“ข้าล้วนทำไปเพราะหวังดีกับคุณหนูหลัน! ดังคำที่ว่ายาดีต้องมีรสขม เอาใจให้คุณหนูหลันมีความสุขโดยไม่สนใจร่างกายของนางจึงจะเป็นเรื่องที่ผิด ข้าไม่คิดว่าตนเองพูดสิ่งใดผิดไป เรื่องวันนี้ไม่ว่าให้ใครตัดสิน ข้าก็ไม่ใช่ฝ่ายที่ไร้เหตุผลแน่นอน!”
จีซิงหลันรู้สึกกลัวอยู่บ้าง มองดูผู้ใหญ่ทั้งสามอย่างไร้เดียงสา
“คุณหนูสกุลเยี่ย” ในที่สุดกู้เจี้ยนหลีก็หันไปมองเยี่ยอวิ๋นเยวี่ย
เยี่ยอวิ๋นเยวี่ยตื่นตัวในทันที รวบรวมสติเตรียมพร้อมรับมือเต็มที่
“ออกไป” กู้เจี้ยนหลีเอ่ยเสียงแผ่วเบาเพียงสองคำก็หันกลับไปผูกผมให้จีซิงหลันต่อ
ฝ่ายจีซิงหลันลอบยัดลูกกวาดที่กำไว้ในมือเข้าปากจนแก้มน้อยๆ พองขึ้น
เยี่ยอวิ๋นเยวี่ยบันดาลโทสะในทันที นี่แย่ยิ่งกว่าตำหนินางสักประโยคสองประโยคด้วยซ้ำ อย่างน้อยการตำหนิก็แสดงออกถึงความใส่ใจไม่ก็เพราะอารมณ์โกรธ ทว่าเช่นนี้นับเป็นอะไร นี่นับเป็นการดูแคลนอย่างถึงที่สุด กระทั่งพูดกับนางสักประโยคยังไม่คิดจะทำ เป็นการดูถูกนางอย่างแท้จริง
เยี่ยอวิ๋นเยวี่ยกัดฟันกรอดพลางเดินออกไปอย่างกรุ่นโกรธ บอกตนเองว่าให้อดทนอีกหน่อย อย่างไรเสียอีกไม่นานจีเสวียนเค่อก็จะกลับมา กู้เจี้ยนหลีกับจีเสวียนเค่อแต่เดิมก็มีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ ชาตินี้นางเพียงราดน้ำมันบนกองไฟสักหน่อย จีอู๋จิ้งผู้เอาแน่เอานอนไม่ได้ย่อมไม่คิดเก็บกู้เจี้ยนหลีเอาไว้ ไม่แน่อาจจะฆ่ากู้เจี้ยนหลีด้วยมือตนเองก็ได้! เมื่อถึงเวลานั้นก็จะเป็นโอกาสอันดีของนางแล้ว…
จีซิงหลันถามเบาๆ “นางโกรธแล้วหรือ”
“ไม่ใช่หรอก นางมีเรื่องต้องไปทำเท่านั้น” กู้เจี้ยนหลีตอบส่งๆ
“อ้อ!” จีซิงหลันอายุยังน้อยจึงไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพียงครู่เดียวก็ลืมแล้ว
 
ระหว่างทางกลับจี้ซย่ายังคงพร่ำบ่นเรื่องเยี่ยอวิ๋นเยวี่ย นางถอนหายใจพลางกล่าว “บ่าวก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แค่ไม่ชอบหน้านาง เพียงเห็นก็รู้สึกรำคาญแล้วเจ้าค่ะ!”
