บทที่ 76
“ไม่ใช่ตัว เป็นคน! คุณหนูสกุลเยี่ยที่ท่านให้อยู่ที่เรือนในฐานะสาวใช้ อดีตคู่หมั้นของท่าน เยี่ยอวิ๋นเยวี่ย” กู้เจี้ยนหลีอธิบายอย่างชัดเจนในรวดเดียว
“อ้อ” จีอู๋จิ้งตอบรับด้วยท่าทางที่ไม่ได้ใส่ใจฟังเท่าไรนักพลางกำมือหลวมๆ ขึ้นก่ายหน้าผากแล้วหลับตาลงอีกครั้ง
กู้เจี้ยนหลีดึงชายเสื้อเขาไว้พลางมุ่นคิ้ว “นางเป็นคนที่ท่านให้รั้งอยู่ ซ้ำฐานะยังพิเศษ ข้าจึงไม่กล้าตำหนินางแม้ครึ่งคำ ยามนี้นางเอาแต่ล้อมหน้าล้อมหลังซิงหลันทุกวัน ข้าไม่วางใจ หากท่านอยากจะรับอนุข้าก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ให้นางเป็นนายก็ไม่ใช่บ่าวก็ไม่เชิงเช่นนี้ ข้าก็ไม่รู้ว่าควรจัดการกับนางเช่นไรดี” นางเม้มปากเล็กน้อย เงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่ออีก “ทว่าหากท่านอยากรับอนุ คุณหนูสกุลเยี่ยกลับไม่เหมาะนัก ลองหาผู้ที่รู้หน้าที่ตนเองสักหน่อยจะดีกว่า”
“อะไรยุ่งยากวุ่นวายนักหนา” จีอู๋จิ้งที่กำลังหลับตารู้สึกง่วงงุนอยู่บ้าง “กู้เจี้ยนหลี รบกวนคนจะนอนต้องถูกตีก้น”
กู้เจี้ยนหลีปล่อยมือที่กำชายเสื้อจีอู๋จิ้งไว้ออก นางไม่กล่าวสิ่งใดอีก เพียงนั่งมองเขาอยู่ข้างๆ
จีอู๋จิ้งยื่นมือมาหานาง กล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “มานี่ ให้อากอดนอน”
กู้เจี้ยนหลีหันไปมองทางหน้าต่างแวบหนึ่ง ฟ้ายังไม่ทันมืดเลย ช่างเถิด อย่างไรก็ไม่มีเรื่องใดให้ทำอยู่แล้ว
นางลุกขึ้นค้ำไม้เท้าไปปลดม่านตรงหน้าต่างเพื่อบังแสงก่อนกลับมาที่เตียงแล้วปลดมุ้งลง จากนั้นจึงขึ้นไปบนเตียงโดยไม่ให้กระทบขาซ้าย จีอู๋จิ้งนอนมาครึ่งค่อนวันแล้ว ผ้าห่มจึงอุ่นอยู่มาก กู้เจี้ยนหลีกระถดตัวเข้าไป เพราะบาดแผลที่ขานางจึงเข้านอนในท่านอนหงายมานาน ยามนี้ถอดไม้ดามออกแล้ว นางจึงพลิกตัวอย่างระมัดระวัง ยกขาซ้ายพาดขาขวาช้าๆ ก่อนมุดหน้ากับหมอนอย่างมีความสุข ยังคงรู้สึกว่านอนตะแคงสบายกว่าอยู่สักหน่อย
แขนของจีอู๋จิ้งสอดเข้าใต้ลำคอของกู้เจี้ยนหลี ขยับเข้าใกล้กอดนางไว้จากด้านหลัง ส่วนแขนอีกข้างพาดไว้บนเอวนาง
