ปลายนิ้วมือที่แนบอยู่ข้างลำตัวพลันสั่นเทาเล็กน้อย
นางไม่เคยพบนายท่านห้าสกุลจี ทว่านางรู้จักคนผู้นี้ ทั่วทั้งแคว้นต้าจีไม่มีผู้ใดไม่รู้จักปีศาจร้ายที่สองมือเปื้อนเลือดเช่นเขา
กู้เจี้ยนหลีถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างตื่นกลัวระคนไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “นี่หมายความว่าอย่างไร”
เสียงของพ่อบ้านซ่งอ่อนลงหลายส่วน ตอบกลับเสียงเบาว่า “คุณหนูรองสกุลกู้ บ่าวขอกล่าวกับท่านด้วยความสัตย์จริง ด้วยสภาพการณ์ของตระกูลท่านในยามนี้ หากวันใดฝ่าบาทคิดสืบสาวเอาความขึ้นมาอีกจะมีโทษประหารถึงเก้าชั่วโคตรเชียว คุณชายสามจวนเราจะกล้าแต่งกับท่านได้อย่างไร”
ใบหน้าของกู้เจี้ยนหลีซีดขาว นางอดกลั้นต่อความเจ็บปวดในใจแล้วถามต่อ “เหตุใดไม่ถอนหมั้นให้จบๆ ไป”
“นี่เป็นสมรสพระราชทานจากฝ่าบาทเชียวนะขอรับ”
กู้เจี้ยนหลีไม่เข้าใจ ถอนหมั้นไม่ได้แต่เปลี่ยนคู่สมรสได้? นี่มิใช่เป็นการขัดราชโองการเช่นกันหรอกหรือ
ยามนี้พ่อบ้านซ่งพลันแย้มยิ้ม “นายท่านห้านามว่า ‘เจา’ คุณชายสามนามว่า ‘เซ่า’ ไม่รู้บนราชโองการมีน้ำหมึกหกมาหยดหนึ่ง บดบังตัวอักษรครึ่งซ้ายไปได้อย่างไร”
“ลอบเปลี่ยนแปลงราชโองการถือเป็นโทษประหารเช่นกัน…” เสียงของกู้เจี้ยนหลีสั่นเครือเล็กน้อย ทว่าเมื่อนางมองดูรอยยิ้มของพ่อบ้านซ่งก็แจ่มแจ้งขึ้นมาโดยพลัน
เกรงว่านี่จะเป็นความต้องการของคนในวังกระมัง
เวลานี้เถาซื่อกลับมาแล้ว นางพุ่งตรงเข้ามาในเรือนก่อนดึงตัวกู้เจี้ยนหลีไปยืนด้านหลังตนเอง จากนั้นมือหนึ่งยกขึ้นเท้าเอว อีกมือยกขึ้นชี้หน้าพ่อบ้านซ่งพลางกล่าวอย่างมีน้ำโห “ใครไม่รู้บ้างว่านายท่านห้าของพวกเจ้ามีชีวิตอยู่ได้ไม่พ้นฤดูหนาวนี้ กระทั่งโลงศพยังเตรียมไว้พร้อมแล้ว! นี่คิดจะให้เอ้อร์เหนียง ของเราฝังรวมไปกับเขาเลยสินะ! พอเอ้อร์เหนียงตายไปวันหน้าก็ทำให้พวกเจ้าเดือดร้อนไม่ได้แล้ว ซ้ำยังรักษาเกียรติรักษาหน้าตาไว้ได้ ช่างคำนวณไว้ได้ดีเสียจริง! พวกเจ้าจวนก่วงผิงป๋อไม่กล้าขัดราชโองการ แต่สกุลกู้ของพวกข้ากล้า! กลับไปบอกคนปลิ้นปล้อนพวกนั้นด้วยว่าวันนี้เป็นเอ้อร์เหนียงของเราปลดเจ้าสารเลวจีเสวียนเค่อนั่นออกจากการเป็นว่าที่สามี!”
ระหว่างที่ตะโกนโต้ตอบเถาซื่อทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะไปด้วย
“พวกขี้ขลาด ขี้ขลาดตาขาวกันทั้งนั้น!”
ยามนี้กู้เจี้ยนหลีค่อยๆ คลายอาการตกตะลึงลงแล้ว นางย่อตัวลงเปิดหีบออกดู
ภายในหีบมีเพียงผ้าสองผืน ข้าวเหนียวกับเส้นบะหมี่ อย่างละกระสอบ และเงินอีกห้าสิบตำลึง
หากสกุลกู้มีชื่อเสียงเกียรติยศเช่นวันวาน ไม่ว่าผู้ที่สู่ขอนางจะเป็นนายท่านห้าหรือคุณชายสามสกุลจี สินสอดที่ส่งมาก็ไม่อาจมีเพียงเท่านี้ ทำเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าจงใจหยามเกียรติกันอยู่จริงๆ
ทว่าในใจกู้เจี้ยนหลีกลับสงบนิ่งเกินความคาดหมาย นางลูบคลำเงินเหล่านั้นพลางคิด หากคนผู้นี้มาก่อนหน้าสักวันสองวันก็คงดี เช่นนั้นก็ไม่ต้องนำของต่างหน้าของท่านแม่ไปจำนำแล้ว
ส่วนการแต่งงานที่เอาชีวิตไปทิ้งเช่นนี้…
กู้เจี้ยนหลีพยักหน้ารับในที่สุด “รบกวนพ่อบ้านซ่งนำความกลับไปแจ้งด้วยว่าข้าตกลงจะแต่งงาน”
“ไม่ได้นะ! เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือ!” เถาซื่อฉุดกู้เจี้ยนหลีลุกขึ้นด้วยความโกรธ จากนั้นเดินไปข้างหน้าก้าวใหญ่บดบังร่างลูกเลี้ยงของตนไว้ ถกแขนเสื้อเตรียมจะด่าผู้มาเยือนจนสาแก่ใจ
“ท่านแม่” กู้เจี้ยนหลีเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา
เถาซื่อพลันชะงัก ตอบสนองไม่ทันอยู่นาน นางแต่งเข้าสกุลกู้มาเจ็ดปี รู้ดีว่าลูกเลี้ยงทั้งสองคนล้วนไม่ชอบตนเอง นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินคำเรียกขานเช่นนี้ สามเดือนมานี้ภาพลักษณ์ใดของนางล้วนไม่หลงเหลือแล้ว ดึงดันแบกรับทุกอย่างเอาไว้ราวกับคนบ้า ยามนี้ในใจคล้ายถูกคลื่นลูกหนึ่งซัดสาด ทั้งขมขื่นทั้งปวดร้าว