บทที่ 144
เพื่ออวยพรวันเกิดบิดา สองพี่น้องล้วนแต่งกายด้วยสีสันสดใส กู้ไจ้หลีสวมชุดสีแดงเข้มอมชมพู งดงามเย้ายวนเพริศพริ้งพิมพ์ใจ ทำให้คนไม่อาจละสายตา แต่ความหยิ่งทะนงในตัวนางทำให้ความงามเย้ายวนกลายเป็นความสูงส่ง ทำให้คนไม่กล้ามีความคิดลบหลู่ดูหมิ่น ทำได้เพียงแหงนมองโดยไม่กล้าหายใจ
ก่อนหน้านี้นางเพียงดูแลแขกเหรื่อสตรีจากตระกูลสูงศักดิ์ซึ่งมีสัมพันธ์อันดีกับนางอยู่ที่เรือนชั้นใน กระทั่งคุณหนูและฮูหยินที่มีฐานะต่ำกว่ายังไม่ได้พบ นับประสาอะไรกับบุรุษคนนอกที่เรือนหน้า เวลานี้นางเดินผ่านหน้าไป กระโปรงแดงระพื้น เห็นเพียงแวบเดียวคนทั้งหลายก็ไม่มีใครไม่ตะลึงลาน มีเพียงความงามเพริศพริ้งและท่วงทีเย่อหยิ่งผสานอยู่ด้วยกันจึงจะแบกรับคำว่าหยาดฟ้ามาดินไหว
ทว่าสายตาตะลึงลานของทุกคนหยุดอยู่ที่นางได้ไม่นานนักก็พากันมองไปยังกู้เจี้ยนหลีที่อยู่ข้างกาย กล่าวให้ถูกต้องคือมองไปยังใบหน้าของกู้เจี้ยนหลีอย่างสุดจะอดใจรอไม่ไหว
เทียบกับพี่สาว สีแดงอ่อนของชุดกระโปรงหรูฉวินบนตัวกู้เจี้ยนหลีย่อมจะไม่ชวนตาพร่าเท่าสีแดงเข้มอมชมพู ทว่าในความสดใสงดงามของสีแดงอ่อนแฝงด้วยความงามอ่อนหวานนุ่มนวล ขับเน้นให้พวงแก้มนางดูขาวใสเปล่งปลั่ง ดวงหน้าผิวพรรณนุ่มเนียนเกลี้ยงเกลา ดวงตาดุจก้อนไขมันขาวแต้มด้วยสีดำขลับ ยามกลอกกลิ้งเหลียวมองดูผู้คนงามเจิดจ้าเป็นประกาย ราวกับเป็นเทพธิดาที่เยื้องกรายออกมาจากภาพวาดก็ไม่ปาน
ประเดี๋ยวก่อน…
ใบหน้าของนาง!
นางไม่ได้สวมผ้าคลุมหน้า! ไม่ได้มีหน้าตะปุ่มตะป่ำชวนให้คนเสียดายหรือรู้สึกสมน้ำหน้าด้วยเช่นกัน!
แต่ละคนที่คุกเข่าอยู่ต่างตะลึงพรึงเพริด ไม่อยากเชื่อสายตาโดยสิ้นเชิง!
ที่แท้ข่าวลือก็เป็นความจริง? กู้เจี้ยนหลีรักษาใบหน้าที่มีตุ่มแผลเป็นจนหายดีแล้วจริงๆ? นี่…ผลลัพธ์นี้ใช่แค่รักษาหายดีเสียที่ใด เป็นการเปลี่ยนผิวหนังใหม่ ราวกับเกิดใหม่ชัดๆ…
เป็นอีกครั้งที่สองหลีแห่งเมืองหย่งอันใช้รูปโฉมงามเลิศหล้าที่สตรีในเมืองหลวงทาบไม่ติดทำให้คนทั้งหมดต้องกลั้นหายใจตะลึงลานในความงาม เอ่ยวาจาอื่นใดไม่ออกอีก
ฉินซูหวั่นอ้าปากค้าง เหม่อลอยไปแล้ว ครั้นนึกได้ว่าตนเองเพิ่งจะโต้เถียงยืนกรานไม่เชื่อเด็ดขาดว่ากู้เจี้ยนหลีกลับมามีโฉมงดงามตามเดิมท่ามกลางสายตาคนตั้งมากเพียงนั้นก็อับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีในทันที เป็นนานกว่านางจะรู้สึกตัว อาการแน่นหน้าอกบังคับให้นางหอบหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะมองไปยังจ้าวอวิ๋นหลิงที่สนิทสนมกันโดยจิตใต้สำนึก กลับพบว่าอีกฝ่ายกระเถิบตัวออกห่างจากนางไปอยู่ใกล้กับเฉิงเหมยหย่าแล้ว
ฉินซูหวั่นโมโหจนแทบจะหายใจไม่ออก!
