บทที่ 78
กู้เจี้ยนหลีไม่ทันส่งสัญญาณให้ฉางเซิงเงียบเสียง ถึงขั้นยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรด้วยซ้ำ จีซิงโล่วก็วิ่งออกจากห้องมาหยุดตรงหน้านางรวดเร็วราวกับลมกรด จากนั้นก็ชี้หน้านางด้วยท่าทางดุดันพลางตวาดกร้าว
“ท่านแอบฟัง!”
กู้เจี้ยนหลีมองตอบจีซิงโล่วนิ่งๆ ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “ตอนที่ท่านพ่อเจ้าดุคนเขาจะกระทำทั้งรอยยิ้ม แต่ไหนแต่ไรไม่เคยตวาดเสียงดัง”
จีซิงโล่วนิ่งงันไปทั้งอย่างนั้น
เห็นสีหน้ามึนงงของเด็กชาย กู้เจี้ยนหลีก็รู้แล้วว่าตนเองเดาไม่ผิด
จีซิงหลันวิ่งตามมาด้านหลัง ทว่าวิ่งมาถึงประตูกลับไม่ทันระวังสะดุดธรณีประตูเข้าจึงต้องตะเกียกตะกายลุกขึ้นก่อนออกวิ่งต่อ
กู้เจี้ยนหลีจูงนางให้มายืนข้างๆ ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนแล้วปัดๆ ฝุ่นตรงก้นให้ก่อนกล่าวขึ้นเสียงนุ่ม “ครั้งหน้าเวลาหลันหลันวิ่งจะต้องระวังหน่อยนะ”
จากนั้นนางก็ลูบหน้าผากของจีซิงหลันเล็กน้อยก่อนให้จี้ซย่าไปเอาเสื้อบุนวมตัวน้อยมาแล้วสวมให้เด็กหญิงด้วยตนเอง
“หลายวันมานี้หลันหลันไม่สบาย อยู่ในห้องให้มากหน่อยจะดีกว่า เข้าใจแล้วใช่หรือไม่”
“อื้มๆ! เข้าใจแล้ว หลันหลันเป็นเด็กดี หลันหลันเชื่อฟังมาก!” จีซิงหลันกอดแขนกู้เจี้ยนหลีพลางยกยิ้มจนตาโค้ง
ด้านหลินหมัวมัวพอหายาแก้ฟกช้ำเจอแล้วก็รีบกลับมา เมื่อเห็นว่ากู้เจี้ยนหลีอยู่ที่นี่ก็รีบออกหน้าแทนจีซิงโล่วอีกครั้ง
“ฮูหยินเจ้าคะ คุณชายหกพูดอะไรไม่รู้จักหนักเบามิใช่ไม่เคารพท่าน ท่านอย่าได้เก็บมาใส่ใจ จริงๆ คุณชายหกชอบท่านมากนะเจ้าคะ ระยะนี้ที่ท่านไม่อยู่เขายังคิดถึงท่านด้วย”
“เหตุใดถึงพูดมากเพียงนี้!” จีซิงโล่ววิ่งไปผลักหลินหมัวมัวทีหนึ่ง
จีซิงหลันวิ่งไปดึงพี่ชายไว้พลางเอ่ย “พี่ชายๆ! อย่าผลักหมัวมัว อย่าโกรธท่านแม่นะ!”