กู้เจี้ยนหลีเอ่ยขึ้น “ข้าดูแล้วนางใส่ใจเรื่องซิงหลันมากจริงๆ ดูแลซิงหลันได้ไม่เลวเลย” ผ่านไปอีกครู่หนึ่งกู้เจี้ยนหลีคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่อ “ทว่าจุดประสงค์ของนางไม่บริสุทธิ์ หากซิงหลันรู้เข้า แม่หนูน้อยต้องน้ำตาร่วงเป็นแน่”
“ใช่ๆๆ! นางหลอกใช้คุณหนูสี่ชัดๆ ท่านห้ามใจอ่อนเชียวนะเจ้าคะ!” จี้ซย่ารีบกล่าว
กู้เจี้ยนหลีรู้สึกขบขันท่าทางของจี้ซย่า เอ่ยถามกลั้วหัวเราะว่า “เยี่ยอวิ๋นเยวี่ยผู้นั้นเหตุใดทำให้จี้ซย่าของข้าโมโหได้ถึงเพียงนี้”
“บ่าวกลัวว่าฮูหยินมีจิตใจดีเช่นนี้จะถูกนางหลอก! ดูแล้วหลังจากนางแต่งงานไปชีวิตไม่ราบรื่นนักจึงวกกลับมาหานายท่านห้า จะให้นางเหยียบศีรษะท่านขึ้นไปตามใจไม่ได้นะเจ้าคะ”
“ให้นางก่อเรื่องไปเถิด ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก” กู้เจี้ยนหลีเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
จี้ซย่าพิจารณาความนัยในวาจาของกู้เจี้ยนหลีโดยละเอียด นี่แปลว่ามดปลวกเช่นเยี่ยอวิ๋นเยวี่ยไม่ควรค่าให้ผู้เป็นนายออกโรงเองอย่างนั้นหรือ ก็จริง เจ้านายของนางกระทั่งฮ่องเต้ยังกล้าสังหาร เพียงแค่คนตัวเล็กๆ อย่างเยี่ยอวิ๋นเยวี่ยไหนเลยจะคู่ควรให้เจ้านายลดตัวมาจัดการ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ปล่อยให้นางจัดการเองเถิด
จี้ซย่าลอบตัดสินใจอย่างเด็ดขาด จะต้องจัดการเรื่องเยี่ยอวิ๋นเยวี่ยอย่างดีให้จงได้ เจ้านายจะได้ไม่เสียหน้า!
 
เมื่อกู้เจี้ยนหลีกับจีอู๋จิ้งกลับจวน คนอื่นๆ ในจวนก่วงผิงป๋อจึงพากันส่งของขวัญมาไม่หยุด หากมิใช่จีอู๋จิ้งไม่ชอบให้ผู้อื่นเหยียบย่างเข้าเรือนมารบกวน คนที่พากันเบนหางเสือตามทิศทางลม เหล่านี้คงจะก้าวเข้าเรือนมาไม่เว้นจนธรณีประตูพังทีเดียว
รัตติกาลยังไม่ทันโรยตัวจีอู๋จิ้งก็หลับไปแล้ว กู้เจี้ยนหลียืนมองชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงจากหน้าประตูพลางขมวดคิ้ว นางลองนับวันดู วันพรุ่งนี้ฤทธิ์จากหนอนกู่ตัวลูกในร่างของจีอู๋จิ้งจะบรรเทาลงแล้ว
กู้เจี้ยนหลีโบกมือเล็กน้อยเป็นเชิงให้จี้ซย่าออกไปได้ ส่วนตนเองค้ำไม้เท้าเดินตรงไปทางเตียงอย่างเชื่องช้า นางลองออกแรงเดินด้วยขาซ้าย ทว่ารู้สึกเจ็บมากจึงได้แต่ยอมแพ้ หลังจากเดินมาถึงก็นั่งลงตรงขอบเตียง จากนั้นก็โน้มตัวลงเท้าคางมองบุรุษบนเตียง
เนิ่นนานจากนั้นจีอู๋จิ้งก็เอ่ยปากขึ้นอย่างเกียจคร้านทั้งที่ยังปิดเปลือกตาอยู่ “กู้เจี้ยนหลี เจ้าหลงใหลในความงามของอาอีกแล้ว”
กู้เจี้ยนหลีขยับริมฝีปากโดยไร้เสียง ‘หน้าไม่อาย’ จากนั้นนางจึงเอ่ยปากว่า “ข้าไม่อยากเห็นเยี่ยอวิ๋นเยวี่ยอีกแล้ว”
จีอู๋จิ้งเปิดเปลือกตาขึ้นครึ่งเดียว หรี่ตามองมาทางกู้เจี้ยนหลี น้ำเสียงทุ้มต่ำยามเอ่ยถามแฝงแววอ่อนเพลียอยู่หลายส่วน
“ผู้ใด”
“เยี่ยอวิ๋นเยวี่ย”
จีอู๋จิ้งขมวดคิ้วราวกับหมดความอดทน “นั่นตัวอะไร”