เมื่อนึกถึงตนเองที่ยามนี้บาดเจ็บสาหัสจนขยับตัวไม่ได้ ทั้งยังอยู่ใต้การควบคุมของผู้อื่น บุรุษที่รู้สึกว่าถูกกล่าวกระทบกระเทียบพลันเส้นเลือดบนหน้าผากกระตุกเล็กน้อย
จ้าวฉงอีเห็นอีกฝ่ายยังไม่ยอมปล่อยมือก็ก้มตัวลงมองอย่างมีน้ำอดน้ำทน “ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือ”
บุรุษผู้นั้นเอ่ยด้วยท่าทางค่อนข้างแข็งทื่อ “เจ้า…จะอยู่เป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่”
จ้าวฉงอีนิ่งอึ้งไป
“เหลวไหล!” จ้าวฉงอียังไม่ทันเอ่ยปาก ท่านพ่อซูที่อยู่ข้างๆ ก็มีโทสะแล้ว “เสี่ยวหม่าน กลับห้องไป!”
เสี่ยวหม่าน? บุรุษที่นอนอยู่บนเตียงนัยน์ตาฉายแววล้ำลึก แฝงด้วยความสับสนเบาบาง ตาเฒ่าผู้นี้เหตุใดถึงเรียกนางว่าเสี่ยวหม่าน
จ้าวฉงอีกลับแสดงสีหน้าไม่เห็นด้วย “คุณชายผู้นี้สูญเสียความทรงจำแล้ว อยู่ตัวคนเดียวในสถานที่ไม่คุ้นเคยคงอดหวาดกลัวไม่ได้ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเขาสักพักแล้วกันเจ้าค่ะ”
“สูญเสียความทรงจำ?” ท่านพ่อซูตกตะลึงแล้วเข้าไปจับชีพจรให้เขาอีกรอบ “แปลกนัก…” เขาเอ่ยพึมพำทั้งยังตรวจดูศีรษะของคนตรงหน้า “บนศีรษะไม่มีบาดแผลเลย ไม่น่าจะใช่เพราะศีรษะกระแทกนะ…”
บุรุษผู้นั้นเม้มริมฝีปาก มืออีกข้างเริ่มกำแน่นกว่าเดิม
“รู้หรือไม่ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด” จ้าวฉงอีถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดเล็กน้อย
ท่านพ่อซูส่ายหน้า “ศีรษะมนุษย์มีโครงสร้างซับซ้อนที่สุดแล้ว คลาดเคลื่อนเล็กน้อยก็สามารถผิดพลาดใหญ่หลวงได้ ตอนนี้ยังหาสาเหตุไม่พบ รอดูต่อไปอีกหน่อยแล้วกัน…” ท่านพ่อซูกล่าวก่อนจะหยุดชะงักกลางคัน หันไปถลึงตาใส่นาง “เหตุใดเจ้ายังไม่กลับห้องไปอีก!”
“ข้าต้องอยู่เป็นเพื่อนเขา” จ้าวฉงอีตอบอย่างมีเหตุมีผล
“อย่าวุ่นวาย หญิงสาวอย่างเจ้ามาอยู่ที่นี่มันใช้ได้ที่ใดกัน ชายหญิงไม่ควรสัมผัสชิดใกล้ รีบกลับไปเสีย!” ท่านพ่อซูจ้องนางเขม็ง
“ในสายตาหมอไม่แบ่งแยกชายหญิง” จ้าวฉงอีเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง แม้นางจะไม่ใช่หมอก็ตาม แต่เสี่ยวจิ่ววิชาแพทย์ยอดเยี่ยมมาก คำพูดที่เสี่ยวจิ่วพูดติดปากอยู่บ่อยๆ ก็คือประโยคนี้
ท่านพ่อซูสะอึกไปเล็กน้อย บุตรสาวที่แต่ก่อนน่ารักและเชื่อฟังที่สุด จู่ๆ ก็หันมาต่อต้านกันแล้ว? เขาปรายตามองใบหน้าโดดเด่นเหนือธรรมดาของบุรุษที่นอนอยู่บนเตียงอย่างระแวงแล้วก็เข้าใจขึ้นมาในบัดดล!
ท่านพ่อซูที่นึกว่าตนเองเข้าใจทุกอย่างกระจ่างแจ้งยิ่งไม่มีทางปล่อยให้บุตรสาวรั้งอยู่ตามลำพังแล้ว เขาขนคิ้วกระดิกพลางเอ่ยขึ้น
“บาดแผลบนตัวเจ้ายังไม่หายดี อีกอย่างเขาสูญเสียความทรงจำแล้ว เจ้าอยู่ต่อจะมีประโยชน์อะไร เขารู้จักเจ้าหรือ”
“ลูกนกตอนเพิ่งเกิดจะถือว่าสิ่งแรกที่มองเห็นเป็นแม่ของตนเอง ข้าเป็นคนแรกที่เขามองเห็นตอนลืมตาขึ้นมา ดังนั้นเขาคงไม่อยากแยกจากข้าสักเท่าไรกระมัง” จ้าวฉงอีกล่าวด้วยท่าทางมีเหตุมีผล
“…” ท่านพ่อซูนิ่งเงียบเหมือนคนใบ้
“…” บุรุษที่นอนอยู่บนเตียงมือสั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุม ระงับความรู้สึกอยากสังหารคนเอาไว้อย่างยากลำบาก
แน่นอนว่าสุดท้ายจ้าวฉงอีก็ตระหนักดีว่ายามอาศัยใต้ชายคาผู้อื่นจำต้องก้มศีรษะ รวมถึงความน่าเกรงขามที่มาจากบิดา ต่อให้เป็นแม่ทัพใหญ่มีบารมีน่าครั่นคร้าม แต่ในขณะที่นางยังคงอยู่ในฐานะซูเสี่ยวหม่านก็ต้องเป็นบุตรสาวที่เชื่อฟังอย่างเลี่ยงไม่ได้…
ก่อนจะเดินออกจากห้องไปจ้าวฉงอียังส่งสายตาปลอบโยนให้บุรุษบนเตียงนอน บอกใบ้ให้รู้ว่านางจะมาหาเขาอีก ท่ามกลางการจับจ้องด้วยแววตาคมกริบของบิดา
“…” บุรุษผู้นั้นมองนางจากไปเงียบๆ
ท่านพ่อซูมองบุตรสาวจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์ด้วยสีหน้าซับซ้อน ลอบทอดถอนใจประโยคหนึ่งว่าบุตรสาวโตแล้วไม่อาจรั้งไว้