กู้เจี้ยนหลีคิดเรื่องของพี่สาวมาตลอดทางจนกลับถึงห้องตนเอง
นางก้าวเข้าห้องชั้นใน จีอู๋จิ้งก็เดินออกมาจากห้องข้างทางตะวันตกพอดี เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ สวมกระโปรงสีชมพูของกู้เจี้ยนหลีไว้บนตัว
กู้เจี้ยนหลีงุนงงอยู่ครู่หนึ่งถึงเอ่ยถามว่า “มิใช่ว่าพกชุดสำหรับผลัดเปลี่ยนมาให้ท่านแล้วหรือ”
จีอู๋จิ้งปรายตามองนาง เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร “สวมของเจ้าไม่ได้หรือ”
กู้เจี้ยนหลีส่ายหน้า “ไม่ใช่ไม่ชอบที่ท่านสวมชุดสตรี เพียงแต่ชุดของข้ามีขนาดเล็ก ท่านใส่แล้วไม่อึดอัดหรือ”
“ไม่เห็นเป็นไร อย่างไรก็ใส่ประเดี๋ยวเดียว ตอนนอนก็ต้องถอดแล้ว” จีอู๋จิ้งพูดโดยไม่คิดอะไร
กู้เจี้ยนหลีจึงไม่ได้พูดอะไรอีกเช่นกัน คิดในใจว่ากลับบ้านแล้วจะต้องหาเวลาเย็บกระโปรงให้จีอู๋จิ้งจนเสร็จแล้วมอบให้เขาให้ได้
นางล้างหน้าล้างตาแล้วรีบดับตะเกียงขึ้นเตียงจากทางปลายเตียง วิ่งวุ่นเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน นางเพลียมากจริงๆ เดิมทีนางควรไปพบบิดาเพื่อสอบถามเรื่องมือสังหารในวันนี้สักหน่อย แต่เขารับรองแขกอยู่ในห้องหนังสือจนดึกดื่น ยามนี้คงกำลังง่วนกับเรื่องของพี่สาวอยู่ นางจึงคิดว่าค่อยไปถามบิดาในวันพรุ่งนี้
ท่ามกลางความมืดมิดจีอู๋จิ้งหันมารวบตัวกู้เจี้ยนหลีเข้าอ้อมแขน นางคลำดูส่งๆ ก็สัมผัสได้ว่าเขาถอดกระโปรงออกแล้วจริงๆ
“เหตุใดนายท่านห้าชอบสวมกระโปรงของสตรีถึงเพียงนั้นเล่า”
“ไม่ได้ชอบมากเสียหน่อย” จีอู๋จิ้งตอบโดยไม่คิด
กู้เจี้ยนหลีมุ่นคิ้ว ไม่พอใจในคำตอบนี้ของเขานัก
ผ่านไปครู่หนึ่งจีอู๋จิ้งก็อ้าปากหาวก่อนจะซุกหน้ากับซอกคอของหญิงสาว พูดอย่างเกียจคร้าน “เสื้อผ้าเจ้าหอมดี”
ไม่ใช่ชอบชุดสตรี เพียงแต่ชอบกลิ่นหอมอ่อนๆ บนชุดของเจ้าเท่านั้นเอง
กู้เจี้ยนหลีอึ้งงัน ใจพลันเต้นเร็วขึ้น หน้าแดงระเรื่อเพราะคำพูดที่ไม่คิดอะไรของเขา นางขยับถอยหลังเล็กน้อย ไม่อยากให้จีอู๋จิ้งสังเกตเห็น ให้ความมืดมิดอำพรางสีหน้าไม่ค่อยเป็นธรรมชาติของนางไว้
“กู้เจี้ยนหลี เจ้าดิ้นยุกยิกเหมือนหนอนเพราะเหตุใด” จีอู๋จิ้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงรำคาญ
กู้เจี้ยนหลีไม่ขยับตัวแล้ว ปล่อยให้จีอู๋จิ้งกอดไว้อย่างว่าง่าย นางแนบใบหน้ากับกระหม่อมของเขา พูดเสียงอ่อนโยน “อีกสิบสองวันจะถึงวันเกิดของข้าแล้ว ในเมื่อท่านจำวันเกิดของตนเองไม่ได้ เช่นนั้นต่อไปนี้ท่านฉลองวันเกิดวันเดียวกับข้าดีหรือไม่”
