จ้าวฉงอีเร่งเดินทางมาตลอดทั้งคืน อยู่ในช่วงหิวท้องร้องพอดี จึงเลียริมฝีปากแล้วสูดดมกลิ่นหอมระหว่างมุ่งหน้าไปห้องครัว
“คุณหนูรอง ท่านมาได้อย่างไร” ยายเฒ่าเฝิงที่กำลังยุ่งอยู่หันมาเห็นนางก็รีบเช็ดไม้เช็ดมือเดินออกมาต้อนรับ
“ยายเฒ่าเฝิง ข้าหิวแล้ว มีอะไรกินหรือไม่” จ้าวฉงอีแย้มยิ้มพลางเอ่ยถาม
“มีๆๆ โจ๊กกินได้แล้ว ซาลาเปาก็สุกได้ที่ รอเดี๋ยวยายเฒ่าเฝิงเอาให้ท่านนะ” ยายเฒ่าเฝิงยิ้มจนเห็นริ้วรอยเต็มใบหน้า รีบหมุนกายเดินไปตักโจ๊ก ตอนยกชามโจ๊กหันกลับมาเห็นจ้าวฉงอีตรงไปเปิดเข่งนึ่งเองก็ตกอกตกใจยกใหญ่ “เอ๊ะ คุณหนูรอง ท่านอย่าจับสิ ระวังจะลวกมือนะ!”
จ้าวฉงอีอยากบอกว่าตนเองหนังหยาบเนื้อหนาไม่ถูกลวกง่ายๆ หรอก แต่ตอนนี้นางคือซูเสี่ยวหม่าน จึงทำได้แค่เก็บมือกลับอย่างเก้อเขินแล้วมายืนรอด้านข้าง
ยายเฒ่าเฝิงยกซาลาเปากับโจ๊กมาอย่างว่องไว จ้าวฉงอีกล่าวขอบคุณเสร็จก็ก้มหน้ากินคำโตทันที
ยายเฒ่าเฝิงนั่งมองนางกินอยู่ข้างๆ ดวงตาฉายแววรักใคร่เมตตาเต็มเปี่ยม มองเสียจนจ้าวฉงอีรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง ท่าทางเวลากินจึงสุภาพขึ้นมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
ซาลาเปาข้างในเป็นไส้เนื้อหมู แป้งบางไส้แน่น ทั้งยังมีน้ำแกงด้วย พอกัดอยู่ในปากแล้วน้ำแกงลวกลิ้นยังตัดใจคายไม่ลง…
กินหมดไปชิ้นหนึ่งแล้วก็เหมือนว่ายังไม่หนำใจ
ยายเฒ่าเฝิงมองออกจึงหันกายกลับไปหยิบมาเพิ่ม
“กินให้มากหน่อย กินได้ถือว่ามีบุญแล้ว เด็กสาวอวบสักหน่อยดูมีบุญวาสนายิ่ง” ยายเฒ่าเฝิงเอ่ยพลางหัวเราะชอบใจ
จ้าวฉงอีเห็นด้วยอย่างยิ่ง จากนั้นก็กัดซาลาเปาลูกโตอีกชิ้น
ตอนเดินพุงยื่นออกจากห้องครัว ในมือยังมีเกาลัดคั่วน้ำตาลอีกหลายลูก พอกินดื่มอิ่มหนำสำราญใจก็เริ่มง่วงนอน จ้าวฉงอียืดตัวบิดขี้เกียจ อ้าปากหาวหวอดเดินกลับห้องซูเสี่ยวหม่าน ระหว่างเดินกลับยังปอกเกาลัดคั่วน้ำตาลกินไปด้วย
อืม ทั้งหอมหวานทั้งเหนียวนุ่มเลย
เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูห้องก็มองเห็นเงาร่างลับๆ ล่อๆ ซ่อนตัวอยู่ตรงซอกมุม นางเลิกคิ้วขึ้นก่อนโยนเปลือกเกาลัดออกไปอย่างไม่ตั้งใจ
เปลือกเกาลัดลอยหวือจนแทบไร้น้ำหนักจากมือจ้าวฉงอีออกไปกระแทกใส่เงาร่างลับๆ ล่อๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ตรงมุมนั้นอย่างแม่นยำ ประหนึ่งมีดวงตางอกออกมาก็ไม่ปาน
ออกแรงไม่เบาไม่หนัก แต่ทำให้เจ็บนิดหน่อย
เงาร่างนั้นอุทาน “โอ๊ย” ออกมาคำหนึ่งแล้วกระโดดพรวดวิ่งออกมาจากซอกมุม เอามือกุมก้นพร้อมถลึงตาใส่อย่างขุ่นเคือง “ท่านเอาอะไรโยนใส่ข้า!”
ไม่ใช่ซูปั้นซย่าแล้วจะเป็นใครได้
จ้าวฉงอีแบมือด้วยรอยยิ้มจนตาหยี ในมือยังมีเกาลัดอยู่สองลูก “จะกินหรือไม่”
ซูปั้นซย่าส่งเสียงฮึดฮัด “ท่านนี่ช่างเป็นที่รักของใครต่อใครเสียจริง”
เกาลัดคั่วน้ำตาลพวกนั้นมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของที่ยายเฒ่าเฝิงเก็บไว้เอง ซูปั้นซย่านึกภูมิใจว่าตนเองมีนิสัยร้ายกาจยิ่ง ยายเฒ่าเฝิงมองเห็นนางเป็นต้องหลบ เกาลัดคั่วน้ำตาลอะไรนั่น นางไม่เห็นชอบเลย!
แม้จะคิดเช่นนี้ แต่พอนางยกมือขึ้นก็แย่งเกาลัดคั่วน้ำตาลสองลูกนั้นไป แล้วยังถลึงตาใส่อีกฝ่ายราวกับแสดงท่าทีเหนือกว่า
“เมื่อคืนนี้ท่านไปที่ใดมาล่ะ” ซูปั้นซย่ากินเกาลัดคั่วน้ำตาลไปพลางซักถามเสียงอู้อี้
“เมื่อคืนนี้?” จ้าวฉงอีนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
“หึ อย่านึกว่าข้าไม่รู้นะ เมื่อคืนตอนข้ามาหา ท่านก็ไม่อยู่ในห้อง ข้าเลิกผ้าห่มดูแล้ว ข้างใต้ผ้าห่มเป็นผ้านวมผืนหนึ่ง!” ซูปั้นซย่าท่าทางลำพองใจ “วันนี้ข้ามาตั้งแต่เช้าเลย ท่านก็ยังไม่อยู่ในห้อง บอกมาเถอะ ท่านไปที่ใดมาหรือ”
จ้าวฉงอีเพ่งพิศเด็กหญิงผู้นี้ครู่หนึ่ง เป็นเด็กหญิงหน้าตางดงามคนหนึ่งทีเดียว ดวงตากับจมูกยังคล้ายกับนาง…อืม คงต้องบอกว่าคล้ายซูเสี่ยวหม่าน
เพียงแต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะถูกเจ้าตัวพบเห็นเข้าเสียแล้ว