ส่วนถังหงฮุ่ยซึ่งกล่าววาจาค่อนแคะกู้เจี้ยนหลีในงานแต่งงานของหลงอวี๋จวินน่ะหรือ น่าเสียดายที่วันนี้นางไม่อยู่ ไม่อาจได้เห็นกู้เจี้ยนหลีที่กลับมามีรูปโฉมงดงามตามเดิมด้วยตาตนเอง เนื่องด้วยนางไม่มีคุณสมบัติจะมาร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ เกรงว่าวันหน้านางก็คงจะไม่ได้เห็นแล้ว เป็นเพราะวงสังคมของนางลดระดับลงไม่หยุด ไม่มีคุณสมบัติพอจะปรากฏตัวเบื้องหน้ากู้เจี้ยนหลีอีกต่อไป
แน่นอนว่าฉินซูหวั่นเองก็ไม่อาจปรากฏตัวเบื้องหน้ากู้เจี้ยนหลีได้อีกแล้วเช่นกัน
กู้ไจ้หลีและกู้เจี้ยนหลีคุ้นชินกับสายตาเช่นนี้มานานแล้ว พวกนางเดินอยู่ด้านหนึ่งของกู้จิ้งหยวน เถาซื่อเดินอยู่อีกด้าน ส่วนจีอู๋จิ้งเบื่อความยุ่งยากจึงไม่ตามมาด้วย
กู้เจี้ยนหลีเอ่ยถามเสียงเบา “เสี่ยวชวนเล่า”
“วิ่งไปเล่นที่อื่นแล้ว” กู้จิ้งหยวนตอบ
กู้เจี้ยนหลีมองดูสีหน้าของบิดาอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง บิดาสีหน้าเป็นปกติ หาได้มีโทสะสักกระผีก แม้กู้ชวนจะซุกซนไปบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็มีขอบเขต ไม่มีทางทำเรื่องไม่เหมาะสมในงานเช่นนี้แน่นอน
กู้เจี้ยนหลีแจ้งใจ เห็นได้ชัดว่าบิดาจงใจไล่กู้ชวนไปเอง คิดว่างานเลี้ยงวันนี้เป็นไปได้สูงที่จะเกิดเรื่องบางอย่าง…
ความคิดของนางหยุดชะงักไปชั่วครู่ รู้สึกไม่ใคร่ชอบใจนัก นี่เป็นปีแรกที่บิดาจัดงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิด แต่กลับต้องมาถูกผู้อื่นใช้เป็นข้ออ้างหาเรื่องโจมตี
กู้จิ้งหยวนเพิ่งเดินไปถึงประตูใหญ่ ขบวนเสด็จก็มาถึงแล้ว
จีหลันลงจากรถม้าโดยมีซุนอิ่นจู๋ตามลงมา คนทั้งหลายถวายบังคม จีหลันบอกให้ทุกคนไม่ต้องมากพิธี จากนั้นก็กล่าวว่าวันนี้สามารถงดเว้นพิธีรีตองทั้งปวงด้วยมาอวยพรวันเกิดกัน
ฝูงชนคลาคล่ำลุกขึ้นโดยไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย
บนหน้าจีหลันประดับด้วยรอยยิ้มสุภาพอ่อนโยน สายตาเขากวาดผ่านสองพี่น้องข้างกายกู้จิ้งหยวน หยุดอยู่บนหน้าของกู้เจี้ยนหลีนานขึ้นชั่วพริบตา เขาที่มีท่าทีสุขุมอ่อนโยนเสมอมามีแววหวั่นไหวในสีหน้าเป็นครั้งแรกเพราะความตื่นตะลึง