จีอู๋จิ้งนอนหลับไม่สนใจนาง
กู้เจี้ยนหลีไม่ได้พูดอะไรต่อ แม้ตรงหน้าจะมืดมิด นางกลับยังคงลืมตา เหม่อลอยอยู่บ้าง
แค่พริบตาเดียวนางก็อยู่กับเขามาจะหนึ่งปีแล้ว
ในภวังค์ภาพยามแรกพบปรากฏขึ้นตรงหน้ากู้เจี้ยนหลี นางยังจำได้ว่าตนเองในเวลานั้นอยู่ในอารมณ์เด็ดเดี่ยวแน่วแน่เช่นไร นางมองบุรุษบนเตียงด้วยความอกสั่นขวัญแขวน แต่หลังจากนั้นก็ส่ายศีรษะคิดว่าบุรุษที่นอนป่วยอยู่บนเตียงมีรูปโฉมเย้ายวนเกินไป…
ภาพวันเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันค่อยๆ ฉายให้เห็น กู้เจี้ยนหลีกะพริบตาอย่างแช่มช้า คิดถึงเรื่องในอดีตพร้อมกับค่อยๆ จมลงสู่นิทรา
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นกู้เจี้ยนหลีกับจีอู๋จิ้งไปกินข้าวที่โถงด้านหน้าด้วยกัน กู้เจี้ยนหลีเห็นใบหน้าดำทะมึนของบิดา นางก็ลอบมองไปที่เถาซื่อ เถาซื่อมองนางแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย
กู้เจี้ยนหลีแจ้งใจ คิดว่าบิดาคงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของพี่สาวกับหรงหยวนโย่ว
นางเพิ่งมีความคิดนี้ผุดขึ้นในใจ บ่าวรับใช้ก็เข้ามารายงานว่าหรงหยวนโย่วมาแล้ว
พอหรงหยวนโย่วเข้ามา มองเห็นว่าอาหารเช้าเพิ่งยกขึ้นโต๊ะยังไม่ทันกิน เขาก็พูดเสียงดังฟังชัดด้วยความโล่งใจ “มาเมืองหลวงครานี้ได้พาพ่อครัวจากบ้านเกิดมาด้วย เช้านี้ข้าให้เขาทำอาหารเช้าพิเศษประจำบ้านเกิดมาจำนวนหนึ่ง นำมาให้ท่านอ๋องลองชิมดูขอรับ”
กู้ไจ้หลีจิบชาไปหนึ่งอึกก่อนมองมายังหรงหยวนโย่วที่แสร้งทำเป็นสงบนิ่งด้วยท่าทางสบายๆ นางนึกขึ้นได้รางๆ แล้วว่าเมื่อหลายปีก่อนคล้ายจะมีหนหนึ่งที่นางพูดกับหรงหวั่นอินโดยไม่ได้ตั้งใจว่ารู้สึกสนใจอาหารของทางใต้
กู้จิ้งหยวนชำเลืองมองหรงหยวนโย่ว
ทั้งๆ ที่ยามอีกฝ่ายมาพักช่วงสั้นๆ ที่จวนอ๋องในสมัยเด็ก กู้จิ้งหยวนยังชมเด็กคนนี้ไม่ขาดปาก เคยบอกให้กู้ชวนยึดถือเขาเป็นแบบอย่างอยู่หลายครั้ง แต่ยามนี้ได้เห็นหน้าเขาอีกครั้ง เหตุใดจึงรู้สึกขัดหูขัดตาปานนี้เล่า
มองดูบรรดาอาหารทางใต้ที่ปรุงแต่งอย่างประณีตถูกยกขึ้นโต๊ะ กู้จิ้งหยวนยิ่งไม่อยากอาหาร เขาวางตะเกียบลง มองจีอู๋จิ้งก่อนจะพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ไป! ไปตกปลาในน้ำแข็งเป็นเพื่อนข้า”
จีอู๋จิ้งตวัดตามองเขาปราดหนึ่งแล้วรั้งสายตากลับ กินโจ๊กปลาของตนเองไปช้าๆ พูดอย่างไม่ให้ความร่วมมืออย่างยิ่ง “หนาว”