบรรยากาศเงียบสงบ ทุกคนต่างยังนอนหลับสนิท
เมื่อเดินผ่านเรือนหน้า จ้าวฉงอีคิดถึงบุรุษหน้าตาหล่อเหลาเกินเหตุทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัสซึ่งถูกส่งตัวมาช่วงพลบค่ำของเมื่อวานขึ้นมาได้ ยามนั้นเจ้าหน้าที่ที่ว่าการที่พาเขามาส่งดูเหมือนจะบอกว่านายพรานไปเจอเขาบนภูเขาสินะ?
บังเอิญปานนั้นเชียว…เป็นบนภูเขาเช่นกันหรือ
เวลานี้จ้าวฉงอีค่อนข้างอ่อนไหวกับคำว่า ‘ภูเขา’ นางครุ่นคิดแล้วเดินย่องเข้าไปในเรือนหน้า
บุรุษผู้นั้นถูกหามมานอนพักอยู่ในห้องหนึ่งของเรือนหน้า ศิษย์ฝึกหัดตัวน้อยที่เฝ้ายามตอนกลางคืนอยู่ด้านนอกหลับสนิท ทั้งยังกรนเสียงดังครอกๆ ไม่รู้ตัวสักนิดเลยว่ามีคนเดินเข้ามา
จ้าวฉงอีเดินเข้าไปในห้องอย่างใจเย็นยิ่ง จากนั้นก็หลุบสายตามองสำรวจบุรุษที่ยังหลับสนิท
คราบสกปรกบนใบหน้าเขาถูกเช็ดล้างจนสะอาดแล้ว เผยให้เห็นรูปลักษณ์ดุจภาพวาด ขนตาดกดำทอดตัวเป็นเงาใต้ดวงตา ยิ่งขับเน้นให้ใบหน้าไร้สีเลือดนั้นดูเย็นเยียบยิ่งกว่าหิมะจนไม่อาจละสายตา สันจมูกโด่งตรงดูดุดัน แผ่ความรู้สึกว่าคงอยู่ร่วมกันได้ยาก…ทว่าริมฝีปากที่ค่อนข้างอวบอิ่มกลับลบเลือนความรู้สึกรุนแรงนี้ไปได้อย่างน่าอัศจรรย์
นับว่าเป็นใบหน้าที่ติดตรึงอยู่ ณ ส่วนลึกในใจจ้าวฉงอีเลยทีเดียว!
ทว่าใบหน้าที่งดงามเช่นนี้ไม่รู้ว่าถูกใครกรีดเป็นรอยเสียได้ เมื่อเห็นบาดแผลที่ยังไม่ตกสะเก็ดบนแก้มข้างซ้ายของเขา จ้าวฉงอีก็รู้สึกปวดใจขึ้นมานิดหน่อย…
นี่มันฝีมือไอ้คนเลวหน้าไหนกันแน่ ลงมือโหดร้ายกับใบหน้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!
ลุ่มหลงอยู่กับรูปโฉมอันหล่อเหลาประเดี๋ยวเดียว จ้าวฉงอีก็ได้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ไม่ลืมว่าจุดประสงค์ที่ตนเองมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่เพราะต้องการตรวจสอบว่าคนผู้นี้น่าสงสัยหรือไม่ นางค่อยๆ เลิกผ้าห่มขึ้นแล้วกวาดสายตามองแวบหนึ่ง มีคนมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาเรียบร้อยแล้ว เวลานี้เขาสวมชุดนอนค่อนข้างเก่าซึ่งคงจะเป็นของท่านพ่อซู นางเหลียวมองไปรอบๆ หาเสื้อผ้าที่ถูกเปลี่ยนออกไปไม่พบจึงดึงสายตากลับมาอยู่บนร่างเขาอีกครั้ง
นางลังเลชั่วขณะก็ก้มตัวลงเตรียมถอดเสื้อผ้าของเขาออก ตั้งใจว่าจะดูอาการบาดเจ็บสักหน่อย ถ้าหากเป็นบาดแผลจากอาวุธที่ค่อนข้างพิเศษก็ยังพอมองเห็นเบาะแสบางอย่างได้ คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะคลายคอเสื้อของเขาออก จู่ๆ คนที่นอนหลับสนิทมาตลอดกลับขยับตัวเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้น
ดวงตาสองคู่สบประสาน
“…” พอจ้องมองดวงตาสีดำเข้มดุจน้ำหมึกคู่นั้น จ้าวฉงอีก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่าท่าทางของตนเองดูเหมือนจะ…ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนัก
บุรุษที่นอนอยู่บนเตียงคอเสื้อแหวกกว้าง เผยให้เห็นช่วงกระดูกไหปลาร้าที่งดงามประณีต มีเสน่ห์เย้ายวนใจเหลือเกิน ส่วนมือของนางกำลังสอดเข้าไปในคอเสื้อของเขา…ดูเหมือนคนเจ้าชู้มักมากฉวยโอกาสยามหญิงงามหลับใหลคิดกระทำเรื่องชั่วช้าเลยน่ะสิ!
“ท่าน…” นางอ้าปากเตรียมเอ่ยวาจา
คำกล่าวว่า ‘ท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ใช่คนเลว’ ยังไม่ทันจบประโยค บุรุษบนเตียงนอนผู้นั้นก็ลุกพรวดขึ้นนั่ง สองมือกระชับปิดคอเสื้อที่แหวกเปิด เขยิบตัวหนีไปชิดขอบเตียงโดยพลัน…
“ท่านระวัง…” จ้าวฉงอีเห็นเขาโงนเงนจนใกล้จะร่วงลงจากขอบเตียงจึงรีบเดินเข้าไปหาเพื่อฉุดเขาเอาไว้
ไม่คาดคิดว่าเขาจะมือเท้าปวกเปียกไม่มีเรี่ยวแรงสักนิด พอถูกจ้าวฉงอีฉุดเช่นนี้ก็โผเข้าสู่อ้อมกอดนางไปทั้งตัว
คนทั้งสองต่างตัวแข็งทื่อไปชั่วอึดใจ
จ้าวฉงอีรีบร้อนผลักเขาออกห่างเล็กน้อย เห็นร่างกายเขาแลดูอ่อนแอนักก็ช่วยพยุงเขาดีๆ อีกรอบหนึ่ง
“ท่าน…รู้สึกอย่างไรบ้าง” จ้าวฉงอีกลืนน้ำลายแล้วเอ่ยถาม
บุรุษผู้นั้นเม้มริมฝีปากไม่ตอบอะไร เพียงมองนางอย่างระแวดระวังอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามยามนี้ใบหน้าของเขาขาวซีด กลีบปากแห้งตึง ท่าทางเหมือนถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมชัดเจน มองดูแล้ว…น่ารังแกอยู่นิดหน่อย