รอจนสตินางกลับมาครบถ้วนแล้วก็เบิกตาโพลง รีบลุกขึ้นโดยพลัน นางดึงผ้าห่มบนร่างออกก่อนมองคราบเลือดบนผ้าปูเตียงด้วยความตกตะลึง บนผ้าปูเตียงสีม่วงอมชมพูใช้ด้ายเงินปักลายดอกติงเซียง ดูสง่างามไว้มากมาย ยามนี้ดอกติงเซียงกลับถูกย้อมสีแดงกลายเป็นดอกเหมยไปเสียแล้ว
กู้เจี้ยนหลีตกใจจนยกมือปิดปาก
ไม่ใช่ว่านางจำกำหนดที่ระดูจะมาไม่ได้จนไม่ได้ตระเตรียมการล่วงหน้า แต่เพราะตั้งแต่ครอบครัวนางตกระกำลำบาก ไม่ว่าอารมณ์ความรู้สึกหรืออาหารการกินล้วนเกิดความเปลี่ยนแปลงไม่น้อย ระดูของนางจึงไม่มากว่าสี่เดือนแล้ว เรื่องเช่นนี้นางรู้สึกไม่สะดวกใจจะเอ่ยปากจึงไม่ได้บอกคนในครอบครัว ซ้ำยังไม่ได้พบหมออีกต่างหาก
“เหตุใดยามนี้ถึง…”
กู้เจี้ยนหลีลนลานอยู่บ้าง เป็นความลนลานที่คล้ายกับยามระดูมาคราแรกไม่น้อย นางถึงขั้นเห็นว่ากางเกงนอนสีขาวราวกับหิมะของจีอู๋จิ้งซึ่งนอนอยู่ด้านข้างเปื้อนเลือดไปด้วย
“กู้เจี้ยนหลี” จีอู๋จิ้งเพิ่งจะตื่นนอนก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
กู้เจี้ยนหลีรีบร้อนดึงผ้าห่มมาคลุมขาไว้ พยายามปกปิดสุดความสามารถ
จีอู๋จิ้งหาวคราหนึ่งก่อนลุกขึ้นนั่งอย่างเกียจคร้าน “ไม่ต้องปิดแล้ว ข้าได้กลิ่นคาวเลือดตั้งแต่สองชั่วยามก่อนแล้ว”
“แล้วท่านก็ไม่ปลุกข้า…” กู้เจี้ยนหลีเอ่ยเสียงเบาราวกับยุงบิน
จีอู๋จิ้งกล่าวอย่างสบายๆ “ข้าดูแล้วไม่ใช่เลือดจากแผลที่ขาเจ้านี่”
“ท่าน!” กู้เจี้ยนหลีไม่รู้จะกล่าวอะไรต่อแล้ว ได้แต่ก้มหน้าไม่ตอบคำ
จีอู๋จิ้งลงจากเตียงแล้วสวมรองเท้าอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะไปหยิบเสื้อผ้าสะอาดสะอ้านมาให้นางพลางถาม “เจ้าสิ่งนั้นวางไว้ที่ใด ใช่สองผืนที่ข้าเห็นเมื่อช่วงเย็นหรือไม่”
“ไม่ใช่ อยู่ในช่องล่างสุดในตู้เสื้อผ้า…”
จีอู๋จิ้งเอามาวางให้นางบนเตียงทั้งหมดก่อนจะถามขึ้น “ยังอยากได้สิ่งใดอีก”
กู้เจี้ยนหลีลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยเอ่ยเสียงเบา “น้ำ ขอน้ำอุ่น”
จีอู๋จิ้งหมุนกายเดินออกไปด้านนอก ตอนเดินถึงประตูจู่ๆ ก็หยุดฝีเท้า ร้อง “เอ๋?” ด้วยความสงสัยคราหนึ่ง ก่อนจะหันหน้ากลับมามองโดยไม่ขยับร่างกายส่วนอื่นแม้แต่น้อยพลางถาม “กู้เจี้ยนหลี เหตุใดเจ้าไม่เรียกจี้ซย่า”
กู้เจี้ยนหลีถอนใจคราหนึ่งขณะมองดูจีอู๋จิ้งอย่างหมดอาลัยตายอยาก เอ่ยเสียงอู้อี้ว่า “จีอู๋จิ้ง ท่านช่างน่ารำคาญจริงๆ”
“ไม่เรียกท่านอา ก็เรียกนายท่านสักคำเถอะ”
“ท่านอานายท่านห้า ช่วยข้าหน่อยเถิด แล้วข้าจะสอนท่านใส่ผ้าซับระดูดีหรือไม่เจ้าคะ” กู้เจี้ยนหลีเอ่ยโดยใช้น้ำเสียงเช่นเดียวกับยามหลอกล่อจีซิงหลัน
จีอู๋จิ้งเงียบไปพักใหญ่กว่าจะเอ่ยปากอีกครั้ง “กู้เจี้ยนหลี เด็กน้อยเช่นเจ้าเสียคนแล้ว”
“เป็นเพราะท่านอาสอนมาดี”
จีอู๋จิ้งยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันหน้ากลับไปแล้วเดินออกจากห้อง
ฟ้ายังไม่สว่างนัก บ่าวรับใช้ยังไม่ตื่นนอน ย่อมยังไม่มีน้ำอุ่นตระเตรียมไว้ จีอู๋จิ้งจึงต้องต้มน้ำเอง รอจนเขายกน้ำถังหนึ่งกลับเข้าห้องมา กู้เจี้ยนหลีก็ลงจากเตียงมานั่งบนม้านั่ง ซ้ำยังเปลี่ยนผ้าปูเตียงใหม่ทั้งหมดเรียบร้อย
หลังจากจีอู๋จิ้งวางถังไม้ลงตรงหน้ากู้เจี้ยนหลี นางก็เอ่ยปากด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “ถังเดียวไม่พอ ท่านช่วยต้มให้ข้าอีกสักถังได้หรือไม่”
จีอู๋จิ้งหัวเราะจนดวงตาพราวระยับ กล่าวขึ้นว่า “กู้เจี้ยนหลี ข้ออ้างกันข้าออกห่างของเจ้าใช้ไม่ได้เอาเสียเลย”
กู้เจี้ยนหลีเม้มปากไม่ตอบคำ
“ด้านนอกทั้งมืดทั้งหนาว ร่างกายนี้ของข้าเพิ่งจะดีขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เจ้าจะทำร้ายข้าเช่นนี้ไม่ได้” จีอู๋จิ้งโน้มตัวลง ใช้นิ้วจิ้มหน้าผากนางเล็กน้อย “มีเมตตาสักหน่อยสิ หลีหลีน้อยของข้า”
กู้เจี้ยนหลีถูกจิ้มหน้าผากจนศีรษะเอนไปด้านหลัง นางขยับหลบไปด้านหนึ่งพลางคลึงหน้าผากที่ถูกเขาจิ้ม จากนั้นก็ก้มหน้าลงมองผิวน้ำที่กระเพื่อมน้อยๆ บนนั้นสะท้อนภาพใบหน้าหมดอาลัยตายอยากของนางและรอยยิ้มของจีอู๋จิ้ง