กู้เจี้ยนหลีมึนงงอยู่บ้าง นึกออกอย่างรางๆ ว่าก่อนขานางจะได้รับบาดเจ็บจีอู๋จิ้งก็ชอบนอนกอดนางจากด้านหลัง ราวกับเห็นนางเป็นหมอนอย่างไรอย่างนั้น
สายตาของกู้เจี้ยนหลีเหลือบไปหยุดที่กลองป๋องแป๋งซึ่งวางอยู่ด้านในของเตียงโดยไม่ตั้งใจ นางมองดูภาพเด็กน้อยจ้ำม่ำสวมเอี๊ยมบนนั้น ในความคิดปรากฏภาพจีอู๋จิ้งยามนอนเล่นกลองป๋องแป๋งอยู่บนเตียงก่อนหน้านี้ สายตาของนางหยุดอยู่ตรงเด็กน้อยจ้ำม่ำบนกลองป๋องแป๋งนิ่งนาน จู่ๆ ใจพลันกระตุกหนึ่งจังหวะ
เหตุใดจีอู๋จิ้งจึงเล่นกลองป๋องแป๋งที่วาดภาพเด็กจ้ำม่ำ ซ้ำยังเล่นอย่างจดจ่อนานเพียงนี้
เขาคงไม่ได้อยากจะมีลูกกระมัง
กู้เจี้ยนหลีมุ่นคิ้วพลางนึกถึงยามปกติที่จีอู๋จิ้งอยู่กับจีซิงหลันและจีซิงโล่วแล้วคิดว่าเขาไม่น่าจะชื่นชอบเด็กนัก ทว่าไม่รู้เพราะฐานะของเด็กทั้งสองค่อนข้างอ่อนไหวหรือไม่ บางทีจีอู๋จิ้งจึงอยากจะมีบุตรจากภรรยาเอกขึ้นมา
กู้เจี้ยนหลีอดไม่ได้ที่จะนึกถึงพิษในกายเขาขึ้นมา หนอนกู่ตัวลูกเพียงแค่ช่วยหล่อเลี้ยงอวัยวะห้ากลั่นหกกรองให้อบอุ่น ฤทธิ์ของมันจะค่อยๆ ลดลงไปตามกาลเวลา ที่จริงนางเองก็มองออกว่าพักนี้จีอู๋จิ้งมักจะง่วงงุนอีกแล้ว
นางคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยอีกครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือไปคว้ากลองป๋องแป๋งอันนั้นไว้ กลองป๋องแป๋งเพิ่งจะตกอยู่ในมือนาง ลูกปัดน้อยๆ ซึ่งทำจากไม้ทั้งสองฝั่งก็สะบัดไปมาจนเกิดเสียงตึงๆ นางจึงรีบประคองมันไว้แนบอกไม่ให้มันสั่นอีก
จากนั้นนางจึงได้ยินเสียงคล้ายหมดความอดทนของชายหนุ่ม
จีอู๋จิ้งงอนิ้วเคาะลงกับศีรษะด้านหลังของกู้เจี้ยนหลี เอ่ยเสียงแหบพร่า “เข้านอน”
“เจ็บ!” กู้เจี้ยนหลีกุมศีรษะพลางโอดครวญ
จีอู๋จิ้งฝืนลืมตาพลางลองนึกเรื่องเยี่ยอวิ๋นเยวี่ย ตอนแรกเขาให้สตรีผู้นั้นรั้งอยู่ในฐานะสาวใช้ด้วยเหตุใดเขาเองก็จำไม่ได้แล้ว อาจเป็นเพราะนางกล่าววาจาจำพวก ‘จะเป็นสาวใช้’ เขาจึงตอบรับส่งๆ ให้นางมาเป็นสาวใช้กระมัง
จีอู๋จิ้งเอ่ยอย่างหมดความอดทน “ไม่อยากเห็นก็ไล่นางไปเสีย หากดื้อไม่ยอมจากไปก็ให้ฉางเซิงบีบคอให้ตาย กู้เจี้ยนหลี หากเจ้ายังเอาเรื่องเล็กเพียงนี้มากวนตอนข้านอนอีก ข้าจะ…”
จะทำอะไร