“…อา ท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ใช่คนเลว” จ้าวฉงอีเอ่ยปลอบขวัญเขาอย่างร้อนรน จากนั้นก็สังเกตเห็นเขาหลุบตาลง สายตาหยุดอยู่ที่มือของนางซึ่งวางบนหัวไหล่เขา…สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นคือคอเสื้อเขาลื่นหลุดออก ด้วยเหตุนี้มือของนางจึงลูบอยู่บนหัวไหล่ขาวผ่องและเนียนละเอียดโดยตรง การกระทำเช่นนี้รวมถึงคำพูดของนางราวกับจะบอกว่าที่ตรงนี้ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง* ชัดๆ!
ขณะคิดจะเก็บมือกลับมาอย่างลนลาน จู่ๆ นางกลับสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่สูงผิดปกติเล็กน้อยจากฝ่ามือ นางจึงเงยหน้ากล่าวด้วยความจริงใจเต็มเปี่ยม
“คุณชาย ท่านอย่าเข้าใจผิด ที่นี่เป็นโรงแพทย์ ท่านได้รับบาดเจ็บ ข้าเห็นท่านกำลังตัวร้อน จึงเตรียมจะช่วยระบายความร้อนให้”
นัยน์ตาของบุรุษตรงหน้าเป็นประกาย ขยับริมฝีปากเอ่ยออกมาคำหนึ่ง “…ขอบคุณมาก”
เสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย
นางพลันรู้สึกผิดต่อการกระทำของตนเองนิดหน่อย…
จ้าวฉงอีที่มโนธรรมตื่นรู้กะทันหันช่วยดึงกระชับคอเสื้อให้เขา จากนั้นก็หันกลับไปรินน้ำชาถ้วยหนึ่งส่งให้ พอเห็นเขาคล้ายไม่มีเรี่ยวแรงจะยกมือ นางยังยกถ้วยน้ำชาป้อนให้ถึงริมฝีปากอย่างเอาใจใส่ยิ่ง
บุรุษผู้นั้นหลุบตาลงและชะงักไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะดื่มน้ำชาจากมือของนาง
ต้องบอกเลยว่าคนงามกระทั่งยามดื่มน้ำยังเจริญหูเจริญตา!
“ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง ยังไม่สบายตรงที่ใดอีกหรือไม่” จ้าวฉงอีเห็นเขาดื่มน้ำอย่างเชื่อฟังก็ถามเขาเพิ่มเติมด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย
“ปวดศีรษะมาก เนื้อตัวก็ปวด…แล้วก็ยังไม่ค่อยมีแรง” เขาเอ่ยอย่างอ่อนแรงเล็กน้อย เพียงเพราะการเคลื่อนไหวต่อเนื่องเมื่อครู่นี้ บนหน้าผากก็มีเหงื่อผุดออกมาแล้ว เส้นผมจึงเปียกชื้นไปด้วย ยิ่งดูบอบบางไร้กำลังมากขึ้นไปอีก
จ้าวฉงอีรู้สึกสงสารจับใจขึ้นมาในบัดดล จึงกล่าวอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรมเช่นนี้ว่า “บนร่างท่านมีแต่บาดแผล ตกลงใครทำร้ายท่านกันแน่ อำมหิตเกินไปแล้ว!”
ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ช้อนตามองนางแวบหนึ่ง แล้วอยู่ดีๆ ก็หลุดยิ้มออกมา
เขามีรูปลักษณ์ภายนอกใกล้เคียงกับคำว่าไร้ที่ติ เมื่อใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดจะเผยความเย็นชาที่ผลักไสผู้คนให้ไกลห่างออกไปพันหลี่* แต่เวลาเขายิ้มแย้มขึ้นมากลับทำให้คนราวกับอาบไล้ด้วยสายลมฤดูใบไม้ผลิ หัวใจหลอมละลาย…
หัวใจจ้าวฉงอีก็หลอมละลายเช่นกัน…ชั่วพริบตาเดียวคล้ายละสายตาออกไปไม่ได้แล้ว
“ข้าจำไม่ได้แล้ว” เขาตอบ
“อะไรนะ” จ้าวฉงอีได้สติกลับมาโดยพลัน “ท่านจำไม่ได้แล้วว่าถูกใครทำร้าย?”
“อืม” เขาส่งเสียงตอบรับ ดูท่าทางหดหู่เล็กน้อย
ความสงสัยในใจจ้าวฉงอีหายวับไปทันที เอ่ยปากปลอบใจว่า “ไม่ต้องห่วง เอาไว้ข้าจะไปถามที่ว่าการดู หัวหน้ามือปราบหลี่จากที่ว่าการอำเภอเป็นคนส่งตัวท่านมา บอกว่านายพรานเจอท่านบนเขา ตอนนั้นท่านบาดเจ็บสาหัสทั้งยังสลบไม่ได้สติ จึงส่งท่านมาที่โรงแพทย์ก่อน”
“บนเขา?” ดูเหมือนเขาจะลองคิดทบทวน จากนั้นก็ก้มหน้าเอามือกุมศีรษะอย่างเจ็บปวด “ข้า…นึกไม่ออกแล้ว…”
“ถ้าอย่างนั้นท่านยังจำอะไรได้บ้างหรือไม่” จ้าวฉงอีหยั่งเชิงถามต่ออย่างอดทน
สำหรับคนงาม นางมีความอดทนเสมอ
ใครจะรู้ว่าเขากลับส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “ข้า…จำอะไรไม่ได้แล้ว”
ดวงตาจ้าวฉงอีเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย หมายความว่าอย่างไร สูญเสียความทรงจำหรือ
“แล้วท่านยังจำได้หรือไม่ว่าตนเองเป็นใคร บ้านช่องอยู่ที่ใด” นางถามต่อ
บุรุษผู้นั้นเงยหน้าขึ้น ส่ายหน้าอย่างเชื่องช้าท่ามกลางสายตาเป็นกังวลของจ้าวฉงอี “…จำไม่ได้สักอย่าง”
…สูญเสียความทรงจำจริงๆ หรือนี่
จ้าวฉงอีเห็นใบหน้าเขาฉายแววหดหู่และสับสน หัวใจรักหยกถนอมบุปผาพลันผุดขึ้นมา “ถ้ายังนึกอะไรไม่ออกก็อย่าเพิ่งไปนึกเลย รักษาบาดแผลบนร่างกายให้หายก่อนเถอะ ไม่แน่ว่าถึงตอนนั้นเดี๋ยวก็นึกออกขึ้นมาเอง ข้าจะพยุงท่านนอนลงก่อนนะ”
นางกล่าวจบก็พยุงชายหนุ่มนอนลงอย่างระมัดระวัง