นางกอดเอวพี่ชายไว้จากข้างหลัง ศีรษะน้อยๆ ซบลงบนหลังเขา
กู้เจี้ยนหลีมองดูจีซิงหลันอย่างติดจะประหลาดใจ นี่นับเป็นครั้งแรกที่แม่หนูน้อยเรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ อย่างจริงจัง ถึงแม้จะไม่ได้เรียกระหว่างที่สนทนากับนางโดยตรงก็เถอะ
กู้เจี้ยนหลีกล่าวกับจีซิงโล่วว่า “ซิงโล่ว ไข้หวัดของน้องสาวเจ้ายังไม่หายดี ยามเช้าเช่นนี้อากาศหนาวมาก หากนางอยู่ด้านนอกต่ออีกจะป่วยหนักกว่าเดิม ยังไม่พาน้องสาวเข้าห้องไปอีกหรือ”
จีซิงโล่วลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็บ่นว่า “ยุ่งยาก” คำหนึ่งแล้วหันกลับไปจูงมือน้อยๆ ของน้องสาวพาเข้าห้อง เพราะก้าวเท้ายาวมากจึงทำให้จีซิงหลันที่จูงมือไว้เดินตุปัดตุเป๋ไปมา
กู้เจี้ยนหลีให้จี้ซย่าประคองตนเองเดินตามเข้าไป ในห้องปูพรมขนกระต่ายสีขาวราวกับหิมะ ด้านบนวางของเล่นเด็กหลากสีสันไว้ระเกะระกะ จีซิงโล่วปีนขึ้นเตียงแล้วคลุมโปงถึงศีรษะโดยมีจีซิงหลันยืนอยู่ข้างเตียงด้วยความงุนงง
“หลินหมัวมัว เอายามาให้ข้าเถิด” กู้เจี้ยนหลีเอ่ยขึ้น
หลินหมัวมัวมองกู้เจี้ยนหลีอย่างประหลาดใจแวบหนึ่งแล้วค่อยส่งยาแก้ฟกช้ำให้ กู้เจี้ยนหลีนั่งลงริมเตียงก่อนจะตบหลังจีซิงโล่วเบาๆ พลางกล่าว
“ตอนนี้อากาศหนาว ถ้าไม่ทายาแก้ฟกช้ำสักหน่อยจะบวมเอาได้นะ”
จีซิงโล่วที่คลุมโปงอยู่ร้องหึออกมาอย่างไม่เป็นมิตรนัก “ท่านหลอกเด็ก! ข้าไม่ได้เพิ่งถูกตีในหน้าหนาวครั้งแรก ตอนที่หนาวกว่านี้ถูกตียังไม่เป็นไร ผ่านไปก็หายดีแล้ว!”
กู้เจี้ยนหลีเผยอปากน้อยๆ รู้สึกปวดใจขึ้นมาโดยพลัน
จีซิงโล่วเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง เพียงสี่ขวบก็ถูกตีมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว จริงอยู่ที่เด็กคนนี้เจ้าอารมณ์ พูดจาไม่น่าฟัง ซ้ำยังดื้อรั้นจนทำให้ผู้อื่นปวดหัว ทว่าเขาไม่ได้ผิดอะไร ที่ผิดคือคนที่ควรสั่งสอนไม่ได้สั่งสอนเขาเท่านั้น
ในใจกู้เจี้ยนหลีกระจ่างแจ้ง หากจีซิงโล่วเป็นบุตรชายที่เกิดจากภรรยาเอกของจีอู๋จิ้ง คนในจวนย่อมไม่มีทางกล้าแตะต้องเขาถึงขั้นที่เป็นอยู่ แต่เพราะความไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยของจีอู๋จิ้ง หรือกล่าวอีกอย่างคือเพราะคนเป็นบิดาปล่อยเลยตามเลย ผู้อื่นจึงดูถูก เหยียดหยาม และรังแกเขา เด็กคนนี้ถึงต้องใช้วิธีที่โง่งมของตนเองเพื่อให้ได้รับความสำคัญจากผู้อื่น
บุตรนอกสมรสช่างเป็นฐานะที่อ่อนไหวนัก
กู้เจี้ยนหลีหันไปมองทางจีซิงหลันที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ
จีซิงหลันเห็นอีกฝ่ายมองมาก็ฉีกยิ้มสดใส เอ่ยอย่างรู้ความทันที “ท่านอย่าโกรธนะ ไม่โกรธพี่ชายได้หรือไม่”
กู้เจี้ยนหลีรู้สึกปวดใจยิ่งกว่าเดิม จีซิงหลันอายุยังน้อย เรื่องมากมายยังไม่เข้าใจ รอจนนางโตขึ้นสักหน่อยจึงจะรู้ว่าฐานะบุตรนอกสมรสนี้จะสร้างความลำบากให้กับตนเองเท่าไร
จู่ๆ กู้เจี้ยนหลีก็นึกเรื่องหนึ่งที่ตนเองละเลยมาตลอดขึ้นได้…หากจีอู๋จิ้งไม่อยู่แล้ว นางย่อมต้องจากจวนก่วงผิงป๋อไป ถึงเวลานั้นเด็กสองคนนี้จะทำอย่างไร นางไม่มีสิทธิ์พาพวกเขาไปจากที่นี่สักหน่อย